สื่อ เผย พรีเมียร์รายได้พุ่ง-สโมสรขาดทุน
เดลี เมล์ สื่อดังของอังกฤษ รายงานว่า ได้มีการสรุปตัวเลขรายรับ-จ่าย ของพรีเมียร์ ลีก และสโมรในพรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2009-10 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยรายได้รวมของพรีเมียร์ ลีก พุ่งสูงขึ้นแตะหลัก2.2 พันล้านปอนด์ แต่สโมสรต่างๆ กลับขาดทุนรวมกันถึง 445 ล้านปอนด์ ซึ่งมีปัจจัยมาจากค่าเหนื่อย ที่แพงระยับ จนเวอร์ของบรรดาพ่อค้าแข้ง
โดยสโมสรในพรีเมียร์ ลีก จากค่าเหนื่อยรวมกันทั้งสิ้น 1.4 พันล้านปอนด์เพิ่มขึ้น 5 % จากปีก่อน และไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแต่อย่างใด และรายได้กว่า 68 % ของแต่ละทีมถูกนำไปเป็นค่าแรงให้นักเตะทั้งหมด ซึ่งเชลซี เป็นทีมที่ต้องจ่ายค่าเหนื่อยสูงที่สุด ประมาณ 174 ล้านปอนด์ โดยมี แมนเชสเตอร์ ซิตี กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามมาเป็นอันดับ 2 และ 3 ตามลำดับที่ 133 ปอนด์ และ 132 ปอนด์
ทั้งนี้ ในฤดูกาล 2009-10 ทุกทีมในพรีเมียร์ ขาดทุนทั้งหมด ยกเว้นอาร์เซนอล และทีมที่เลื่อนชั้นขึ้นมาใหม่อย่างเบิร์นลีย์, วูล์ฟ และเบอร์มิงแฮม เท่านั้น
ในเดือนนี้ กฎแฟร์ เพลย์ด้านการเงินของยูฟ่า จะมีผลบังคับใช้ซึ่งทำให้ทุกสโมสร ต้องควบคุมเรื่องค่าเหนื่อย และเงินที่ใช้ในการซื้อนักเตะ แต่เงินที่ลงทุนในการพัฒนาระบบเยาวชนจะไม่ถูกนำมานับรวมด้วย เพื่อให้เกิดความเสมอภาคระหว่างทีมเล็กและใหญ่
อย่างไรก็ตาม เป็นที่คาดการณ์กันว่า จะมีกฎแฟร์ เพลย์หรือไม่ ก็ไม่น่าจะมีผล เพราะแต่ละทีมที่มีเงินทุนหนากว่าจะยังคงเสียงดังได้ในโลก ของฟุตบอล แต่หากการใช้เงินยังไม่มีการควบคุมที่ดีพอ ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ ที่จะตามมาในอนาคต หลังจากสโมสรต่างๆ เริ่มขาดทุนต่อเนื่อง
โดยสโมสรในพรีเมียร์ ลีก จากค่าเหนื่อยรวมกันทั้งสิ้น 1.4 พันล้านปอนด์เพิ่มขึ้น 5 % จากปีก่อน และไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแต่อย่างใด และรายได้กว่า 68 % ของแต่ละทีมถูกนำไปเป็นค่าแรงให้นักเตะทั้งหมด ซึ่งเชลซี เป็นทีมที่ต้องจ่ายค่าเหนื่อยสูงที่สุด ประมาณ 174 ล้านปอนด์ โดยมี แมนเชสเตอร์ ซิตี กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามมาเป็นอันดับ 2 และ 3 ตามลำดับที่ 133 ปอนด์ และ 132 ปอนด์
ทั้งนี้ ในฤดูกาล 2009-10 ทุกทีมในพรีเมียร์ ขาดทุนทั้งหมด ยกเว้นอาร์เซนอล และทีมที่เลื่อนชั้นขึ้นมาใหม่อย่างเบิร์นลีย์, วูล์ฟ และเบอร์มิงแฮม เท่านั้น
ในเดือนนี้ กฎแฟร์ เพลย์ด้านการเงินของยูฟ่า จะมีผลบังคับใช้ซึ่งทำให้ทุกสโมสร ต้องควบคุมเรื่องค่าเหนื่อย และเงินที่ใช้ในการซื้อนักเตะ แต่เงินที่ลงทุนในการพัฒนาระบบเยาวชนจะไม่ถูกนำมานับรวมด้วย เพื่อให้เกิดความเสมอภาคระหว่างทีมเล็กและใหญ่
อย่างไรก็ตาม เป็นที่คาดการณ์กันว่า จะมีกฎแฟร์ เพลย์หรือไม่ ก็ไม่น่าจะมีผล เพราะแต่ละทีมที่มีเงินทุนหนากว่าจะยังคงเสียงดังได้ในโลก ของฟุตบอล แต่หากการใช้เงินยังไม่มีการควบคุมที่ดีพอ ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ ที่จะตามมาในอนาคต หลังจากสโมสรต่างๆ เริ่มขาดทุนต่อเนื่อง