FCH INSIGHT : 5 อาวุธอันตรายทัพซามูไรบลู

FCH INSIGHT : 5 อาวุธอันตรายทัพซามูไรบลู

FCH INSIGHT : 5 อาวุธอันตรายทัพซามูไรบลู
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม้จะพลาดท่าพ่ายต่อ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คาถิ่นไซตามะ สเตเดียมของตนเอง ในเกมนัดแรกของศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2018 โซนเอเชีย ไป 1-2 ทว่าขุนพลแดนอาทิตย์อุทัยยังคงขึ้นชื่อในเรื่องการเล่นเกมบุกโจมตีคู่แข่งได้อย่างโดดเด่นอยู่เสมอ ทั้งจากความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่นฝีเท้าดีระดับลีกยุโรป รวมถึงจินตนาการในการเข้าทำประตูที่หลากหลาย ส่งผลให้ทัพช้างศึกที่จะลงดวลกับญี่ปุ่นในวันอังคารที่ 6 กันยายนนี้ ควรระวังจุดแข็งดังกล่าวให้ดี

ก่อนที่เกมการแข่งขันจะเริ่มขึ้น Football Channel Thailand พาไปติดตาม 5 อาวุธอันตรายทัพซามูไรบลู ที่จะใช้โจมตีทีมชาติไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งแต่ละ 5 อาวุธอันตรายนี้จะมีอะไรบ้างนั้น

1. การใช้แบ็คเติมเกมบุก
การขึ้นเกมรุกเพื่อหาจังหวะเข้าทำประตูของผู้เล่นตำแหน่งแบ็ค ไม่ว่าจะทางฝั่งซ้ายหรือขวา หรือการโอเวอร์แลป นับเป็นอาวุธอันตรายของเหล่าแข้งเลือดบูชิโด ที่ใช้โจมตีใส่แนวรับคู่แข่งเป็นประจำ และหากมองในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก 2018 โซนเอเชีย, เกมอุ่นเครื่องทั้งการพบอิหร่าน ในเดือนตุลาคม ปี 2015 และรายการคิริน คัพ 2016 บรรดานักเตะในตำแหน่งเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นยูโตะ นางาโตโมะ (ปัจจุบันบาดเจ็บขอถอนตัว), โคซุเกะ โอตะ, ฮารุ, โกโตคุ ซากาอิ และฮิโรกิ ซากาอิ มักเติมจากบริเวณตำแหน่งประจำการของตนเอง และร่วมขึ้นมาทำเกมบุกกับนักเตะแดนหน้าของทีมเป็นประจำ ซึ่งสถิติการการบุกด้วยลูกโอเวอร์แลปนี้ สร้างประสิทธิผลในการผลิตสกอร์ได้ถึง 5 ประตูเลยทีเดียว


2. การสอดแทรกจากแถวสองของคางาวะ
มิดฟิลด์ตัวรุกจากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คืออีกหนึ่งทีเด็ดของทีมซามูไรบลู ที่พร้อมจะยิงประตูใส่คู่แข่งชนิดที่ได้ลุ้นอยู่บ่อยครั้ง โดยแนวรุกวัย 27 ปี ที่นอกจากจะมีจุดเด่นของตัวเองในเรื่องการจ่ายบอลแบบวันทัช (one-touch) รวมถึงการแทงบอลทะลุช่องให้เพื่อนลุ้นทำประตูได้อย่างแม่นยำแล้ว อดีตแข้งแมนฯ ยูไนเต็ดผู้นี้ยังมีจุดเด่นในเรื่องการยิงประตูที่ไว้ใจได้ โดยผสมผสานกับเทคนิคอันแพรวพราว สร้างโอกาสทำประตูได้จากเท้าทั้งสองข้าง และอีกหนึ่งจุดสำคัญที่บรรดาแนวรับคู่แข่งพึงระวังคือการสอดเข้ามายิงบริเวณแถวสองที่เฉียบคม โดยหากเทียบจากผลงานในเวิลด์คัพ 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รวมถึงเกมอุ่นเครื่องที่ผ่านมา เจ้าตัวโชว์การซัดประตูจากจังหวะแถวสองได้ตั้งแต่เกมแรกที่ญี่ปุ่นต้อนกัมพูชาถึง 3-0 พร้อมฝากผลงานทำประตูช่วยทีมไปทั้งสิ้นถึง 7 ประตู กับอีก 3 แอสซิสต์ ให้กับทีม


3. ความขยันของโอคาซากิ
อีกหนึ่งปัจจัยความสำเร็จของเลสเตอร์ ซิตี้ ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015-2016 มาจากความขยันของหัวหอกหมายเลข 9 ในนามนักเตะแดนอาทิตย์อุทัย แม้เจ้าตัวไม่ได้เป็นนักเตะในตำแหน่งกองหน้าที่สามารถยิงประตูได้ถล่มทลายมากนัก ทว่าความขยันไล่บอลเพื่อให้ทีมหรือตัวเองได้เปรียบในการครองบอล รวมไปถึงการวิ่งกดดันแผงหลังของทีมคู่แข่ง ทั้งหมดคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นแข้งกำลังหลักให้กับทั้งระดับสโมสรและทีมชาติไม่ยากเย็นนัก

สำหรับการลงสนามของโอคาซากิที่ฝากไว้กับทีมชาติญี่ปุ่น ตั้งแต่เวิลด์คัพ 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ในปี 2015 เป็นต้นมา หัวหอกวัย 30 ปี ลงสนามเป็น 11 ผู้เล่นตัวจริงมากถึง 9 จาก 11 นัดรวมทุกรายการ และทำประตูช่วยทีมไปทั้งสิ้น 5 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์

4. การวางบอลยาวจากแดนหลัง
คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวหลักของทัพซามูไรบลูอย่าง มายะ โยชิดะ และมาซาโตะ โมริชิเกะ จัดได้ว่าเป็นอีกสองแนวรับที่มีจุดเด่นในเรื่องการวางบอลจากบริเวณกลางสนาม หรือการเปิดจากพื้นที่ของทีมคู่แข่งชนิดที่ได้ลุ้นประตูบ่อยครั้ง และทำให้เห็นถึงการเกิดสกอร์ในเกมญี่ปุ่นบุกถล่มสิงคโปร์คาถิ่น 3-0 และเกมเปิดบ้านถลุงซีเรีย 5-0 ซึ่ง 2 ประตูดังกล่าวเริ่มต้นมาจากการวางบอลจากแดนหลัง โดยโมริชิเกะ แนวรับจอมแกร่งจากเอฟซี โตเกียวทั้งสิ้น


5. ลูกกลางอากาศของโยชิดะ
วาฮิด ฮาลิลฮอดซิช กุนซือทีมชาติญี่ปุ่นให้โอกาสปราการหลังจากสโมสรเซาแธมป์ตัน ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับโอกาสการลงสนามให้ทีมชาติญี่ปุ่นในเวิลด์คัพ 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รวมถึงเกมอุ่นเครื่อง ช่วงปี 2015 จนถึงปัจจุบัน ด้วยการเป็นตัวจริงทั้ง 11 นัดที่ทีมลงเล่น และออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเต็มเวลา 90 นาทีมากถึง 9 นัด

เซ็นเตอร์ฮาล์ฟเจ้าของส่วนสูง 189 เซนติเมตรเป็นนักเตะที่มีรูปร่างที่สูงใหญ่ ซึ่งได้เปรียบกว่าบรรดาแข้งสัญชาติเอเชียหลายราย ส่งผลให้การเล่นลูกกลางอากาศของเจ้าตัว กลายเป็นจุดเด่นอย่างปฏิเสธไม่ได้ และแนวรับของทีมนักบุญรายนี้ มักอาศัยความเด่นดังกล่าวสกัดเกมบุกของคู่แข่งได้อยู่บ่อยครั้ง พร้อมฝากผลงานการทำ 5 ประตูช่วยทีมชาติญี่ปุ่นทั้งเกมเวิลด์คัพ 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รวมถึงเกมอุ่นเครื่อง โยชิดะทำประตูได้ด้วยลูกโหม่งไปถึง 3 จาก 5 ประตูเลยทีเดียว

สนับสนุนเนื้อหา 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook