สกู๊ป : แด่เวลส์.. "ผู้ชนะในคราบผู้แพ้"

สกู๊ป : แด่เวลส์.. "ผู้ชนะในคราบผู้แพ้"

สกู๊ป : แด่เวลส์.. "ผู้ชนะในคราบผู้แพ้"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม้ เวลส์ จะไปได้ไม่ถึงฝั่งฝัน อดสร้างหน้าประวัติศาสตร์ด้วยการลุ้นคว้าแชมป์ ยูโร หนแรกให้กับตัวเอง

ทว่าตั้งแต่จบเกม 90 นาทีที่แพ้ให้กับ โปรตุเกส 0-2 ในเกมรอบรองชนะเลิศ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่าน กลับไม่เสียงบ่น หรือวิจารณ์ในเชิงลบเลย

ทีม "มังกรแดง" ถูกยกย่องว่าเป็นผู้ชนะที่แท้จริงของรายการนี้ พวกเขาเดินทางมาไกลเกินที่ใครคาดคิด และไม่มีอะไรที่ต้องเสียใจกับความผิดหวังนี้

และนี้คือ 5 ข้อยืนยันว่าทำไมเสียงส่วนใหญ่ถึงบอกว่า เวลส์ สมควรจะยิ้มรับกับความปราชัยครั้งนี้

1.ทีมบริติชที่ดีที่สุด

แม้จะมีพลาดท่าแพ้ให้กับ อังกฤษ ในรอบแบ่งกลุ่ม ทว่าเกมนัดนั้นก็เป็นเพียงฟุตบอลนัดเดียวที่ไม่สามารถประเมินความสำเร็จใดๆได้

เวลส์ ในยุคที่ผ่านมามักจะเป็นแค่ทีมลูกไล่ของเพื่อนบ้านอยู่เสมอ อย่างในรายการนี้ก็เพิ่งผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายได้เป็นครั้งแรก

อย่างไรก็ตาม สำหรับทีมจากสหราชอาณาจักร ทีม "มังกรแดง" กลับไปได้ไกลที่สุด ขณะที่ อังกฤษ กับ ไอร์แลนด์เหนือ ร่วงไปตั้งแต่รอบ 16 ทีม ขณะที่ สกอตแลนด์ ไม่ได้แม้กระทั่งผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย

2.เปิดกระแสบ้าบอล

สำหรับประเทศอย่าง เวลส์ กีฬาที่เป็นหน้าเป็นตา หรือกีฬาเบอร์หนึ่งเป็นทาง รักบี้ ที่พวกเขาเป็นถึงทีมอันดับ 5 ของโลก

ทว่ากระแสฟุตบอลในตอนนี้ถือว่าแรงมากๆ ผลงานที่ยอดเยี่ยมของทีม "มังกรแดง" ใน ยูโร 2016 ทำให้แฟนกีฬาหันมาสนใจเป็นอย่างมาก

มีแฟนบอลมากกว่าครึ่งประเทศที่คาดว่าได้ดูเกมกับ โปรตุเกส ผ่านทางทีวี นอกจากนี้ยังมีแฟนบอลกว่า 20,000 คนที่เดินทางไปยังลียง

ขณะที่เวทีจอยักษ์ ณ สนามบอลในเมืองคาร์ดิฟฟ์ ที่จุคนได้ 27,000 คน ถูกจองตั๋วหมดภายใน 90 นาที และมีอีก 10,000 คน ที่หันไปอยู่ในแฟนโซนที่ สวอนซี

กระแสฟีเว่อร์ฟุตบอลแบบนี้เชื่อเหลือเกินว่าจะเป็นแรงผลักดันให้กับวงการลูกหนังของ เวลส์ ได้อีกมากมาย

3.เงินรางวัล

เวลส์ ผู้แทบจะไม่เคยผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายของรายการระดับเมเจอร์เลยในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ทว่าพอได้เล่นในรอบสุดท้าย พวกเขาก็ทำเซอร์ไพรส์ไปได้ไกลถึงรอบรองชนะเลิศ

การเดินทางตั้งแต่ผ่านรอบคัดเลือก (6.4 ล้านปอนด์) คว้าอันดับ 2 ในรอบแบ่งกลุ่ม (1.7 ล้านปอนด์ + ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมอีก 1.3 ล้านปอนด์) การผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีม (1.3 ล้านปอนด์) และเป็นหนึ่งใน 4 ทีมสุดท้าย (3.4 ล้านปอนด์)

รวมๆ แล้วเฉพาะรายการนี้ เวลส์ ฟันเงินรางวัลไปทั้งสิ้น 14.9 ล้านปอนด์

เงินรางวัลขนาดนี้ถือว่ามหาศาลมากสำหรับสมาคมฟุตบอล เวลส์ เพราะบทสรุปการเงินในปีที่ผ่านมาพวกเขาทำกำไรได้เพียง 20,000 ปอนด์เท่านั้นเอง

4.ประตูที่เหนือชั้นที่สุด

เวลส์ อาจจะถูกนิยามว่าเป็นบอลเกมรับ มีการวางแผนเล่นด้วยการใช้กองหลังถึง 5 คน ทว่าผลงานที่ผ่านมามันพิสูจน์แล้วว่า เวลส์ ก็มีเกมรุกที่เด็ดดวง เพราะยิงได้ถึง 10 ประตู

หลายๆ ลูกจัดว่าเป็นประตูที่สวยงาม โดยเฉพาะฟรีคิกบันลือโลกของ แกเร็ธ เบล ที่ยิงใส่ทั้ง สโลวาเกีย และทีมชาติอังกฤษ

ทว่าที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุดคงหนีไม่พ้นประตูของ ฮัล ร็อบสัน คานู ที่ซัลโวได้ในเกมเจอกับ เบลเยี่ยม ด้วยจังหวะการดึงหลอกแบบ "ครัฟฟ์ เทิร์น" มันทำให้กองหลังของคู่แข่งเสียมวยถึง 2-3 ราย

แม้จะยังไม่รู้ว่าประตูนี้จะได้รับเลือกให้เป็นลูกที่สวยที่สุดของทัวร์นาเมนต์หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ในสายตาของแฟนบอล มันคือลูกที่เหนือชั้นที่สุด และจะถูกพูดถึงไปอีกนาน

5.ยุคใหม่ "มังกรแดง"

สำหรับทีมชุดประวัติศาสตร์ นับเฉพาะ 11 ตัวจริงมีเพียง แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์ กองหลังกัปตันทีมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อายุเกิน 30 ปี

ที่เหลืออยู่ในวัยกำลังคึก อัตราเฉลี่ยรวมทั้งทีมก็เพียงแค่ 27.3 ปีเท่านั้น เป็นทีมอันดับ 7 ที่อายุน้อยที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้

ขณะที่ 2 ซุปตาร์อย่าง แกเร็ธ เบล และ อารอน แรมซี่ย์ ก็อายุเพิ่ง 26 และ 25 เท่านั้น พวกเขายังพร้อมที่จะนำทีมได้อีกยาวๆ

พูดกันตรงๆ นาทีนี้ เวลส์ กำลังมาถูกทาง ด้วยทีมชุดเดิม เพิ่มเติมเรื่องประสบการณ์ที่เก็บมาอย่างเต็มที่ใน ยูโร 2016 พวกเขาจะเป็นทีมที่น่ากลัวมากๆ ในการคัดเลือกฟุตบอลโลก 2018

ซึ่งหากตีตั๋วไปเล่นที่ รัสเซีย ได้ เชื่อว่า เวลส์ ในอีก 2 ปีข้างหน้า นักเตะส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงอายุที่กำลังท็อปฟอร์มพอดิบพอดี พวกเขาอาจจะสร้างเรื่องเซอร์ไพรส์ได้อีกครั้งก็เป็นได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook