สกู๊ป : มังกรเหนือโลก

สกู๊ป : มังกรเหนือโลก

สกู๊ป : มังกรเหนือโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ท่ามกลางตลาดการซื้อขายนักเตะที่เข้มข้นและเต็มไปด้วยข่าวการย้ายทีมของเหล่าซูเปอร์สตาร์และความพยายามของสโมสรทั้งใหญ่เล็ก ในกรอบเล็กๆของหนังสือพิมพ์มีข่าวความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแวดวงฟุตบอลอังกฤษที่น่าสนใจ

ข่าวดังกล่าวคือการที่กลุ่มทุนจากจีนได้เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ซึ่งเป็นสโมสรที่ 2 ต่อจาก แอสตัน วิลล่า และรายต่อไปที่มีข่าวลือยังคงเป็นสโมสรในแถบมิดแลนด์เช่นเดียวกันคือ เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวนั้นไม่ใช่ความเคลื่อนไหวธรรมดา หากแต่เป็นความตั้งใจของจีนที่ต้องการจะขยายอำนาจของตัวเองไปทั่วโลก และฟุตบอลเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญ

นักวิเคราะห์จับตามองการเคลื่อนตัวของพญามังกรที่เริ่มเขย่าวงการด้วยการทุบสถิติการย้ายทีมต่อเนื่องถึง 4 ครั้งในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจากรายของ รามิเรส

ไปจนถึง อเล็กซ์ เตเชร่า สตาร์ชาวบราซิลที่เลือกจะเซ็นสัญญากับ เจียงซู ซูหนิง มากกว่าจะย้ายมาเป็นกำลังสำคัญให้เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่ลิเวอร์พูล

ครั้งนั้นเรามองกันว่านี่เป็น “ยุทธศาสตร์” ของจีนในการทำให้พวกเขากลายเป็นประเทศมหาอำนาจทางเกมลูกหนังด้วยการดึงดูดซูเปอร์สตาร์ระดับโลก

“ที่ยังไม่หมดสภาพ” เข้ามาสร้างสีสัน สร้างความนิยม ปลูกฝังความรักในเกมฟุตบอล และยกระดับมาตรฐานของวงการลูกหนังจีน

ทั้งหมดนั้นเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่ประธานาธบิดี สี่ จิ้นผิง ผู้หลงไหลในเกมฟุตบอล ได้ประกาศเอาไว้ว่าจีนจะต้องเป็นมหาอำนาจในวงการนี้ให้ได้ภายในปี 2050

โดยในเบื้องหลังแล้วนอกเหนือจากความหลงไหล รัฐบาลจีนต้องการใช้กีฬาเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วยอีกทาง

ด้วยประกาศิตดังกล่าว ทำให้กลุ่มทุนต่างๆพร้อมที่จะกระโดดเข้ามาลงทุนทันที ไม่ใช่เพียงเพราะต้องการที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับประวัติศาสตร์

หากแต่พวกเขาต้องการจะรักษาความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาล โดยเฉพาะกับผู้นำอย่าง สี่ จิ้นผิง

แม้ทั่วโลกอาจจะมีคำถามว่าทำไมพวกเขากล้าที่จะ “ทุ่ม” มากมายขนาดนี้? แต่สำหรับกลุ่มทุนในประเทศจีนแล้วเม็ดเงินที่จ่ายให้กับซูเปอร์สตาร์เหล่านั้นมันเล็กน้อยมาก

เพราะกลุ่มทุนที่ให้การสนับสนุนสโมสรต่างๆนั้นไม่ใช่กลุ่มทุนธรรมดา แต่เป็นกลุ่มทุนระดับยักษ์ใหญ่ของประเทศทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มทุนพลังงาน, อสังหาริมทริพย์, การคมนาคมขนส่ง รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภค

อย่างไรก็ดีในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาความสนใจของกลุ่มทุนจากจีนเริ่มเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เนื่องจากการลงทุนในซูเปอร์ลีกของจีนนั้นเป็นไปได้ยากขึ้น

เพราะมีกลุ่มทุนต่างๆจับจองสโมสรระดับสูงเอาไว้หมดแล้ว ดังนั้นทางออกสำหรับกลุ่มทุนอื่นๆคือการออกมาลงทุนยังต่างประเทศ

ที่อิตาลี กลุ่มทุนจากจีนติดต่อขอซื้อทีมระดับตำนานอย่าง เอซี มิลาน จากซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ ในราคา 750 ล้านยูโร ซึ่งแม้ว่าการเจรจาจะยังไม่ลุล่วง

มีเพียงแค่คำพูดของอดีตนายกรัฐมนตรีอิตาลีที่บอกว่าได้ขายให้กับกลุ่มทุนจากจีนไปแล้วและยังมีโอกาสจะเปลี่ยนใจได้เหมือนที่เคยเปลี่ยนใจไม่ขายหุ้นให้กับ บีเตชะอุบล ทายาทเจ้าของกิจการ “คันทรี กรุ๊ป”

แต่อย่างน้อยมันเป็นการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ที่สำคัญ เช่นกันกับการเข้าเทคโอเวอร์ 2 สโมสรที่เป็นคู่ปรับตลอดกาลแห่งมิดแลนด์อังกฤษในระยะเวลาห่างกันเริ่มจากที่ ดร.โทนี่ เฉียะ มหาเศรษฐีชาวจีน

ที่ซื้อทีมแอสตัน วิลล่า สโมสรฟุตบอลเก่าแก่ในอังกฤษจากแรนดี้ เลอร์เนอร์ นายทุนชาวอเมริกาที่ล้มเหลวในการนำวิลล่ากลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่

ก่อนที่จะถึงคิวของ วูล์ฟส ที่ตอนแรกเป็นข่าวว่า โรบิน หลี่ มหาเศรษฐีหนุ่มเลือดมังกรผู้ร่วมก่อตั้ง search engine อันดับหนึ่งในจีนอย่าง Baidu

ก่อนจะเป็นกลุ่มทุนจากเซี่ยงไฮ้ Fosun International ที่เข้าซื้อทีม “หมาป่า" ต่อจาก สตีฟ มอร์แกน มหาเศรษฐีชาวอังกฤษที่ยอมขายให้ในราคาประเมิน 40-60 ล้านปอนด์

โดย Fosun International นั้นมี กั๊วะ กว่างจาง หนึ่งในมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในจีนเป็นผู้ก่อตั้ง และเคยลงทุนกับ Club Med, Thomas Cook, Cirque du Soleil และอื่นๆอีกมากมาย

สิ่งที่เป็นเรื่องแปลกคือ ปฏิกริยาต่อต้านของแฟนฟุตบอลอังกฤษต่อนายทุนต่างชาตินั้นลดน้อยลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพวกเขาเริ่ม “ชิน” กับการที่มีทุนต่างชาติเข้ามาฮุบเอาสมบัติที่เคยเป็นของคนท้องถิ่นไป

และตระหนักดีกว่าการ “ต่อต้าน” ในเวลานี้นั้นไม่มีประโยชน์นัก โดยเฉพาะในยามที่สโมสรตกระกำลำบากทางการเงิน เพราะฟุตบอลนั้นเปลี่ยนไป

และฟุตบอลอังกฤษนั้นเป็นสมบัติของคนทั้งโลกแล้วไม่ใช่เฉพาะคนในชุมชน (community) นั้นๆอีก

นอกจากนี้ความสำเร็จของสโมสรที่มีนายทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนและมีการบริหารที่ดีอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เลสเตอร์ ซิตี้

ที่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้อย่างมหัศจรรย์ทำให้แฟนบอลเองก็ “ฝัน” ว่าทีมรักของพวกเขาจะเป็นทีมต่อไปที่สามารถทำเช่นนั้นได้

นักวิเคราะห์ที่เชี่ยวชาญด้าน Sport business มาร์ค เดรเยอร์ ทำนายว่าต่อจาก แอสตัน วิลล่า, วูล์ฟส และเวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน (ซึ่งมีข่าวกับหวังต้า กรุ๊ป ที่นำโดย หวัง เฉียนหลิน บุคคลที่รวยที่สุดในจีน!)แล้ว

จะยังมีข่าวกลุ่มทุนจากจีนเข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรในอังกฤษอีกอย่างแน่นอน และน่าจะมีไม่น้อยด้วยในช่วงหลายเดือนต่อจากนี้

“พญามังกร” กำลังผงาดและอาจกล่าวได้ว่านี่เป็นสัญญาณว่ากำลังจะเข้าสู่ยุคของพวกเขาแล้ว ต่อจากยุคของกลุ่มทุนอาหรับ และกลุ่มทุนจากอเมริกา

คอลัมน์ Feature
by ลูกแม่กิ่ง (lookmaeking@hotmail.com)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook