ซุปเปอร์ริชยื่นคำขาด หากวีคหน้าคุยไม่รู้เรื่องขายนักเตะแน่นอน

ซุปเปอร์ริชยื่นคำขาด หากวีคหน้าคุยไม่รู้เรื่องขายนักเตะแน่นอน

ซุปเปอร์ริชยื่นคำขาด หากวีคหน้าคุยไม่รู้เรื่องขายนักเตะแน่นอน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วรพงษ์ ตันติเวชยานนท์ บอสใหญ่ซุปเปอร์ริช ยื่นคำกับกับ การท่าเรือฯ หากสัปดาห์หน้ายังคุยกันไม่รู้เรื่อง นักเตะตัวหลักโดนขายทิ้งแน่ แถมจะฟ้องเรียกค่าเสียหายอีกกว่า 60 ล้าน พร้อมเปิดทาง หากใครอยากทำทีมสิงห์เจ้าท่า ก็มาเอาไปได้เลย

เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ผ่านมา ณ สนามแพท สเตเดี้ยม ทางด้านของ นายวรพงษ์ ตันติเวชยานนท์ กรรมการผู้จัดการ บ.ซุปเปอร์ริช (แบงค็อก) ได้เปิดห้องแถลงข่าวถึงกรณีปัญหาระหว่าง บ.ซุปเปอร์ริช กับ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) โดยมีผู้สื่อข่าวจากหลายสำนักให้ความสนใจมาร่วมงานอย่างคับคั่ง

โดยนาย วรพงษ์ ตันติเวชยานนท์ ได้กล่าวเปิดใจว่า “ผมไม่เคยเสียใจที่เข้ามาทำทีม การท่าเรือไทย เอฟซี แต่ปัญหาที่ผ่านมาเป็นเพราะทั้ง 2 ฝ่าย (ซุปเปอร์ริช กับ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.)) ไม่ได้พูดคุยกันให้เข้าใจ โดยในตอนแรก ผมทำหนังสือขอเข้ามาทำทีม การท่าเรือไทย เอฟซี ซึ่ง ผอ.เฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ก็เซ็นอนุมัติแล้ว หนังสือสัญญาทุกอย่างก็ยังอยู่ที่ผม แต่ทำไปทำมากลายเป็นว่าสิทธิขาดทุกอย่าง ทั้งเรื่องสนามแพท สเตเดี้ยม และ สิทธิการใช้พื้นที่ ทางซุปเปอร์ริช ยังคงต้องเสียเงินเช่ากับ กทท. ซึ่งในตอนแรกผมก็ไม่ว่าอะไร ทั้งที่หมดงบประมาณตรงจุดนี้ไปแล้วกว่า 10 ล้านบาท”

“แต่ที่ผมรับไม่ได้ก็คือ สัญญาเอ็มโอยู ที่ กทท ส่งให้ผมพิจารณา มันเอาเปรียบกันเกินไป ซึ่งในสัญญาเอ็มโอยูนั้น มี 3 ข้อหลักที่ผมรับไม่ได้คือ 1. เรื่องสนามแพท สเตเดี้ยม โดยทาง กทท. จะให้ผมใช้ได้แค่พื้นสนามในเวลาแข่งขัน แต่อัฒจันทร์และห้องต่างๆไม่ว่าจะเป็น ห้องแต่งตัวนักเตะ หรือ ห้องแถลงข่าว ต้องมาขออนุญาตกับ กทท. เสียก่อน  2. ถ้าผมจะออกสื่อหรือให้สัมภาษณ์อะไร จะต้องมาขออนุญาตกับ กทท. ก่อน ซึ่งจุดนี้ผมว่ามันเกินไป เพราะเวลาสื่อมวลชนจะมาขอสัมภาษณ์ มันไม่สามารถบอกเวลาล่วงหน้าได้ แม้ผมจะไม่ค่อยชอบออกสื่อ แต่จะให้ขออนุญาติทุกครั้งคงเป็นไปได้ยาก  3. กรรมสิทธิ์นักเตะต้องเป็นของ กทท. ซึ่งข้อนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะสัญญาของนักเตะทุกคนอยู่กับ ซุปเปอร์ริช ดังนั้นถ้าจะเอากรรมสิทธิ์ในตัวนักเตะไป จะต้องมาซื้อตัวคืน”

“จากทั้ง 3 ข้อ ที่กล่าวไป ผมเห็นว่า เอ็มโอยู ฉบับที่ กทท. ร่างให้ผมเซ็นนั้นมันไม่ยุติธรรม และที่สำคัญผมต้องการ เอ็มโอยู 5 ปี ไม่ใช่แค่ปีเดียว เพราะการทำทีมฟุตบอลมันต้องใช้เวลา ดังนั้นปัญหาทุกอย่างมันจึงได้เริ่มขึ้น”

พร้อมกันนั้น นายวรพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า “อย่างไรก็ตามผมไม่อยากให้ทีมฟุตบอล การท่าเรือไทย เอฟซี ต้องมีจุดจบเช่นนี้ ดังนั้นผมยังจะให้โอกาสทาง กทท. อีกรอบ โดยภายในสัปดาห์หน้า ผมจะรอการติดต่อจาก กทท. เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้พูดคุยกัน เพราะก่อนหน้านี้ผมเป็นฝ่ายติดต่อไปหลายครั้ง แต่ก็ถูกเลื่อนนัดมาตลอด ดังนั้นหากภายในสัปดาห์หน้า ทาง กทท. ยังไม่ติดต่อเข้ามาพูดคุยกันให้รู้เรื่อง ผมคงต้องขายนักเตะตัวหลักออกไปบ้างเพื่อลดค่าใช้จ่าย ซึ่งโดยส่วนตัวผมคิดว่า วันจันทร์ น่าจะเหมาะที่สุดที่เราจะได้พูดคุยกัน”

สุดท้าย บอสใหญ่ซุปเปอร์ริช ได้กล่าวว่า “แม้ผมกับ กทท. จะมีปัญหากัน แต่อย่างไรก็ตามผมจะขอทำทีม การท่าเรือไทย เอฟซี ให้จบฤดูกาลนี้ เพราะผมไม่อยากให้ทีมท่าเรือต้องตกชั้น แต่หลังจากนั้น หากใครใน กทท. อยากที่จะได้ทีมไปทำต่อ ก็ขอให้ติดต่อเข้ามาได้เลย เพราะผมทนกับเรื่องพวกนี้ไม่ไหวแล้ว”

“ส่วนที่มีคนถามว่า ซุปเปอร์ริช จะฟ้อง กทท.หรือไม่ ผมคงต้องบอกว่า หากสุดท้ายเราคุยกันไม่รู้เรื่องจริงๆ ผมคงต้องฟ้อง เพราะที่ผ่านมาผมเสียหายไปเยอะ ซึ่งจำนวนเงินที่จะฟ้อง คร่าวๆน่าจะเป็น 60 ล้านบาท ซึ่งผมก็ไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้น เพราะได้ข่าวว่าท่าน ผอ.เฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม จะลงสมัครชิง ส.ส.เขตคลองเตย ดังนั้นหากมีเรื่องต้องฟ้องร้องจริงคงไม่เป็นผลดีกับท่าน และหากทีม การท่าเรือไทย เอฟซี ตกต้องชั้นหรือทีมแตกในสมัยท่านก็คงจะดูไม่ดี แต่ทว่าหลักฐานทุกอย่างที่ท่าน ผอ.เฉลิมชัย เซ็นให้ผมทำทีมมันยังอยู่กับผม ผมก็มั่นใจว่าหากมีเรื่องขึ้นศาล ผมก็น่าจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ”

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook