5 สถิติ ผีควรซื้อ "ฟอนเต้"
ครั้งหนึ่งในซัมเมอร์นี้ โจเซ่ มูรินโญ่ เคยหลุดปากไว้ว่าเขาต้องการแข้งใหม่ที่จะเข้ามาเสริมแกร่งให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพียงแค่ 4 รายเท่านั้น
ไล่เรียงแข้งป้ายแดงของทัพ "อสูรร้าย" ไม่ว่าจะเป็น เอริค ไบยี่, ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, เฮนริค มคิตาร์ยาน รวมถึงดาวเตะค่าตัวแพงสุดในโลกอย่าง ปอล ป็อกบา ก็ดูเหมือนว่าจะได้ครบโควต้าไปเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตามแม้จะออกสตาร์ตพรีเมียร์ลีกได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการเก็บ 6 แต้มเต็มจากบุกไปเอาชนะ บอร์นมัธ และเปิดบ้านสอย เซาธ์แฮมป์ตัน ไปได้แบบไม่ยากเย็น
แต่นาทีนี้ว่ากันตามกระแสข่าวนายใหญ่ชาวโปรตุกีส อาจจะอยากกลืนน้ำลายตัวเอง เพราะหากเป็นไปได้เจ้าตัวเหมือนจะอยากได้นักเตะใหม่รายที่ 5 เข้ามาเสริมทีมอีก
ชื่อของ โจเซ่ ฟอนเต้ โผล่เด่นหราตามหน้าหนังสือพิมพ์ทั้งไทยและเทศ หลังตกเป็นข่าวว่าอาจจะได้ไปร่วมกับกับกุนซือเพื่อนร่วมชาติในถิ่้นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
กองหลังวัย 32 ปีอาจจะดูโนเนม ไม่ได้โด่งดังเป็นแข้งซุปตาร์เหมือนกับใครๆ พูดกันตรงๆ ชื่อก็เพิ่้งมาคุ้นหูตอนขึ้นมาเล่นพรีเมียร์ลีกกับ เซาธ์แฮมป์ตัน รวมถึงเป็นที่รู้จักในวงกว้างก็หลังจากพาโปรตุเกส ซิวแชมป์ยุโรป
แล้วเหตุใดทำไม มูรินโญ่ ถึงอยากได้เจ้าตัวเข้ามาเสริมแกร่งในแผงหลังของทีม งานนี้หากวัดกันที่ผลงานถือว่าเจ้าตัวตาแหลมมากๆ เพราะนี่คือ 5 สถิติทีน่าจะชี้ให้เห็นว่าเขาดีพอที่จะเป็นผู้เล่นใหม่ของ "ผีแดง"
1.ลงสนามมากสุดแข้ง 'นักบุญ'
แม้อายุอานามจะเข้าสู่เลข 3 ไปแล้ว ทว่า ฟอนเต้ กลับเป็นนักเตะที่รักษาสภาพร่างกายดีเอามากๆ
นับเฉพาะฤดูกาลก่อนกองหลังทีมชาติโปรตุเกส ลงเล่นไป 3,166 นาที ซึ่งไม่มีนักเตะของ เซาธ์แฮมป์ตัน คนใดลงสนามได้มากกว่าเขาอีกแล้ว
นอกจากนี้นับตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา ฟอนเต้ พลาดลงสนามในพรีเมียร์ลีก ไปเพียง 5 นัดเท่านั้น
นักเตะที่มีระเบียบวินัยสูง สามารถรักษาร่างกายได้ดีแบบนี้ ซื้อไปยังไงก็ใช้งานคุ้มแน่นอน
2.เกมรับยอดเยี่ยม
นับเฉพาะผลงานฤดูกาลที่แล้วสถิติต่างๆ ช่วยยืนยันได้ว่า ฟอนเต้ คือหนึ่งในเซนเตอร์ฮาล์ฟที่มีผลงานค่อยข้างโดดเด่น
โดยเฉพาะเรื่องของการอ่านเกม แม้การตัดบอล 82 ครั้ง จะด้อยกว่า คริส สมอลลิ่ง (97) แต่ก็ยังดีกว่าแนวรับของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในรายอื่นๆ
ที่สำคัญกองหลังวัย 32 ปีเป็นคนที่ยืนตำแหน่งได้ค่อยข้างดี เจ้าตัวมีตัวเลขการเคลียร์บอลที่น่าประทับใจมาก เมื่อสามารถดักสกัดบอลได้มากถึง 234 ครั้ง มากกว่าทาง สมอลลิ่ง ที่ดีที่สุดของ "ผีแดง" เกือบ 50 หน
ที่สำคัญเจ้าตัวยังมีสถิติบล็อกลูกยิงถึง 32 ครั้ง ซึ่งมากกว่าเยอะเลยหากเทียบกับคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ สมอลลิ่ง ทำได้ 19 ส่วน ดาลี่ย์ บลินด์ ตัวเลขอยู่ที่ 20 ครั้ง
งานนี้ถ้าได้ไปยืนตะหง่านคุมแนวรับในเขตโทษ เชื่อว่าความแน่นอนในเกมรับน่าจะดีขึ้นมาเป็นกองเลยทีเดียว
3.เสียฟาวล์น้อย
เหมือนอย่างที่บอกไปข้างต้น ฟอนเต้ เป็นกองหลังที่เน้นการอ่านเกม มักจะไปอยู่ถูกที่ถูกเวลา ดังนั้นเขาจึงไม่ใช่กองหลังที่มีสถิติการเข้าปะทะหรือแย่งบอลที่สูงมากนัก
ซึ่งตรงนี้มันมีข้อดีอีกอย่างก็คือแนวรับทีมชาติโปรตุเกส เป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟที่ทำฟาวล์น้อยมากๆ
โดยตลอดพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมากองหลังวัย 32 ปีทำฟาวล์เพียงแค่ 20 ครั้ง เฉลี่ยแล้วก็ 0.6 ครั้งต่อ 90 นาที เป็นสถิติที่น้อยกว่าแนวรับคนใดๆ ของทีม "ผีแดง"
ตรงนี้สามารถบ่งชี้ได้อย่างว่าหากกองหลังไม่เสียฟาวล์พร่ำเพรื่อ ก็น่าจะลดความเสี่ยงของการถูกจู่โจมจากลูกนิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฟรีคิกหรือการยิงจุดโทษใดๆ ก็ตามแต่
4.จ่ายบอลแม่นยำ
ฟุตบอลสมัยใหม่กองหลังจะเก่งแค่เกมรับอย่างเดียวคงไม่พอ ไม่งั้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คงไม่ยอมทุ่มเงินมหาศาลเพื่อคว้าตัว จอห์น สโตนส์ ไปร่วมทีม หรือเตรียมเฉดหัว โจ ฮาร์ท อย่างที่เป็นอยู่
ฟอนเต้ เป็นหนึ่งในกองหลังที่ใช้เท้าได้ดี สามารถเป็นตัวพักบอลในแดนหลังได้ โดยฤดูกาลที่ผ่านมาเจ้าตัวผ่านบอลไปมากถึง 1,572 ครั้ง เทียบกับผู้เล่น แมนฯ ยูไนเต็ด มีเพียง ฆวน มาต้า และ ดาลี่ย์ บลินด์ เท่านั้นที่ทำได้มากกว่า
ที่สำคัญความแม่นยำก็ค่อนข้างสูง เพราะจ่ายบอลเข้าเป้ามากถึง 84% สูงเทียบเท่ากับ บลินด์ ที่เป็นกองหลังที่จ่ายบอลได้ดีที่สุดของทัพ "ผีแดง"
อย่างที่บอกไปหากกองหลังสามารถเป็นตัวตั้งบอลได้ กองกลางก็จะเล่นง่ายขึ้น กุนซือสามารถปรับแผนในการเล่นเกมรุกได้หลากหลายขึ้น ตรงนี้ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ฟอนเต้ ดูน่าสนใจขึ้นไปอีก
5.กำลังขาขึ้น
เหมือนที่บอกไว้ข้างต้นว่า ฟอนเต้ เป็นนักเตะที่เพิ่งจะมาดังตอนแก่ แต่ผลงานตอนนี้เหมือนจะอยู่ในช่วงพีก หรือช่วงขาขึ้นของเจ้าตัว
หลังก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของ เซาธ์แฮมป์ตัน และทำผลงานได้ดีในหลายๆ ฤดูกาลที่ผ่านมา ล่าสุดเจ้าตัวมีชื่อเป็นหนึ่งในขุนพลทีมชาติโปรตุเกส ในยูโร 2016
ซึ่งก่อนที่เขาจะได้รับโอกาสลงสนามทีม “ฝอยทอง” มีสถิติเสียประตูสูงถึง 1.33 ประตูต่อเกม ซึ่งส่วนใหญ่คือผลงานในรอบแบ่งกลุ่มโดยเฉพาะเกมกับ ฮังการี ที่โดนไปถึง 3 เม็ด
ทว่าตั้งแต่ส่ง ฟอนเต้ ลงเล่นในรอบน็อกเอาท์ไปจนถึงนัดชิงชนะเลิศ โปรตุเกส กลับมีเกมรับที่แข็งแกร่งขึ้น โดยเสียไปเพียงประตูเดียวจาก 4 เกมเท่านั้น
งานนี้น่าจะพูดได้เต็มปากเลยว่าที่ “ฝอยทอง” ผงาดแชมป์ยุโรปสมัยแรก ผลงานของ ฟอนเต้ ถือว่ามีส่วนไม่น้อย