THE STRATEGIES: 5 กุญแจเด็ดช้างศึกลุ้นคว้าชัยเหนือยูเออี

THE STRATEGIES: 5 กุญแจเด็ดช้างศึกลุ้นคว้าชัยเหนือยูเออี

THE STRATEGIES: 5 กุญแจเด็ดช้างศึกลุ้นคว้าชัยเหนือยูเออี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เกมฟุตบอลโลกนัดต่อไปของทีมชาติไทยที่จะต้องบุกไปเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ณ สนาม มูฮัมหมัด บิน ซายิด กรุงอาบูดาบี ในวันที่ 6 ตุลาคมนี้ถือเป็นเกมสำคัญที่จะเดิมพันโอกาสในการที่จะสร้างประวัติศาสตร์การเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกของทีมชาติไทย เพราะก่อนหน้านี้ทีมช้างศึกลงเล่น 2 เกมแรกยังไม่มีคะแนนแม้แต่คะแนนเดียว ซึ่งหากนัดนี้ทีมของ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กลับมาออกมาด้วยมือเปล่า โอกาสในการลุ้นจะยิ่งน้อยลงไปอีก และนี้คือกุญแจเด็ดของทีมช้างศึกที่จะใช้เพื่อเก็บแต้มประเดิมในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกเกมที่โหดหินเกมนี้


เกมรับ
แน่นอนว่าเป้าหมายอันดับแรกของ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง คือการมีอย่างน้อย 1 แต้ม เพราะฉะนั้นหากว่าสามารถที่จะต้านทานเกมบุกของ ยูเออี เอาไว้ได้ การการันตีอย่างน้อย 1 คะแนนแน่นอน ซึ่งแน่นอนว่าหัวใจของเกมนี้คือเกมรับ ที่ทีมชาติไทยจะได้ตัว สารัช อยู่เย็น ห้องเครื่องตัวหลักกลับมาช่วยทีมอีกครั้ง นอกจากนี้ฟอร์มของ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ในเกมที่ผ่านมากับญี่ปุ่น แม้ว่าจะเสียไปสองประตูแต่ก็น่าจะทำให้ เพื่อนๆในแผงแนวรับอุ่นอกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง เพราะฉะนั้น เกมนี้ ผู้เล่นในแนวรับจะกลายเป็นพระเอกแน่นอนหากว่าทีมชาติไทยต้องการมีแต้ม นอกจากนี้ในตำแหน่งแบ็กโฟร์น่าจะยึดตำแหน่งผู้เล่นหน้าเดิมอย่าง ธีราทร บุญมาทัน แบ็กซ้ายกัปตันทีม ที่มีประสบการณ์ในระดับเอเชียกับฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีกมาแล้ว กับ ทริสตอง โด แบ็กขวาที่เล่นเกมรับได้ดีอีกเช่นเคยและ คู่เซนเตอร์ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ที่อ่านทางบอลได้ดี และ กรวิทย์ นามวิเศษ ที่พอจะรับมือกับลูกกลางอากาศได้

นอกจากนี้เรื่องความละเอียดละออในการเล่นเกมรับยังเป็นเรื่องที่ทีมช้างศึกจะต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก เพราะเกมแรกกับ ซาอุดิอาระเบีย ทีมชาติไทยก็พลาดท่าเสียจุดโทษในช่วงท้ายเกม รวมไปถึงเกมแรกของยูเออี ที่บุกไปชนะญี่ปุ่นพวกเขาได้ประตูจากลูกฟรีคิก และลูกจุดโทษที่ล้วนเป็นลูกตั้งเตะทั้งหมด


จับตาย โอมาร์ อับดุลราห์มาน์
พ่อมดแห่งยูเออี ถือเป็นนักเตะสุดอันตราย หากใครได้ชมเกมแรกกับญี่ปุ่น โอมาร์ อับดุลราห์มาน์ โชว์ฟอร์มได้สมราคา จนป่วนแรวรับของญี่ปุ่นได้หลายครั้งหลายหน เชื่อว่า วิทยา เลาหกุล ประธานเทคนิค น่าจะได้ศึกษารูปแบบการเล่น รวมไปถึงทีมงานของ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่น่าจะ ทำการบ้านมาพร้อมรับมือใส่กุญแจล็อคตาย ดาวเตะรายนี้เอาไว้ ไม่ให้ขึ้นเกมถนัด ซึ่งหากทำได้ตามเป้า เกมรุกของ เจ้าบ้านน่าจะอ่อนพลังลงไปเยอะพอสมควร นอกจากนี้นักเตะคนอื่นๆในแนวรุกของยูเออี อย่าง อาลีห์ มาบคูด และอาเหม็ด คาลิล ที่ยิงประตูรวมกันไปแล้ว 19 ประตู ก็คือเหล่านักเตะคีย์แมนในเกมรุกที่นักเตะไทยจะละสายตาไม่ได้เช่นกัน


เกมโต้กลับของไทย
การตั้งรับอย่างเดียวคงไม่ใช่ตำตอบที่ดีที่สุด หากว่าไม่เปิดเกมรุกเลย นักเตะทีมชาติไทยคงเหมือนกับเตะฟุตบอลไปอัดกำแพงที่จะต้องเด้งกลับมาหาอย่างแน่นอน ทีมไทยสามารถทำได้ดีกับเกมแรกในการบุกเยือน ซาอุดิอาระเบีย ในการเล่นเกมสวนกลับเร็ว แต่ในเกมกับญี่ปุ่น ทุกอย่างดูผิดที่ผิดทางเกินไป อย่างที่เคยวิเคราะห์กันมาก่อนหน้านี้ ทีมชาติไทยทราบดีกว่า ยูเออี มีปัญหาในการป้องกันเกมโต้กลับเร็ว ซึ่งนักเตะไทยที่มีความเร็วอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ธนา ชะนะบุตร รวมไปถึงคนที่ไปกับบอลได้ดีอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา มีศักยภาพพอที่จะสามารถเล่นเกมโต้กลับให้อันตรายได้ ไม่ใช่เอาไว้แค่ขู่แนวรุกเจ้าถิ่นไม่ให้เดินเครื่องใส่เต็มสตรีม หากแต่ยังเป็นยุทธวิธีที่จะทำให้ทีมช้างศึกมองไกลไปถึง 3 แต้มได้เลย


ตัวสำรองพลิกเกม
ต้องยอมรับว่าสองเกมที่ผ่านมา ตัวสำรองที่ลงสนามมาของทีมชาติไทยนั้นแทบจะไม่ได้ช่วยยกระดับเกมให้กับทีมชาติไทย ไม่ว่าจะเป็นเกมแรก ที่ศราวุฒิ มาสุข ที่ซิโก้มักจะใช้งานเป็นประจำ ก็ช่วยทีมอะไรไม่ได้มาก รวมไปถึง ชาริช ชัปปุยส์ และ ธนา ชะนะบุตร ด้วย ส่วนเกมที่สองกับ ญี่ปุ่น มีเพียงแค่ สิโรจน์ ฉัตรทอง เท่านั้นที่สร้างความวูบวาบได้ ส่วนของ ประกิต ดีพร้อม ลงสนามไปในฐานะตัวสำรองแต่กลับถูกไล่ออกจากสนาม ส่วน พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา ก็มีเวลาน้อยเกินไป เพราะฉะนั้นแทบจะสรุปได้ว่าบรรดาตัวสำรองที่ได้โอกาส ยังไม่สามรถที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงเกมในสนามของทีมได้ เพราะฉะนั้นในเกมนัดนี้ การวางหมากแก้เกมทั้ง 3 ครั้งจะต้องส่งผลในทางบวกให้กับรูปเกมในสนาม ไม่ว่าสถานการณ์ของทีม ณ ตอนนั้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม


ความกดดันกับยูเออี
การเจอกับทีมที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในฟุตบอลโลกทีมเดียวของกลุ่มแถมยังอันดับโลกต่ำที่สุดอย่างทีมชาติไทย ทำให้เกมนี้ ยูเออี คาดหวังกับผลการแข่งขันรวมถึงฟอร์มที่สวยหรูเพื่อเรียกความมั่นอกมั่นใจของพวกเขาก่อนบุกไปเยือน ซาอุดิอาระเบีย ทำให้เกมนี้พวกเขาจะต้องเผชิญกับความกดดันอย่างช่วยไม่ได้ จริงอยู่การบุกไปเอาชนะ ญี่ปุ่น ถือเป็นสามแต้มที่ล้ำค่าแต่การเก็บชัยชนะได้แค่ 1 เกมจาก 5 เกมหลังสุดไม่น่าจะใช่สิ่งที่แฟนบอลของพวกเขาอยากที่จะเห็น เพราะฉะนั้นแล้ว นอกจากที่จะต้องต่อสู้กับแรงกดดันภายนอกแล้ว แรงกดดันภายในของ ยูเออี เองน่าจะเล่นงานเขาพอสมควร ยิ่งถ้าหากทีมชาติไทยยิ่งต้านเอาไว้ได้นานเท่าไร ความกดดันต่างๆก็จะไปเพิ่มให้ยูเออี แบบทวีคูณไปเรื่อยๆและก็โอกาสที่จะเก็บคะแนนจากนัดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม

สนับสนุนเนื้อหา 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook