ไม่สวยงามแต่ทรงพลัง

ไม่สวยงามแต่ทรงพลัง

ไม่สวยงามแต่ทรงพลัง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากฟุตบอล “พรีเมียร์ลีก อังกฤษ” เปิดฤดูกาลมา 7 นัด เชื่อว่ากลุ่มแฟนบอลเดอะค็อปของหงส์แดง “ลิเวอร์พูล” น่าจะเป็นแฟนบอลที่มีความสุขมากกลุ่มนึง จากผลงานของทีมที่ยอดเยี่ยมเก็บชัยชนะได้ถึง 5 นัด รวมทั้งเกมที่เอาชนะหงส์ขาว “สวอนซี” เมื่อวานนี้

ทำให้ “เจอร์เก้น คลอปป์” และลูกทีมขึ้นมาอยู่อันดับ 2 ของตารางมี 16 คะแนน เป็นรองแค่เรือใบสีฟ้า “แมนฯซิตี้” เพียงทีมเดียวเท่านั้น และถ้าเกิดวันนี้ น้องไก่ “สเปอร์”ไม่สามารถเอาชนะทีมของเป็ปได้ ก็จะทำให้ทีมอยู่อันดับ 2 ไปอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าเนื่องจากหลังจบสัปดาห์นี้จะเป็นคิวของทีมชาติ

แน่นอนว่าชัยชนะเหนือ “อาร์เซน่อล” 4-3 “เลสเตอร์” 4-1 และ “เชลซี” 2-1 ในลีกถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบแดงที่พิสูจน์ว่า ปีนี้ “โควต้าแชมเปี้ยนลีก” หรือ “แชมป์พรีเมียร์ลีก” สมัยแรกของทีม ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป

เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับกุนซือเฮฟวี่เมทัลร็อค “เจอร์เก้น คล็อป” ที่สามารถจับจุดของทีมได้ว่าต้องปรับแต่งอะไรบ้างหลังเข้ามาคุมทีมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ทั้งการนำรูปแบบสไตล์ฟุตบอล “เกเก้นเพรซซิ่ง” ของตัวเองมาประยุกต์กับฟุตบอลอังกฤษ หรือการให้ความสำคัญกับเกมรุกมากกว่าเดิมโดยเฉพาะ “อิสระ” ของมิดฟิลด์ในการเล่นที่มากกว่าหลายๆทีม

จะเห็นได้ว่าปีนี้ทีมยิงไปแล้ว 18 ประตูจาก 7 นัดซึ่งเฉลี่ยยิงประตูนัดละเกือบ 3 ลูกเลยทีเดียว ถึงแม้ในทีมจะไม่ได้ซื้อนักเตะซุปตาร์ที่หวือหวาในเกมรุกเข้ามาเสริมทีม แต่ปรุงแต่งนักเตะที่มีอยู่อย่าง “อดัม ลัลลาน่า” “โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่” “เฟลิเป้ คูติญโญ่” รวมทั้ง “จอร์แดน เฮนเดอร์สัน” ที่เป็นตัวรับมาสร้างประโยชน์ให้กับทีมเวลาเล่นเกมรุกโดยเฉพาะจังหวะออกบอลก่อน

แล้วเสริมพลังในการเล่นเกมรุกให้กับทีมด้วยการซื้อ “ซาดิโอ มาเน่” กับ “จอร์จินิโอ ไวนัลดุม” เข้ามาสู่ทีมในปีนี้ โดยเฉพาะรายแรกที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับทีมด้วยความแข็งแกร่งในการเล่น ส่วนรายหลังกำลังปรับตัวเข้ากับระบบทีมและระบบของคล็อป

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเกมรุกของ “ลิเวอร์พูล” ปีนี้ ไม่หวือหวาแต่เวลาลงสนามมักจะทำได้ดีเกินคาด ยิ่งเวลาเจอกับทีมใหญ่ที่มีนักเตะมิดฟิลด์เก่งๆหรือเกมที่ต้องสู้กันตรงกลางสนามของแผงมิดฟิลด์ ถ้าไม่เจ๋งจริงคงปราบ “อาร์เซน่อล” “เลสเตอร์” หรือ “เชลซี” มาไม่ได้หรอก

สำหรับเกมเมื่อวาน ทีมโดนยิงไปก่อนแต่ก็สามารถกลับมาได้ซึ่งสิ่งที่ “คล็อปป” ต้องนำไปแก้ไขในช่วงหยุดยาว 2 สัปดาห์คือ “เกมรับ” เพราะปีนี้เสียไปเยอะเหลือเกินถึง 10 ประตูด้วยกัน นี้ถ้าไม่ได้เกมรุกช่วย ผลงานของทีมคงออกมาขี้เหร่กว่านี้แน่นอน

อย่างไรก็ตามความแตกต่างของทีมในปีนี้กับปีที่ผ่านๆมาคือ การเล่นของแผงมิดฟิลด์ที่ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อและสามารถสนับสนุนแนวรุกได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญจิตวิทยาการกระตุ้นลูกทีมนอกสนามของโค้ชก็มีส่วนในการทำให้นักเตะของทีมต้อง “วิ่ง สู้ ฟัด” มากกว่าเดิม ห้ามเดินหรือขี้เกียจเป็นอันขาด ต้องสร้างประโยชน์ให้กับทีมถึงจะไม่มีบอลก็ตาม

สุดท้ายถ้าทีมสามารถปรับเกมรับให้ดีกว่านี้และรักษามาตรฐานเล่นของมิดฟิลด์ให้ได้แบบนี้เชื่อว่า ถึงจะดูการเล่นของทีม “ไม่สวยงาม” แต่ก็ “ทรงพลัง” ที่จะทำให้ทีมประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน

แบงค์ พิพัช

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook