สกู๊ป : จากศัตรูมาเป็นเพื่อน?!
ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปประกอบด้วยนักเตะจากหลากหลายสโมสรมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือเรอัล มาดริด
“ราชันชุดขาว” ส่งนักเตะเข้าประกวดรายการนี้ถึง 8 คน ทั้ง เปเป้, คริสติอาโน่ โรนัลโด้, ลูก้า โมดริช, มาเตโอ โควาซิช, แกเร็ธ เบล, โทนี่ โครส, ลูคัส บาซเกซ และ เซร์คิโอ รามอส
เมื่อรวมกับแข้งป้ายแดงแต่หน้าเก่ารายล่าสุดที่กลับมาสู่ทีม คือ อัลบาโร่ โมราต้า ก็กลายเป็น 9 คนด้วยกัน
ทั้ง 9 คน แบ่งออกได้ถึง 5 ชาติด้วยกัน
และแต่ละชาตินั้นก็สามารถเข้าถึงรอบน็อกเอาท์กันได้ทั้งหมด โดยมีถึง 3 ชาติที่มีนักเตะเรอัล เป็นตัวหลักและหลุดไปจนถึงรอบรองชนะเลิศได้แก่ โปรตุเกส, เวลส์ และ เยอรมัน
จริงแล้วฝรั่งเศสก็มีนักเตะจากซานติอาโก้ เบร์นาบิว เหมือนกัน แต่เนื่องด้วยทั้งอาการบาดเจ็บและความประพฤติ ทำให้ ราฟาแอล วาราน และ คาริม เบนเซม่า ไม่ได้ติดทัพไปด้วย
หากมีสองคนนี้ในทีมแล้ว เชื่อว่า รอบเซมิไฟนัล จะมีแต่นักเตะของเรอัล มาดริด เดินชนกันในสนามอย่างแน่นอน
หรือในกรณีของ ปอล ป๊อกบา ก็ยังไม่แน่ว่าปีหน้าจะเปลี่ยนจากเสื้อลายขาวดำ เป็นไปเสื้อสีขาวเพียวๆ เลยหรือไม่
และเมื่อรายการนี้สิ้นสุดลงรู้ผลทีมคว้าแชมป์ทีมอกหัก ทั้ง 9 คนจาก 5 ชาติ เป็นอย่างน้อย ก็จะกลับมารวมกันอยู่ในแคมป์เดียวกันที่ บัลเดเบบาส ในเมืองหลวงประเทศสเปน
แน่นอนว่า เมื่อไม่ถึงเดือนที่แล้วพวกเขาเพิ่งจะห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดบนแผ่นดินน้ำหอม จะต้องกลับมาร่วมชายคากันอีกครั้ง
สปิริตทีมจะเป็นเรื่องของ ซีเนอดีน ซีดาน และบรรดาสตาฟฟ์ ให้กลับมาอยู่ในวงเดียวกันและมีเป้าหมายเดียวกัน โดยลืมเรื่องราวในศึกฟุตบอลยูโรที่ผ่านมา
เราได้เห็นภาพที่น่าประทับใจของการแข่งขันไปบ้างแล้ว ในเกมที่โปรตุเกส เจอกับ โครเอเชีย ในรอบ 16 ทีมุสุดท้าย หรือ โปรตุเกสเจอกับ เวลส์ ในรอบรองชนะเลิศ
ภาพที่อบอุ่นคือ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ เข้าไปสวมกอด ลูก้า โมดริช และเมื่อไม่กี่วันมานี้ ที่ CR7 เดินไปปลอบพญาวานร
โรนัลโด้ อาจจะดูเกรี้ยวกราด และเอาแต่ใจไปบ้างสำหรับเพื่อนร่วมทีม แต่สำหรับศัตรูแล้ว จังหวะนอกเกมแบบรุนแรง หรือ ทำร้ายคู่แข่งโดยเจตนาไม่เคยมีให้เห็นเลย
หากไม่นับจังหวะพุ่งล้ม หรือ ตบตากรรมการต่างๆนานาแล้ว เขาก็คือบุรุษลูกหนังคนหนึ่งดีๆ นี่เอง
ความมุ่งมั่นของเขาในสนาม มันอาจจะออกมาไม่สวยนัก ในยามที่เขาบ่นเพื่อนร่วมทีม หรือเห็นแก่ตัวเกิดไปบางครั้ง แต่นั่นมันบ่งบอกได้ชัดเจนถึงความมุ่งมั่นที่มีเกิน 100 เปอร์เซนต์ต่อเกม
และในทัวร์นาเมนต์ไม่ว่าชาติใดได้แชมป์ในรายการ ก็จะยิ่งทวีความน่ากลัวให้กับ เรอัล มาดริด ทั้งนั้น
ตัวอย่างเช่น หาก โปรตุเกส สามารถความแชมป์ได้ พวกนักเตะที่ผิดหวังมาหมาดๆ จากทั้งโครแอต และ ในสเปนอีก ก็คงยิ่งต้องการล้างความผิดหวังเข้าไปอีก
มันจะกลายเป็นการกลับมากระหายกลับความสำเร็จในสโมสรไปโดยปริยาย
เพราะจะว่ากันไปตามตรง บรรดาแข้งที่ตกรอบกลับมา หากไม่นับทีมชาติสเปนแล้ว พวกเขาถือได้ว่าโชว์ฟอร์มได้ดีกันทุกคน และที่เด่นสุดๆ ก็คือ แกเร็ธ เบล นี่เอง
ดีไม่ดี การกลับมารวมตัวกันหนนี้ ทีมอาจจะแน่นแฟ้นกว่าเดิมก็ได้ เนื่องมาจากความสำเร็จของนักเตะเพียงคนใดคนหนึ่งในทีมเท่านั้น
จะมีเพียงเรื่องเดียวที่ดูเป็นผลเสียสำหรับสโมสร คือสภาพความฟิต เพราะอย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่า นักเตะเรอัล มาดริด ที่ไปรับใช้ชาติหนนี้ เข้าสู่รอบสองกันได้ทั้งหมด
นั่นหมายถึงว่าถ้าใครเป็นตัวหลักสำหรับทีมชาติแล้ว ต้องเล่นอย่างต่ำ 4 นัดในรอบหนึ่งเดือนเลยทีเดียว จากเดิมที่รับใช้ต้นสังกัดมา 10 เดือนเต็มๆ
โดยราชันชุดขาวเองที่มารวมตัวในนามทีมชาติช้ากว่าชาวบ้าน เพราะดันเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จึงมีเกมให้เล่นมากกว่าทีมใดๆ ในยุโรป
หากไม่นับเรื่องสภาพร่างกายที่กรำศึกหนักมาแล้ว แฟนๆ เรอัล มาดริด ที่เพิ่งจะสมหวังกับบิ๊กเอียร์ที่ผ่านมา
คงมีความสุขกันได้ต่อเนื่องที่ นักเตะในสังกัดต่างเข้าแถวโชว์ฟอร์มในรายการได้ดีเกือบทุกคน
และหากรักษามาตรฐานการเล่นแบบนี้ไว้ โดยที่ได้ชาร์จพลังสำหรับการเริ่มต้นฤดูกาลใหม่แบบเต็มๆ
การได้เห็น ราชันชุดขาว กลับมาผงาดทั้งในประเทศและในระดับทวีปอีกครั้ง ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกนัก