สกู๊ป : Semi = Final "นัดชิงที่แท้จริง?!"

หากการพบกันของคู่นี้จะเกิดขึ้นที่ สต๊าด เดอ ฟรองซ์ คงจะเป็นฉากสุดท้ายที่สวยงามที่สุดเท่าจินตนาการได้สำหรับฟุตบอลยูโร 2016 ครับ

เมื่อเจ้าภาพได้พบกับแชมป์โลก ในบ้านของตัวเอง โดยมีตำแหน่งจ้าวยุโรปและอนาคตในวงการลูกหนังที่มีโอกาสต่อยอดความสำเร็จอีก 5-10 ปีเป็นเดิมพัน

ไม่มีอะไรดีไปกว่านั้นแล้วครับ แต่เมื่อมันไม่เป็นเช่นนั้น เราก็ควรจะมีความสุขกับเกมรอบรองชนะเลิศที่น่าจะดีที่สุดในรอบหลายปีของวงการฟุตบอลกันครับ

ระหว่าง เยอรมัน และฝรั่งเศส จะเป็นเกมที่แตกต่างจาก โปรตุเกส และเวลส์ เพราะนี่คือเกมของ 2 ทีมที่มีคุณภาพสูงที่สุดในฟุตบอลยูโรครั้งนี้ ระดับการเล่นของพวกเขาสูงที่สุด มีนักเตะที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์มากที่สุด

และต้องยอมรับว่าเป็นสองทีมที่เล่นได้น่าดูที่สุดด้วยเช่นกัน

เยอรมัน สยบคำครหาที่มีในช่วงก่อนหน้านี้ว่าพวกเขากำลังอยู่ในช่วง “ขาลง” ได้อย่างสง่างาม ด้วยผลงานที่ถือว่าดีขึ้นตามลำดับเมื่อมองจากเกมแรกจนถึงเกมที่สามารถสยบ อิตาลี ทีมที่เล่นตามแท็คติกส์ได้ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์

ในฟุตบอลโลก 2014 เราได้เห็นการแจ้งเกิดของ มาริโอ เกิตเซ่ ส่วนในครานี้ ฌูเลียง แดรกซ์เลอร์ กำลังเจิดจรัสในฐานะดาวดวงใหม่ได้สมกับที่แฟนบอลจำนวนมากคาดหวังในตัวเขามานาน

ขณะที่ฝรั่งเศสเองก็ก้าวผ่านอุปสรรคนานา โดยเฉพาะเรื่องของความกดดันและความคาดหวังมาได้อย่างน่าประทับใจ

ถึงแม้จะเป็นเจ้าภาพ และมีสถิติที่น่าประทับใจยามลงแข่งขันภายในบ้านตัวเองได้แชมป์ 2 จาก 3 สมัย (แชมป์ฟุตบอลยูโร 1984 และแชมป์ฟุตบอลโลก 1998) แต่ที่ผ่านมาจะมีสักกี่คนที่เชื่อว่าพวกเขาเป็นทีมที่ดีพอที่จะเป็นแชมป์ได้จริง?

นักเตะสตาร์อย่าง ปอล ป็อกบา, อองตวน กรีซมันน์ หรือแม้แต่ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ มีเครื่องหมายคำถามติดตัวเต็มไปหมด

แต่จากจุดเปลี่ยนกับประตูชัยของ ดิมิทรี ปาเยต ในเกมนัดแรกกับโรมาเนีย ฝรั่งเศส ค่อยๆกลายเป็นทีมที่เติบโตขึ้นตามลำดับ นักเตะทุกคนยกระดับการเล่นของตัวเองจากนัดสู่นัด และไม่ได้เป็นทีมที่ฝากความหวังไว้กับใครคนใดคนหนึ่ง

ไม่ใช่ ปาเยต ไม่ใช่กรีซมันน์ แม้แต่ ชิรูด์ (ที่แฟนฝรั่งเศสไม่ชื่นชอบ แต่ล่าสุดเอาชนะใจพวกเขาได้สำเร็จ) และ ป็อกบา ก็เริ่มแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นนักเตะที่สามารถฝากความหวังของคนทั้งประเทศได้

เรื่องที่ดีคือ ฝรั่งเศส เริ่มเข้าฝักในเวลาไล่เลี่ยกับที่เยอรมัน เองก็ผ่านการทดสอบทางจิตใจที่หนักหน่วงมาเช่นกันในเกมกับอิตาลี ซึ่งนั่นหมายความว่าเราน่าจะได้ชมเกมที่ดีที่สุดของยูโรครั้งนี้กันที่สต๊าด เวโลโดรม

โดยที่ทีมใดที่ผ่านด่านนี้ไปได้ พวกเขาจะเป็นทีมเต็งที่จะคว้าแชมป์แน่นอนครับ