สกู๊ป : "ฝอยทอง" มาถูกเวลา?!!
แม้ว่า ศึกยูโร 2016 ของทีม "มังกรแดง" เวลส์ จะจบลงเพียงแค่ในรอบรองชนะเลิศ ไม่อาจจะเดินหน้าไปถึงนัดชิงฯ เหมือนอย่างที่พวกเขา "คาด" และ "หวัง" จะให้เป็นไป แต่ก็ต้องยอมรับว่า ทีมเล็กๆ อย่าง เวลส์ มาได้ "ไกล" เกินความคาดหมายนับตั้งแต่เริ่มต้นของพวกเขามากมายนัก
การคว้าชัยชนะเหนือทีมเต็งแรงกิงอันดับ 2 ของโลกอย่าง เบลเยียม ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ได้ทำให้ทีมมังกรแดง ถูกมองว่า มีดีพอที่จะผ่านเข้าไปถึงนัดชิงชนะเลิศ หรือดีไม่ดี จะสร้างตำนาน "เทพนิยาย"กลายเป็นแชมป์ยุโรปแบบเหนือความคาดหมายก็เป็นได้
แต่ทว่า! รูปเกมในนัดพบกับ โปรตุเกส เมื่อคืนวันพุธ (6 ก.ค.) ที่ผ่านมา ทีมของกุนซือคริส โคลแมน ไม่อาจจะสร้างผลงานในระดับ "มาสเตอร์พีซ" ออกมาให้เห็น เฉกเช่นในนัดที่พวกเขา สยบทีมปิศาจแดงในรอบที่แล้วได้เลย
2 ประตูที่ต้องเสียให้กับทีมแดนขนมฝอยทองในช่วงต้นครึ่งเวลาหลัง ทำให้พลพรรคมังกรแดง ไม่อาจแสดงให้เห็นถึงการ "คัมแบ็ก" เหมือนอย่างที่เคยทำให้โลกได้ประจักษ์ในนัดล้มเบลเยียมเลยสักครั้งเดียว
แน่นอนว่า นี่คือ "ความผิดหวัง" ของพวกเขา แต่จะว่าไปแล้ว พวกเขาควรจะ "ลืม" ความผิดหวังในครั้งนี้ หันมองย้อนไป "ภาคภูมิใจ" กับความสำเร็จ ในสิ่งที่ได้สร้างให้วงการลูกหนังได้รับรู้ว่า "มังกรแดง" เวลส์ จะไม่ใช่ "ลูกไล่"
หรือเป็น "ทีมรองบ่อน" ของโลกลูกหนังอีกต่อไป
แกเร็ธ เบล บุรุษผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเวลส์ ออกมายอมรับว่า "ผิดหวัง" ที่พวกเขา ไม่อาจจะก้าวต่อไปในทัวร์นาเมนท์นี้ได้ แต่ก็ "ภาคภูมิใจ" ที่สุดแล้ว ในสิ่งที่ทีมมังกรแดงได้แสดงออกมาในเกมกับโปรตุเกส และในอีกหลายๆ เกมที่ผ่านม
แม้จะมีโอกาสเพียงน้อยนิด หรือแทบไม่มีเลย ในการที่จะกลับมาเป็นผู้ชนะ แต่ "เบล" ยังชื่นชมกับหัวจิตหัวใจนักสู้ของเพื่อนร่วมทีมทุกคนว่า ยังได้แสดงให้เห็นถึง "ความพยายาม" จนกระทั่งวินาทีสุดท้าย
สำหรับผู้ชนะ ทีมแดนขนมฝอยทอง "โปรตุเกส" ที่ถูก "ปรามาส" มาโดยตลอดว่า โชว์ฟอร์มได้ "ไม่สมราคา" กับที่ควรจะเป็น ในทีมที่มีผู้เล่นระดับ "เวิลด์คลาส" อย่าง "คริสติอาโน โรนัลโด" นำทัพ
การเสมอรวดในรอบแรก และผ่านรอบน็อกเอาท์มาได้แบบทุลักทุเล เอาชนะทีมตราหมากรุก "โครเอเชีย" ในการเล่น 120 นาที แบบที่ "มีเฮง" นิด ๆ เพราะทั้งเกม ยิงแบบได้ลุ้นจริงๆ เพียงหนเดียว
แต่กลับกลายเป็นประตูชัยไปเฉย ก่อนที่ในรอบ 8 ทีม ก็ต้องออกแรง 120 นาที แถมเอาชนะ โปแลนด์ ไม่ได้ ต้องไปตัดสินที่การดวลจุดโทษ ซึ่งพวกเขา เอาตัวรอดมาได้
ผลงานที่ดู "ขี้ริ้ว" ของพวกเขา จึงกลายเป็นสิ่งที่ "คาใจ" แฟน ๆ ว่า ทีม "เยี่ยงนี้" เหรอ ที่มีดีพอจะก้าวไปเป็น "แชมป์ยุโรป"
2 วันที่แล้ว คงจำกันได้ ในสิ่งที่ผม ตั้ง "สมมุติฐาน" ว่า โปรตุเกส รอเวลาที่จะถึงจุด "พีค" ที่อาจจะเป็น 2 นัดที่เหลือของทัวร์นาเมนท์ ก็ได้
เกมกับ เวลส์ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา โปรตุเกส ทำท่าว่าจะเป็นไปตาม "สมมุติฐาน" ที่ผมคาดการณ์เอาไว้ซะแล้ว
แม้จะมีเปอร์เซ็นต์การครองบอลที่เป็นรองคู่แข่ง (46 ต่อ 54 เปอร์เซ็นต์) มีสถิติการผ่านบอลที่เป็นรอง และมีสถิติอีกหลายอย่างที่ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นต่อ เวลส์
แต่! ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ การสร้างสรรโอกาสในการเข้าทำประตู พวกเขายังคงแสดงให้เห็นรูปแบบการเล่นเกมรุกที่ดูหวือหวา ด้วยการได้โอกาสซัลโว 17 หน มากกว่า เวลส์ เกือบครึ่ง (เวลส์ 9 หน) ในจำนวนนั้น
ทีมแดนฝอยทอง ยิงเข้ากรอบไป 8 หน และเป็น 2 ประตู ที่นำพวกเขาเดินหน้าเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในที่สุด
ความจริงแล้ว โปรตุเกส คือทีมที่สร้างโอกาสในการทำประตูมากเป็นอันดับต้น ๆ ของทัวร์นาเมนท์นี้เลยด้วยซ้ำไป นับตั้งแต่รอบแรก นัดแรก กับ ไอซ์แลนด์ มีโอกาสยิง 27 (เข้ากรอบ 7) จากนั้นในนัดที่ 2 กับ ออสเตรีย มีโอกาสยิง 23 (เข้ากรอบ 10)
และกับ ฮังการี พวกเขาสร้างโอกาสทำประตูได้ 19 หน (เข้ากรอบ 11) มีเพียงแค่ในรอบ 16ทีมกับ โครเอเชีย ที่พวกเขา สร้างโอกาสได้แค่น้อยนิด คือมีจังหวะยิง 5 หน (เข้ากรอบ 3) แต่ในรอบ 8 ทีมกับ โปแลนด์ ทีมของกุนซือซานโตส ก็สร้างโอกาสได้ถึง 21 ครั้ง (เข้ากรอบ 5)
สถิติตัวเลขไม่เคย "โกหก" ใคร ทีมแดนขนมฝอยทอง สร้างโอกาสการสังหารประตูได้มากมาย เพียงแต่ว่า พวกเขาทำโอกาสมากมายนั้น "ทิ้ง" ไปอย่างน่าเสียดาย
ตรงนี้แหละครับ ที่ทำให้ผมตั้งข้อสังเกตเอาไว้ก่อนหน้าว่า ทุกอย่างพวกเขาอาจจะยังดูไม่ดี แต่นี่คือการ "รอเวลาพีค" ของพวกเขา ซึ่งมันเริ่มมีให้เห็นแล้ว ในเกมกับเวลส์
ที่น่าสนใจมากกว่านั้นไปอีกก็คือ ฟอร์มของ คริสติอาโน โรนัลโด ที่น่าจะมีอะไรดีๆ ให้เห็นเพิ่มขึ้น หลังจากความหวังสูงสุดของทีมฝอยทอง เพิ่มจำนวนประตูในทัวร์นาเมนท์นี้เป็น 3 ลูก กลับมามีลุ้นเป็นดาวซัลโวสูงสุด อีกครั้ง
พวกเขาไปรออยู่ที่ปารีสแล้ว เหลือเพียงแค่จะได้เจอกับใคร ระหว่าง เจ้าภาพ "ฝรั่งเศส" กับแชมป์โลก "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี ที่มีหวังดวลเดือดกัน กว่าจะผ่านเข้าถึงรอบชิงฯ ได้ (ขณะที่ผมปั่นต้นฉบับ ยังไม่ทราบผล)
ด้วยศักยภาพของตัวผู้เล่น ทีมแดนขนมฝอยทอง อาจจะไม่ได้ดีไปกว่าคู่ต่อสู้ (ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่งเศส หรือ เยอรมัน)
ทว่า! ปัจจัยสำคัญยิ่ง ที่น่าขบคิดเหลือเกินก็คือ การได้พักมากกว่าคู่ต่อสู้ 1 วัน จะเป็นอีกข้อ 1 ได้เปรียบของทีมฝอยทอง ในการก้าวไปเป็นแชมป์ยุโรปหนแรกก็ได้
ใครเห็นด้วยกับความคิดตรงนี้ โปรดยกมือขึ้นครับ