กระหึ่ม! "ฟีฟ่า" สัมภาษณ์ "เทพมุ้ย" ลงเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
fifa.com เว็บไซต์หลักอย่างเป็นทางการของ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ได้ลงบทสัมภาษณ์ของ "มุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าทีมชาติไทย
ถึงความพร้อมสำหรับฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบที่ 3 ที่มีคิวเริ่มดวลแข้งเดือนกันยายนนี้
มาดูว่า หัวหอกเบอร์หนึ่งแห่งทัพช้างศึก ตอบคำถามต่อองค์กรลูกหนังโลกได้โดนใจแฟนบอลชาวไทยมากแค่ไหน
----------------------------------------------------------------
ธีรศิลป์ แดงดา : "ทีมชาติไทยเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต"
ทีมชาติไทยผ่านเข้ามาเล่นฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสาม ได้เป็นครั้งที่ 2 หลังจากก่อนหน้านี้ทำได้เมื่อครั้งฟุตบอลโลกปี 2002 ที่เกาหลีใต้กับญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพ
โดยครั้งนี้ ไทย ทำผลงานได้ดีในรอบคัดเลือกรอบสอง ด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม เหนืออดีตแชมป์เอเชียอย่าง อิรัก และชนะรวดเหนือ เวียดนาม กับ ไต้หวัน ทั้งเกมเหย้า-เยือน
"ธีรศิลป์ แดงดา" กองหน้าตัวเก่งของทีม คือนักเตะคนสำคัญที่ทำให้ขุนพลช้างศึกผ่านเข้ามาเล่นในรอบนี้ หัวหอกจากเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นดาวซัลโวของทีมในรอบที่แล้ว เมื่อยิงไป 3 ประตู ทำให้สถิติในทีมชาติของแข้งวัย 28 ปีตอนนี้ หยุดอยู่ที่ 34 ประตู จากการลงเล่น 73 นัด
ศึกแรกในรอบนี้ ทัพช้างศึก ต้องพบงานยากแต่หัววัน เมื่อมีคิวบุกไปเยือน ซาอุดิอาระเบีย ที่มีตำแหน่งในฟีฟ่า เวิลด์ แรงกิ้ง เหนือกว่าถึง 59 อันดับ แต่ ธีรศิลป์ ก็ยังเชื่อว่า มาถึงรอบนี้คงไม่มีใครกล้าประมาททีมชาติไทยแล้ว
"เราไม่กลัวคู่แข่ง เราจะไม่เล่นเพื่อผลเสมอแน่นอน พวกเรามีการเตรียมตัว เราฝึกซ้อม และทำงานกันอย่างหนัก นี่เป็นครั้งที่สองที่ไทยสามารถผ่านเข้ามาถึงรอบนี้ เราจะประสบความสำเร็จด้วยฝีมือ ไม่ใช่หวังพึ่งดวง" ธีรศิลป์ กล่าวกับฟีฟ่า.คอม
"เราตกรอบครั้งก่อน แต่เราเรียนรู้และแก้ไขข้อผิดพลาดเหล่านั้นทั้งหมด เรามีการวางแผนทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ช่วงเวลาการซ้อม แม้กระทั่งการเตรียมทีมเมื่อออกไปเล่นเกมเยือน เราไม่เหมือนเดิม เราให้ความสำคัญแบบนัดต่อนัด ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมผลงานเราถึงดี"
สำหรับ ธีรศิลป์ ยอมรับว่า การผ่านเข้ารอบคัดเลือกรอบสามในครั้งนี้ได้นั้น ต้องให้เครดิตจากมันสมองของอดีตแข้งตำนานทีมชาติ "เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง" หรือที่ชาวไทยเรียกกันว่า "ซิโก้"
กุนซือใหญ่วัย 43 ปี ผู้ครองสถิติรับใช้ชาติมากที่สุด 134 นัด เริ่มงานคุมทีมชาติมาตั้งแต่ปี 2013 และเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ให้ทัพช้างศึก ประสบความสำเร็จต่อเนื่องตั้งแต่เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 จนถึงปัจจุบัน
"นักฟุตบอลย่อมเข้าใจหัวอกนักฟุตบอลด้วยกัน" ธีรศิลป์พูดถึงกองหน้ารุ่นพี่และเจ้านายในทีมชาติอย่างเคารพ
"เขารู้ลึกในนิสัยคนไทย, ทัศนคติ และวิธีการเล่นฟุตบอล ถ้าคุณดูดีๆแบบทีละตำแหน่ง คุณจะเห็นว่าบางคนไม่ได้เก่งที่สุดในประเทศสำหรับตำแหน่งนั้นๆ แต่ทำไมพวกเราเล่นกันได้ดีล่ะ? เราแข็งแกร่งเมื่ออยู่ด้วยกัน และโค้ชรู้ว่าต้องสื่อสารกับพวกเราอย่างไร ในมุมมองของผมคือเราทำงานกันเป็นทีมเวิร์กได้ยอดเยี่ยม"
ในอดีต ทีมชาติไทยได้บทเรียนความผิดหวังจากเวทีฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก มามากมาย แต่ครั้งนี้ ภายใต้การคุมทีมของ เกียรติศักดิ์ การไล่ตีเสมอ อิรัก 2-2 ในบ้านตัวเอง จากนั้นก็เอาชนะไต้หวันได้ 4-2 ซึ่ง ธีรศิลป์ก็ทำประตูได้ด้วย ก็แทบจะการันตีให้ทีมเข้ารอบต่อไป
"โค้ชซิโก้เปลี่ยนสไตล์การเล่นของเรา" ศูนย์หน้าไทยที่ครั้งหนึ่งเคยมีประสบการณ์กับแมนฯ ซิตี้ และ อัลเมเรีย สองสโมสรในยุโรปมาแล้ว พูดต่อ
"เขาชี้ให้เห็นถึงด้านโดดเด่นและบกพร่องของผู้เล่นแต่ละคน รวมไปถึงภาพรวมของทีม เขามีวิธีงัดพลังแฝงของทุกคนออกมา"
"เขาค่อนข้างเข้มงวดในแง่แท็คติก ตัวสำรองของเราลงมายิงประตูได้ นั่นก็คือส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ของโค้ช แน่นอน นักเตะเป็นคนยิงได้ แต่นั่นก็มาจากการทำตามคำสั่งของโค้ชด้วย"
"ผมหวังว่าเราจะสร้างเซอร์ไพร์สเล็กๆได้เหมือนกัน สำหรับการแย่งตั๋วไปรัสเซียครั้งนี้ มันเป็นเรื่องยาก แต่เราต้องเรียนรู้ในระดับที่สูงกว่าเอเชียสู่ระดับโลก นักฟุตบอลรุ่นต่อไปจะได้อะไรจากการเล่นของเราเป็นอย่างดี มันไม่ง่าย แต่ถ้าเราทำงานหนักกันต่อไป ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง"
"ใช่ บางครั้ง เราก็คิดถึงการไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เรารู้ตัวดีว่ามีโอกาสไม่มาก แต่ถึงอย่างไรก็ต้องหวังไว้ก่อนแหละ"
"ก็ถ้าเราเล่นอย่างไม่มีความหวัง เราจะลงสนามไปเพื่ออะไรล่ะ?" ธีรศิลป์ ทิ้งท้าย
ที่มาข่าวภาษาอังกฤษ : www.fifa.com
<< ประมวลภาพทีมชาติไทยซ้อม >>
อัลบั้มภาพ 45 ภาพ