ทำอย่างไร “โปรตุเกส” จะชนะ?
เดินทางมาถึงวันสุดท้ายอย่างรวดเร็วราว “เวลาบินได้” ตามประโยคสวย ๆ ฝรั่ง Time is flying สำหรับศึก “ยูโร 2016”
นัดสุดท้าย หรือเกมที่ 51 คือ “เจ้าบ้าน” ฝรั่งเศส ตามโผ เตรียมลุ้นแชมป์ยุโรปสมัยที่ 3 ของตัวเองกับโปรตุเกส ที่มองแล้ว “ห่างกัน” พอประมาณหากเราพิจารณาเกม “หยุดโลก” ก่อนหน้านี้:
สเปน - อิตาลี, อิตาลี - เยอรมัน หรือเยอรมัน - ฝรั่งเศส ที่ล้วนแล้วเป็นเกมเกรดคู่ชิงชนะเลิศทั้งสิ้น
ดังนั้น โปรตุเกส ได้เข้าชิงชนะเลิศจึงเด็ก ๆ ไปเลย และให้อารมณ์แทบไม่ต่างจากศึก “วิมเบิลดัน 2016” ประเภทชายที่ แอนดี้ เมอร์รีย์ เข้ารอบไฟนอลลุ้นแชมป์สมัยที่ 2 หลังจากหนแรก 2013 กับมิลอส ราโอนิช จากแคนาดา
ครับ สำหรับเทนนิสคอร์ตหญ้า “แกรนด์สแลม” ที่ 3 ของปีมี “พลิกล็อค” มากมายตั้งแต่ สแตน วาวรินก้า, โนวัค โยโควิช ตามด้วยสุดท้าย โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ทะยอยตกรอบไป
เมอร์รีย์ ที่จะชิงชนะเลิศวันนี้ จึงดู “เป็นต่อ” ราโอนิช ซึ่งเป็นนักหวดแคนเดี้ยนที่ได้เข้าชิงฯอยู่พอควรทั้งในแง่คุณภาพ และเสียงเชียร์
ไม่ต่างอะไรกับ “ฝรั่งเศส” ปะทะโปรตุเกสนั่นแหละครับ
เข้าเรื่องเลยแล้วกันว่า ทีมรอง โปรตุเกส จะทำอย่างไรในแมตช์นี้เพื่อ “ต่อกร” กับฝรั่งเศส แล้วสู้ได้จนมีสิทธิ์ชนะ?
ตอบ: ให้เล่นเหมือนฝรั่งเศสรับมือเยอรมันในรอบที่ผ่านมานั่นแหละครับ นั่นคือ “ตั้งรับ” แบบจริงจังเป็น “แพทเทิร์น” ไม่ให้เสียตำแหน่ง และฟอร์เมชั่น
จะรับทั้งทีม 11 คน หรือห้อย นานี่ กับโรนัลโด้ ไว้ก็ไม่ผิด โดยต้อง “ซึมซับ” รับความกดดันถาโถมจากเจ้าบ้านที่จะครองบอล ต่อบอล และเล่นในแดนตัวเองให้ได้นานที่สุด
ยิ่งนาน เจ้าถิ่นที่เป็นต่อจะยิ่งกดดัน และอาจ “เปิดช่อง” ผิดพลาดได้เหมือน สเปน (ตอนเจออิตาลี) หรือเยอรมัน (ตอนเจออิตาลี และฝรั่งเศส)
และอีกหลาย ๆ เกมที่ทีมใหญ่แพ้ภัยตัวเองจนมี “แจ็ค” เซอร์ไพรส์ยักษ์หลายทีมโดยมี เวลส์ ที่เพิ่งได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ในประเทศเป็นจอมเซอร์ไพรส์อันดับ 1
ทั้งนี้ แม้จะไม่มี เปเป้ แต่กุนซือเฟอร์นันโด ซานโต๊ส มีทั้งโจเซ่ ฟอนเต้, บรูโน่ อัลเวส และริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ให้เลือกใช้โดยมี ดานิโล่ ยืนหน้าเซนเตอร์ฯในระบบ 4-1-3-2
นอกเหนือจาก โด้ และนานี่ ที่ยิงคนละ 3 ประตูไปแล้ว โปรตุเกส ยังมี ริคาร์โด้ ควาร์เรสมา, เรนาโต้ ซานเชส, เจามาริโอ, เจา มูตินโญ่ เป็น “อาวุธ” เสริมในเกมรุก
ฉะนั้น หากรับดี ๆ และแน่น ๆ เหมือนตั้งแต่รอบน็อคเอ๊าท์ 16 ทีมเรื่อยมา โปรตุเกสจะมีโอกาส “ขโมย” ชัยชนะได้ในเกมไฟนอล (เหมือนที่ทำกับ โครเอเชีย และเวลส์)
ประเด็นจึงอยู่ที่ ฝรั่งเศส ต้องไม่ผลีผลาม และเร่งจังหวะเหมือนเยอรมัน (เล่นกับพวกเค้า) แต่ต้องบุกแบบรัดกุม เรียกได้ว่า ไม่ได้ก็ต้องไม่เสียประตู
โดยหวังตัวเปลี่ยนเกมดี ๆ อย่าง ดิมิทรี้ ปาเยต กับอองตวน กรีซมันน์ จะแผลงฤทธิ์ได้
ซึ่งถ้าให้คาดการณ์ ฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศ “ยูโร 2016” น่าจะเป็น cagey game ที่ระมัดระวัง และไม่น่าจะสนุก ประตูไม่น่าจะมีเยอะ และมีสิทธิ์ไปไกลถึงต่อเวลา กับจุดโทษด้วยครับ