สกู๊ป : "อังกฤษเลือกนาย?!"

สกู๊ป : "อังกฤษเลือกนาย?!"

สกู๊ป : "อังกฤษเลือกนาย?!"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สัปดาห์นี้ถือเป็นสัปดาห์ที่วงการฟุตบอลระดับสโมสรกลับมาคึกคักกันอีกครั้ง ไม่ว่าจะมีโปรแกรมการแข่งขันอุ่นเครื่อง แบบที่แต่ละสโมสรนัดเตะกันเอง

หรือการอุ่นเครื่องแบบทัวร์นาเมนต์ที่เห็นใหญ่ๆ คือ อินเตอร์เนชั่นแนล แชมเปี้ยนส์ คัพ หรือ “ไอซีซี” ก็จะเริ่มกันแล้ว

ขณะที่บางสโมสรก็ออกทัวร์ต่างแดน เช่น แมนฯยูฯ ก็ไปอุ่นเครื่องรับเงินหยวนอยู่ที่ประเทศจีน นอกจากนั้น ก็จะเป็นการเล่นรอบคัดเลือกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และยูโรป้า ลีก ที่เตะกันถี่ยิบตลอดกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ก็มีข่าวเรื่องการย้ายทีม ผมเห็นแฟนๆ ผีแดง ใจจดใจจ่อกับการกลับคืนถิ่นเก่าของ พอล ป๊อกบา นักเตะทีมชาติฝรั่งเศส ชุดรองแชมป์ยูโร 2016 ว่ากันว่าค่าตัวนี่เฉียดๆ 100 ล้านปอนด์

แถมแมนฯยูฯ ยังประเคนค่าเหนื่อยให้มากกว่า 2 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ 

แหมม! แล้วทำไมตอน ป๊อกบา มาร่วมทีมในครั้งแรก ไม่ให้เวลาเขาพิสูจน์ตัวเองละครับ ทีนี้ต้องมาทุ่มเงินมหาศาลในการดึงตัวกลับมา ส่วนทีมอื่นๆ ก็มีประปรายกันไปไม่ใหญ่โต

อีกเรื่อง คือ ความเคลื่อนไหวจาก สมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ “เอฟเอ” ว่า พวกเขาได้ตัดสินใจเลือกให้ “บิ๊กแซม” แซม อัลลาไดซ์ เป็น (ว่าที่) ผู้จัดการทีมชาติคนใหม่หลังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ได้ถูกเชิญตัวให้เข้าไปพบกับ เดวิด กิลล์ รองประธาน “เอฟเอ” ที่เป็นหนึ่งในทีมคณะกรรมการสรรหาฯ

รวมไปถึง นาย มาร์ติน เกล็น ประธานบริหารของ “เอฟเอ” ด้วย ถึงตอนนี้ที่แฟนๆ “ฮอตสกอร์” ที่กำลังอ่านคอลัมม์ของผมอาจประกาศแต่งตั้ง “บิ๊กแซม” อย่างเป็นทางการแล้วก็ได้

เอาล่ะครับ ผมว่านี่คือ “แช็ปเตอร์” หรือ การเดินทางในบทใหม่ของทีม “ทรีไลออนส์” อย่างน้อยผมก็เห็นด้วยกับพวกเขาที่เลือกคนอังกฤษให้ทำหน้าที่นี้ และเลือกคนที่มีประสบการณ์สูงในการกอบกู้

และสานต่อทีมจาก “ปู่รอย” ฮอจด์สัน ที่โบกมืออำลาทีมชาติไป ( ตามสูตรหลังทีมตกรอบ )

ผมไปนั่งฟังบทสัมภาษณ์ของ มาร์ติน เกล็น ที่พูดไว้กับสำนักข่าว บีบีซี ของอังกฤษ เมื่อเร็วๆ นี้ ผมสังเกตได้จากสีหน้าและท่าทางตลอดการสนทนากับพิธีกร

นายเกล็น ค่อนข้างจะเครียด และกดดัน เพราะการตั้งแต่งผู้จัดการทีมคนใหม่ ต้องทำให้แฟนวาดฝันได้ถึงความสำเร็จในอนาคต มันเลยทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้เลยว่า การที่ “บิ๊กแซม” จะเข้ามารับตำแหน่งนี้

เขาต้องเจอกับความคาดหวังที่สูงเอามากๆ จากทั้ง “เอฟเอ” และแฟนบอล

ถามว่าทำไม ก็อังกฤษครั้งหลังสุดที่อังกฤษเป็นแชมป์ เมเจอร์ ก็ ฟุตบอลโลก ปี 1966 ไงครับ และการตั้งผู้จัดการทีมที่ไม่ใช่ระดับท็อปคลาสของโลก มันทำให้แฟนๆ

ส่วนหนึ่งมองว่านี่คือการก้าวถอยหลังอีกครั้งของทีมสิงโตคำราม ทำให้นี่คืออีกหนึ่งบททดสอบของเอฟเอ เองด้วย

คำพูดที่ มาร์ติน เกล็น ย้ำอยู่บ่อยตลอดการสัมภาษณ์คือ ผู้จัดการทีมอังกฤษต้องรับมือกับสภาวะกดดันในการแข่งขันได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะแมทช์ชี้เป็นชี้ตายของทีม

ต้องแข็งแกร่ง เป็นที่เพิ่งพาของทีมได้ อีกคำก็คือ ต้องสร้างความยืดหนุ่นในทีม จุดนี้ มาร์ติน เกล็น ไม่ได้ลงรายละเอียดว่า จะต้องทำในด้านใดบ้าง แต่ถ้าจะให้ผมเดาน่าจะมีอยู่หลักๆ ไม่กี่อย่าง

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแท็กติกแผนการเล่นที่ “เอฟเอ” อยากจะให้อังกฤษปรับเปลี่ยนไปตามคู่แข่งที่จะลงเล่นด้วย ไม่ใช่ยึดรูปแบบเดิมๆ ส่วนอีกเรื่องคือ การเลือกนักเตะลงสนาม ไม่โอนเอียง หรือเลือกที่รักมักที่ชัง

ที่ผ่านมาผมมองว่า ปู่รอย ทำได้ดีในระดับหนึ่ง แต่การที่ปู่รอย ไม่ยอมเลือกนักเตะที่อยู่ในช่วงท็อปฟอร์มลงสนาม มันทำให้สะท้อนว่าแกไม่ยอมอยู่กับสถานการณ์ปัจจุบันจริงๆ

ตัวอย่างเช่น เจมี่ วาร์ดี้ น่าจะได้ลงเป็นตัวจริงในยูโร แทนที่ของ แดเนียล สเตอร์ริจด์ ที่ความฟิตไม่เต็มร้อย เป็นต้น

ส่วนอีกคำที่นาย เกล็น พูดถึง ก็คือ ต้องเป็นคนที่สร้างแรงบันดาลใจได้ดี คำนี้ผมว่าทำยาก แต่ถ้าเป็นบิ๊กแซม ผมว่าเขาทำได้ และน่าจะทำได้ดีด้วย เพราะมองจากบุคคลิกภาพ ที่เป็นคนจริงจัง

แต่แอบแฝงไปด้วยความสนุกสนาน นี่ไม่ทราบว่ารู้กันหรือไม่ว่า งานอดิเรกของ “บิ๊กแซม” ก็คือการเล่นปาลูกดอก และแกยังเอาดีขนาดแข่งขันจริงจัง และเป็นแชมป์มาแล้วหลายรายการด้วย

บิ๊กแซม เข้ามายังไงเขาก็ต้องการเวลา ต้องการสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง และลูกทีม รวมไปถึงต้องการแรงสนับสนุนจากทุกฝ่าย ยังไงซะเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทีมได้ในช่วงข้ามคืน

ผมเคยเขียนถึงศักยภาพของอังกฤษชุดยูโร 2016 ไปแล้ว เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ถ้าบิ๊กแซม ยังคงเอาทีมชุดนี้เป็นหลัก และมีแกนเป็นนักเตะที่เป็นดาวรุ่งในวันนี้ สานต่อไปเรื่อยๆ

พอถึงฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ผมว่าอังกฤษในยุคของบิ๊กแซม น่าติดตามไม่น้อย

แต่ก่อนอื่นขอเวลาเขาทำงาน และอย่าเพิ่งด่วนตัดสินผลงาน เพราะบิ๊กแซมคนนี้ลึกๆ แล้วมีดีไม่น้อยเช่นกันนะครับ

by “เบลสซิ่ง”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook