เปิดใจ : อันเชล็อตติ "บาเยิร์นคืออีกทีมที่ดีที่สุดในยุโรป"

เปิดใจ : อันเชล็อตติ "บาเยิร์นคืออีกทีมที่ดีที่สุดในยุโรป"

เปิดใจ : อันเชล็อตติ "บาเยิร์นคืออีกทีมที่ดีที่สุดในยุโรป"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นานๆ ได้คุยกับ'คาร์เล็ตโต้' ก็มีเรื่องที่น่าสนใจที่ต้องพูดถึงกันไม่น้อย

หลังจากที่กุนซือชาวอิตาเลี่ยนเข้ามารับงานต่อจากเป๊ป กวาร์ดิโอล่า โค้ชชาวสแปนิชที่เลือกไปหาประสบการณ์ในการคุมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในซีซั่นใหม่นี้

คาร์โล อันเชล็อตติได้ชื่อว่าเป็นยอดกุนซือที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของโลก แถมตอนที่เป็นนักเตะก็คว้าแชมป์เป็นเกียรติประวัติหลายรายการเช่นกัน โดยเฉพาะตอนเล่นให้กับสุดยอดสโมสรช่วงยุคปี 80-90 อย่าง"ปิศาจแดง-ดำ" เอซี มิลาน

หลังจากที่เคยคุมทีมใหญ่ ๆ มานักต่อนัก "คาร์เล็ตโต้" ก็ได้พบเจอกับความท้าทายครั้งใหม่บนเส้นทางสายโค้ช เมื่อต้องเข้ามารับงานคุมบาเยิร์น มิวนิค โคตรทีมในบุนเดสลีกา เยอรมัน

หลังประสบความสำเร็จมาแล้วทุกลีกใหญ่ในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นที่ อิตาลี, อังกฤษ, ฝรั่งเศส หรือ สเปนมาแล้ว นี่คืองานที่หนักหนาไม่น้อย ที่พี่เสือต้องการเป็นเจ้ายุโรป ไม่ใช่แค่บุนเดสลีกาที่ใครคุมทีมก็ได้แชมป์อยู่แล้ว

อันเชล็อตติ เข้ามาทำงานคุมทีมซ้อมตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. หลังจากที่จบศึกยูโร 2016 แค่วันเดียว และเรายังไม่มีโอกาสได้คุยกันเลย ผ่านเว็บไซต์ทางการของบาเยิร์น มิวนิค ถึงเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจที่มีแฟนๆ

มาสอบถามความเป็นมาเป็นไปของเขาด้วย ลองไปติดตามกัน

'FCB'...สัมภาษณ์คาร์โล อันเชล็อตติ ยอดกุนซือบาเยิร์น มิวนิค :

Q คุณอันเชล็อตติ,คุณเคยบอกว่า ตอนเด็กๆ คุณต้องอยู่ในครอบครัวที่ยากจนมาตลอด คุณได้บทเรียนอะไรบ้างจากจุดนั้นบ้าง?

อันเช่ : แน่นอนว่าผมจำได้ดีกับชีวิตช่วงนั้น มันเป็นเรื่องจริงที่ทางบ้านไม่มีเงินให้ใช้เลย แต่ผมก็เติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่ยอดเยี่ยมไม่น้อย เป็นครอบครัวที่เงียบสงบ คุณพ่อของผมไม่เคยดุหรือว่าพูดจาแรงๆ

ใส่ผมเลย ผมอาศัยอยู่กับทุกคนในครอบครัว ทั้งแม่,พ่อ, น้องสาว รวมทั้งปู่ย่าตายายด้วย ช่วงเวลานั้นถือเป็นจุดที่สร้างผมอย่างแท้จริง ครอบครัวของผมทำงานเกี่ยวกับการเกษตร เลี้ยงผมจนเติบใหญ่และมาเอาดีในเรื่องของฟุตบอล 

Q ถามจริง ๆ ว่าอะไรที่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญของคุณสมัยเป็นนักเตะที่มิลาน และเป็นอย่างไรบ้างที่เคยเล่นกับนักเตะระดับตำนานมาแล้วหลายคน?

อันเช่ : ต้องบอกว่าผมเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมพอดีในการย้ายไปเอซี มิลานในตอนนั้น เพราะมิลานเป็นสุดยอดทีมอย่างแท้จริง และเราก็ได้เล่นกับกุนซือที่มีแนวทางที่ชัดเจนด้วยกับการทำงานร่วมกับอาร์ริโก้ ซาคคี่

ตอนนั้นกำลังทำสิ่งแปลกใหม่ในวงการฟุตบอล ด้วยวิธีการประสานงานของเรา ที่สำคัญมากก็คือเขาสอนให้เราแสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ ซึ่งมันช่วยให้เราอยู่บนจุดสูงสุดได้เป็นเวลานานมาก

นอกจากนั้นผมมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับ เปาโล มัลดินี่ และ ฟรังโก้ บาเรซี่ กระนั้นซาคคี่คือบุคคลสำคัญในชีวิตผม

Q ผมถามไปหรือเปล่าว่าทีมไหนดีกว่ากันระหว่างมิลานยุคปลาย 1980 หรือ บาร์เซโลน่า 2015?

อันเช่ : เป็นคำถามที่ตอบยากมาก (ฮา) เพราะฟุตบอลมันเปลี่ยนแปลงไปมากนับตั้งแต่ช่วงปี 1980 ถ้าให้พูดตรงๆ เลยก็ บาร์เซโลน่า ตอนนี้เล่นด้วยความจริงจังกับเกมากกว่า แต่มันก็ยากที่จะมาเปรียบเทียบกัน

เพราะกฎระเบียบหลายอย่างมันก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย โดยเฉพาะเรื่องล้ำหน้า ทุกวันนี้การทำประตูมันง่ายขึ้นกว่าเดิม เพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะตั้งรับสูง

และตอนนี้คุณจะล้ำหน้าก็ต่อเมื่อคุณเป็นคนที่สัมผัสบอลหรืออยู่ใกล้ๆเท่านั้น แต่สมัยที่ผมเล่นให้กับ มิลาน ทุกคนจำเป็นต้องอยู่ต่ำกว่าไลน์กันทั้งหมด

Q ตอนที่คุณคุมยูเวนตุส ทำไมแฟนบอล ยูเว่ถึงไม่ชอบคุณและคุณรู้สึกเหมือนได้แก้แค้นหรือเปล่า ตอนที่คุณพามิลาน โค่นยุเว่ได้ในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศในปี 2003?

อันเช่ : ปัญหาที่ทำให้แฟนบอล ยูเวนตุส ไม่ชอบผมก็เพราะผมเคยเป็นนักเตะของเอซี มิลาน และ โรม่าที่พวกเขาไม่ชอบ ยุค 80 ยูเวนตุส กับ มิลาน ถือเป็นคู่ปรับที่เกลียดกันเลย พวกเขามักจะแย่งแชมป์กันตลอด

และก่อนหน้านั้นในปี 1983 ผมก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของ โรม่า ชุดแซงหน้า ยูเวนตุส คว้าแชมป์ลีก ตอนนั้น ยุเวนตุส เป็นทีมที่ยอดเยี่ยมมากกับการที่มีนักเตะอย่าง พลาตินี่, โบเนี้ยค, เจนติเล่, ชีแร หรือว่าซอฟฟ์

ส่วนอีกประเด็นนั้น ผมไม่เรียกว่าเป็นการแก้แค้นแต่มันก็รู้สึกแปลกไม่น้อยที่ได้ดวลกับทีมที่เพิ่งไล่ผมออกในเกมนัดชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก นั่นคือครั้งแรกที่ผมได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฐานะโค้ช

ดังนั้นมันจึงไม่มีอารมณ์ของความแค้นหรอก มันมีความสุขมากกว่า

Q คุณพอจะพูดถึงความพ่ายแพ้ในเกมรอบชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2005 ตอนนั้น มิลาน ออกนำ ลิเวอร์พูล ไปก่อนถึง 3-0 ในครึ่งแรก และคุณสามารถทำอะไรอย่างอื่นได้มั้ย

เพื่อหยุดยั้งการคัมแบ็ก อันสุดแสนมหัศจรรย์ของลิเวอร์พูลที่อิสตันบูล?

อันเช่ : ผมมองย้อนกลับไปวันนั้นบ่อยไม่น้อย แต่ไม่คิดว่าผมจะทำอะไรได้ มันเป็นเรื่องของสิ่งที่เกิดขึ้นภายในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่ 6 นาที เราเล่นได้ดีตั้ง 114 นาที ส่วน ลิเวอร์พูล มาเล่นดีแค่ 6 นาที

นั่นแหละคือความจริงที่เกิดขึ้น มันเป็นเกมที่แปลกมากๆ คุณก็รู้ว่าผมพา มิลาน เข้าถึงรอบชิงสามครั้ง และปี 2005 คือปีที่เราเล่นได้ดีที่สุด แต่กลับกลายเป็นปีที่เราต้องพบกับความพ่ายแพ้อย่างเหลือเชื่อ

Q ก่อนหน้านี้เชลซี ของคุณได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก 2009-10 ด้วยสถิติทำประตูเกิน 100 ประตูอะไรคือเคล็ดลับของคุณ?

อันเช่ : เราก็แค่มีนักเตะที่เก่งสุดยอดอย่าง นิโกล่าส์ อเนลก้า, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา, แฟรงค์ แลมพาร์ด และ มิชาเอล บัลลัค ฤดูกาลนั้นเราเล่นได้เฉียบขาดจริง ๆ และที่เหนือกว่าสิ่งอื่นๆ

คือ นักเตะแต่ละคนได้เล่นในตำแหน่งที่ตัวเองถนัดและทำได้ดีอย่างที่สุด

Q : ตอนที่คุณได้คุมทีม เรอัล มาดริด มันมีความสำคัญมากแค่ไหนกับการคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 10 ซึ่งพวกเขารอมานานแสนนาน?

อันเช่ : ถือเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดสำหรับทุกคนที่สโมสรจริง ๆ ทั้งนักเตะและแฟนๆ ต่างยึดติดอยู่กับเรื่องนี้ พวกเขาไม่ได้แชมป์รายการนี้มานานแล้ว แต่สุดท้ายก็ทำได้ในการเจอกับ แอตเลติโก

ซึ่งเป็นซีซั่นแรกของผมกับที่นั่นด้วย มันเลยเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก

Q คุณคิดลีกไหนในยุโรปที่คว้าแชมป์ยากที่สุด?

อันเช่ : หากเป็นเรื่องคุณภาพของการเล่น ต้องยกให้กับ ลา ลีกา สเปน ทุกทีมสู้กันได้สูสี แม้แต่ทีมเล็กๆ ลองมองการแข่งขันในระดับทวีปดูก็ได้ แอตเลติโก มาดริด กับ เรอัล มาดริด

ต้องดวลกันในนัดชิงฯ แชมเปี้ยนส์ ลีก, เซบีย่า ก็เข้าถึงรอบชิงในยูโรปา ลีก ขณะที่ บียาร์เรอัล ก็ไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศ หากเป็นเรื่องแท็กติก ผมต้องบอกว่า อิตาลี เพราะคุณต้องคิดถึงเรื่องระบบการเล่นตลอด

สัปดาห์นี้คุณต้องเจอกับทีมที่เล่นระบบ 4-4-2, สัปดาห์ต่อไปก็ต้องเจอ 4-3-3 จากนั้นก็เป็น 3-5-2 ดังนั้นโค้ชอิตาเลียนจึงมีประสบการณ์สูงในเรื่องของการวางแท็กติก ลีกอิตาลีเป็นลีกที่ยากที่สุด

เพราะการเล่นจะถูกบีบพื้นที่ตลอด ส่วนที่อังกฤษจะแตกต่างออกไป มันเป็นลีกที่เต็มไปด้วยความเข้มข้น และเร้าใจมากกว่า ลองดูตัวอย่างซีซั่นที่ผ่านมาก็ได้ เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า

ลีกนี้มีการแข่งขันที่สูงมาก ทีมเล็กๆ สามารถสร้างปัญหาให้กับทีมใหญ่ได้ เป็นลีกที่สูสีที่สุด ส่วนในลีกเอิง ฝรั่งเศส ตอนนี้มีเพียงแค่ทีมเดียวที่จะเป็นแชมป์คือ เปแอสเช ทีมอื่นไม่ต้องคิดต่อสู้

Q เหตุผลที่คุณถึงเลือกคุม บาเยิร์น มิวนิค และคุณสามารถยกระดับทีมได้อย่างไร หลังจากที่พวกเขาได้แชมป์บุนเดสลีกา มาตลอดช่วง 4 ฤดูกาลหลังสุด?

อันเช่ : ทำไมหรือ เพราะนี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับผม และมันก็ถึงเวลาที่เหมาะสมสำหรับสโมสรด้วย พวกเขากำลังต้องการโค้ชคนใหม่ และผมเองก็กำลังมองหางานอยู่ด้วย บาเยิร์น มิวนิค

คือหนึ่งในทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุดของยุโรป และมันก็ยังเป็นความท้าทายครั้งใหม่สำหรับผม พวกเขาเข้าถึงรอบรองฯ แชมเปี้ยนส์ ลีก มาตลอดช่วง 5 ปีหลัง แต่ได้แชมป์แค่สมัยเดียว

ดังนั้นในซีซั่นใหม่เราจำเป็นต้องโฟกัสให้ดี มันเป็นเรื่องยากไม่น้อย ที่จะทำให้ทีมที่ดีอยู่แล้วดียิ่งขึ้นไปอีก บางทีการรักษาระดับเอาไว้ให้ได้อาจจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดแล้ว

ในทีมมีนักเตะแค่คนเดียวเท่านั้นที่ผมเคยร่วมงานมาก่อน ก็คือ ชาบี อลอนโซ่ ซึ่งเราเคยร่วมงานกันที่มาดริด ส่วนนักเตะคนอื่นๆ ถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับผม ตอนนี้ผมกำลังเรียนด๊อยทช์อยู่

แต่มันก็ยากทีเดียวแต่อีกสักพักผมจะชินและทำให้ดีกว่าเดิม

Q ถามทิ้งท้ายเล็กน้อย มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าที่ว่าคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ Star Trek และได้มีส่วนร่วมในภาคใหม่นี้ด้วย?

อันเช่ : ใช่เลย ผมเป็นแฟนตัวยงภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมได้แสดงเป็นตัวประกอบแค่เล็กน้อยเท่านั้นในภาคใหม่ ผมเล่นเป็นคุณหมอ และไม่มีบทพูดเลย ผมแค่อยู่ในส่วนของฉากหลัง

ตอนนั้นผมอยู่ที่ แวนคูเวอร์ ซึ่งหนังกำลังถ่ายทำที่นั่นพอดี และผมก็สนิทกับนักแสดงสาว โซอี้ ซัลดาน่า คือเธอแต่งงานกับหนุ่มอิตาเลียน เราจึงรู้จักกันอย่างดี ตอนนั้น โซอี้ พูดติดตลกกับผมว่า เข้ามาร่วมแสดงได้นะ

และเธอก็ไปขอร้องกับผู้กำกับด้วย จากนั้นเพียงวันเดียวผมก็ได้เข้าฉากเลย บอกตรงๆ ว่าผมเป็นนักแสดงที่แย่มาก ผมยอมรับว่าผมชอบ Star Trek มาตั้งแต่เด็ก ๆ ดังนั้นมันจึงเป็นอะไรที่สุดยอดมากที่ได้เข้าไปอยู่ในหนังจริงๆ

แม้ว่าจะเล็กน้อยเหลือเกินก็ตาม (ฮา)

รอดูฝีมือทำทีมพี่เสือในซีซั่นใหม่ดีกว่า ขอให้ทำให้ได้ดี คาร์โล อันเชล็อตติ

คอลัมน์ "Bundes Interview"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook