สกู๊ป : "สปิริตโอลิมปิก" สีสันของการมีชีวิต (โดย นุสรณ์ ศิลปพันธ์)

สกู๊ป : "สปิริตโอลิมปิก" สีสันของการมีชีวิต (โดย นุสรณ์ ศิลปพันธ์)

สกู๊ป : "สปิริตโอลิมปิก" สีสันของการมีชีวิต (โดย นุสรณ์ ศิลปพันธ์)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"Imagine there's no countries
It isn't hard to do
Nothing to kill or die for
And no religion, too
Imagine all the people
Living life in peace... You...
You may say I'm a dreamer
But I'm not the only one
I hope someday you'll join us
And the world will be as one"

เพลง Imagine ท่อนนี้ของ จอห์น เลนนอน ศิลปินหนึ่งในสี่เต่าทองผู้ล่วงลับ ดังแว่วขึ้นมา เมื่อย้อนนึกถึง การแข่งขันกรีฑาในกีฬาโอลิมปิก 2016 เรื่องราวของนักวิ่งสาวระยะกลางสองคน ที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน อยู่ห่างกันคนละฟากทวีป และเพิ่งพบหน้ากันเป็นครั้งแรกใน ริโอ เกมส์ ที่เพิ่งปิดตัวลงไป

เหตุการณ์น่าประทับใจ จนต้องเล่าถึงอีกครั้ง เกิดขึ้นในการแข่งขันวิ่ง 5000 เมตร รอบคัดเลือก ฮีทที่ 2 นิคกี้ แฮมบลินนักวิ่งสาววัย 28 ปีจากนิวซีแลนด์ สะดุดล้มลงขณะที่วิ่งไปได้ระยะทางประมาณ 2 ใน 3 ของการแข่งขัน และการสะดุดล้มของเธอ ส่งผลให้ เอ็บบี้ ดิ อกอสติโน่ นักวิ่งวัย 24 ปี ชาวอเมริกัน ที่วิ่งตามหลังมาติดๆต้องล้มไปด้วย

ทั้งสองคนถูกนักวิ่งกลุ่มใหญ่หนีห่างไปไกล แต่เป็น เอ็บบี้ สาวรุ่นน้องที่รีบลุกขึ้นมาแตะไหล่นิคกี้ ที่กำลังนอนอย่างหมดหวัง พร้อมบอกว่า "ลุกขึ้นมา เราต้องวิ่งให้จบ" ซึ่งหลังจากที่ทั้งสองคนพยายามวิ่งต่อ แต่กลายเป็นเอ็บบี้ที่โชคร้าย ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง ไม่สามารถวิ่งต่อได้อย่างเต็มฝีเท้าอีกต่อไป

ในทางกลับกัน นิคกี้ ก็ไม่ได้วิ่งหนีห่างไปไหน กลับพยายามให้กำลังใจ เอ็บบี้ ให้ลุกขึ้นมากัดฟันวิ่งอีกครั้ง จนกระทั่งทั้งสองคนต่างพากันเข้าสู่เส้นชัย และสวมกอดกันด้วยความซาบซึ้ง

พวกเธอเข้าเส้นชัยเป็นสองคนสุดท้าย นิคกี้ แฮมบลิน จบการแข่งขันด้วยเวลา 16 นาที 43.61 วินาที ส่วน เอ็บบี้ ดิ อากอสติโน่ ถึงเส้นชัยในเวลา 17 นาที กับอีก 10.02 วินาที ซึ่งเวลาของทั้งสองคนแม้ว่าจะห่างจากเวลาที่ดีที่สุด ที่แต่ละคนเคยทำได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น แน่นอน มีความหมายต่อทั้งสองคนมากกว่า การผ่านเข้ารอบ หรือการได้รับเหรียญรางวัล

พวกเธอได้เพื่อนใหม่ เพื่อนแท้ ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ความมีน้ำใจ มิตรภาพ สำคัญกว่าเรื่องใดๆ สำคัญกว่าชื่อเสียงและเงินทองเหล่านี้ เป็นเรื่องสมควรได้รับการยกย่อง และควรมีในจิตใจของคนในวงการกีฬาทุกระดับ

นิคกี้ อดีต 2 เหรียญเงิน วิ่ง 800 และ 1,500 เมตร ในกีฬาคอมมอนเวลธ์ เกมส์ 2010 ที่อินเดีย บอกว่า เธอปลื้มใจมาก กับสิ่งที่เอ็บบี้ทำ (กระตุ้นให้เธอลุกขึ้นมาวิ่งอีกครั้ง) นักวิ่งสาวอเมริกัน มีสปิริตของโอลิมปิกอยู่เต็มตัว ทำให้ประทับใจ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับเธอ

นอกจากนี้ นิคกี้ ยังยอมรับว่า เธอสามารถที่จะเข้าเส้นชัยด้วยเวลาที่ดีกว่านี้ 10-15 วินาที แต่มันไม่มีความสำคัญเท่ากับให้แน่ใจว่าเอ็บบี้จะวิ่งถึงเส้นชัย พวกเธอไม่เคยพบกันมาก่อน แต่สิ่งที่เกิดจะเป็นช่วงเวลาจะไม่มีวันลืมไปจนตลอดชีวิต

ส่วน เอ็บบี้ เล่าว่า พอเธอล้มลงไป สิ่งแรกที่คิดได้คือต้องลุกขึ้นมาวิ่งต่อให้จบการแข่งขัน และพยายามบอกนิคกี้ ให้ทำแบบนั้นด้วย

กระทั่งมารู้ตัวอีกทีว่าตัวเองบาดเจ็บ แต่รู้สึกดีมากที่นิคกี้พยายามให้กำลังใจเธอวิ่งจนจบการแข่งขันได้ตามที่ตั้งใจ

คณะกรรมการจัดการแข่งขัน ประกาศให้ทั้งคู่ ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ จากการแสดงออกที่ยอดเยี่ยม และมีน้ำใจนักกีฬา แม้ว่าทั้งสองจะเข้าเส้นชัยช้ากว่าคนอื่น แต่ เอ็บบี้ ต้องถอนตัวจากการแข่งขัน เพราะบาดเจ็บเอ็นไขว้ด้านหน้าหัวเข่าฉีกขาด ส่วน นิคกี้ แม้ว่าจะได้ไปต่อ แต่ก็ไม่สามารถคว้าเหรียญรางวัลมาครองได้

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป เพราะที่ยิ่งใหญ่กว่า คือเรื่องของเธอทั้งสองจะถูกเล่าขานเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของกีฬาโอลิมปิกต่อไป

ผมชอบนะ เรื่องราวแบบนี้ สร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิตประจำวันได้ดีทีเดียว ความสวยงามของมิตรภาพ ทำให้มองเห็นโลกนี้อย่างมีสีสันมากขึ้น

ขอให้กำลังใจทุกคนที่มีสปิริตของโอลิมปิกอยู่ในใจครับ...

 

อัลบั้มภาพ 28 ภาพ

อัลบั้มภาพ 28 ภาพ ของ สกู๊ป : "สปิริตโอลิมปิก" สีสันของการมีชีวิต (โดย นุสรณ์ ศิลปพันธ์)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook