สกู๊ป : "อังกฤษ" ผิดแผน
ถึงจะถูกมองว่า “ระดับ” ยังไม่ถึงขั้นที่จะคุมงานบนเวทีใหญ่อย่างทีมชาติอังกฤษได้ แต่ในความรู้สึกส่วนตัวผมให้ “ผ่าน” ครับสำหรับนัดแรกของ แกเร็ธ เซาธ์เกต
ไม่ได้ถึงกับดีจนผิดหูผิดตา แต่ก็ดีพอที่จะพูดได้เต็มปากว่า “ไม่ขี้เหร่”
แน่นอนครับว่าระดับฝีเท้าของ มอลตา ห่างเกินกว่าที่จะสร้างปัญหาใดๆให้แก่อังกฤษได้ และสกอร์ไลน์ที่ออกมาแค่ 2-0 อาจจะทำให้แฟนบอลทรีไลออนส์เองรู้สึกผิดหวัง เพราะทีมเริ่มต้นได้อย่างค่อนข้างน่าประทับใจมาก
แต่อย่างน้อยในเรื่องของความมุ่งมั่นในการเล่น และที่สำคัญกว่าคือ “แนวทาง” ที่อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ชวนให้รู้สึกอึดอัดใจมากเท่ากับยุคก่อนหน้านี้
สิ่งที่สังเกตเห็นได้จากเกมเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา เซาธ์เกต จัดทีมโดยเน้นความเป็น “ธรรมชาติ” เป็นหลัก คล้ายๆกับว่าใครถนัดอะไรตรงไหนก็เล่นกันไป แต่รายละเอียดสำคัญมีอยู่ 2 เรื่องครับ
เรื่องแรก เซาธ์เกต ยืนยันให้ รูนี่ย์ ลงสนามเหมือนเดิม ไม่ใช่แค่ในฐานะ “กัปตัน” แต่ในฐานะ “ผู้นำ” ของทีม
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งครับ เพราะจะฟอร์มตกจนน่าใจหาย แต่สำหรับทีมชาติอังกฤษที่อยู่ในภาวะ “เคว้ง” ต่อเนื่องหลังจากที่ตกรอบยูโร 2016 มาแบบช้ำๆ จนมีการเปลี่ยนแปลงจาก รอย ฮอดจ์สัน มาเป็น แซม อัลลาร์ไดซ์ (ด้วยเหตุผลและความจนใจ) ก็ดันมาเกิดเหตุกรณีอื้อฉาวเรื่องการ “มีนอกมีใน” ของบิ๊กแซมจนทำให้ต้องออกจากตำแหน่งทั้งที่เพิ่งทำงานได้เพียงแค่เกมเดียว
ภาวะแบบนี้หากเซาธ์เกต จะตัดสินใจเปลี่ยนแปลงทีมด้วยการดร็อป รูนี่ย์ ให้พ้นทางด้วยเหตุผลเรื่องของฟอร์มการเล่นเพียงลำพังแล้ว ย่อมไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกต้องครับ
ความจริงผมให้คะแนนนายใหญ่จำเป็นคนนี้ตั้งแต่การที่ออกมาประกาศสนับสนุน รูนี่ย์ ตั้งแต่ก่อนเกมแล้วด้วยการยืนยันว่าสถานะของเจ้าของสถิติดาวซัลโวทีมชาติ และกำลังหวังที่จะแซงหน้า ปีเตอร์ ชิลตัน ในสถิติลงสนามสูงสุดให้กับทีม “สิงโตคำราม”
อย่างที่บอกด้วยสถานการณ์แล้วไม่เหมาะสมจะทำเช่นนั้นครับ มันยังไม่ถึงเวลาที่ รูนี่ย์ จะต้องลดบทบาทในทีมชาติ
เพราะนักฟุตบอลชั้นยอด การที่ฟอร์มตกเป็นระยะเวลานาน ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นนักฟุตบอลที่ “แย่” ในทันที
นักเตะอย่าง รูนี่ย์ ยังมีประโยชน์ต่ออังกฤษอยู่ครับ ขอเพียงหา “ที่ทาง” ให้เขาให้ได้ โดยที่ตัวรูนี่ย์ เองก็ต้องพยายามปรับตัวเข้ากับบทบาทใหม่ด้วยเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาผมไม่เห็นว่าเจ้าหมูโลกันต์จะอิดออดอะไรกับการลงเล่นในบทบาทใหม่ๆ
และโดย “สถานะ” ของเซาธ์เกต เองแล้วก็ไม่สามารถตัดสินใจในเรื่องสำคัญเช่นนี้ได้ด้วยครับ
เรื่องที่สองที่ผมมองว่าสำคัญคือการที่ เซาธ์เกต เลือก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ให้เล่นในบทมิดฟิลด์ตัวขับเคลื่อนทีมเหมือนกับที่กำลังทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในทีมลิเวอร์พูล ในเวลานี้
เฮนเดอร์สัน ที่กำลังเข้าฝักที่สุดในชีวิตกลายเป็น pivot หรือเฟืองจักรขับเคลื่อนทำให้ทีมเล่นได้อย่างไหลลื่น โดยมี รูนี่ย์ ยืนเป็นคู่หู และปล่อยหน้าที่ในการทำเกมรุกให้เป็นของนักเตะที่สดและเก่งกว่าอย่าง เดเล อัลลี
เช่นกันกับ เจสซี ลินการ์ด ที่แจ้งเกิดในทีมชาติได้อย่างสวยงาม เป็นตัวทะลุทะลวงที่สร้างความปั่นป่วนในแนวรุกคู่แข่งได้เป็นอย่างดี
ความลงตัวที่เกิดขึ้นทำให้องค์ประกอบอื่นๆในทีมดีตามไปด้วยครับ แม้กระทั่งในแนวรุก ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ที่เล่นได้ในฟอร์มระดับ 60-70% ของที่เคยทำได้ก็ยังทำได้ 1 ประตู สร้างโอกาส และมีส่วนร่วมกับเกมพอสมควร
แน่นอนว่าอังกฤษ ไม่ได้สมบูรณ์แบบครับ อย่างน้อยฟอร์มในครึ่งหลังก็ดร็อปลงจากครึ่งแรก และเกมริมเส้นที่ถึงจะจู่โจมได้หลายครั้ง แต่ผมมองว่าคู่แบ็กซ้าย-ขวา แดนนี่ โรส (รวมถึงไรอัน เบอร์ทรานด์ ที่บาดเจ็บ) และ ไคลน์ วอล์คเกอร์ ดูจะขาดประสิทธิภาพไปสักหน่อยในเรื่องบอลสุดท้าย
อย่างไรก็ดี ในภาพรวมแล้วผมคิดว่าอังกฤษชุดนี้ไม่ขี้เหร่ครับ และบางทีหากผลงานของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ยังทำได้ดีระหว่างนี้ เขาควรจะเป็นหนึ่งในคนที่ได้รับการพิจารณาตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติอังกฤษเต็มตัวเช่นกัน
หรืออย่างน้อยขอให้เขาได้ทำหน้าที่ไปจนกว่าจะมีคนที่เหมาะสมและดีพร้อมกว่าจริงๆ
ในความหมายของผมคือ อาร์แซน เวนเกอร์ ที่ส่งสัญญาณว่าเขา “สนใจ” งานนี้ครับ
อังกฤษ จะกลับมายิ่งใหญ่ได้พวกเขาต้องมีกุนซือในระดับสุดยอดจริงๆมาวางแนวทางให้ ซึ่งบทโลกนี้มีคนที่ทำแบบนั้นได้ไม่มากนัก
โดยส่วนตัวผมเชื่อว่า เวนเกอร์ เป็นหนึ่งในคนที่มีความสามารถเช่นนั้น เพราะเขาไม่ได้แค่เก่งในเรื่องการจัดการทีม หากแต่ยังมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของระบบเยาวชนเป็นอย่างดี และสามารถจะวางรากฐานให้แก่วงการฟุตบอลยุคใหม่ด้วย “องค์ความรู้” ที่ไม่น่าจะมีคนอังกฤษคนใดที่เก่งกาจเท่า
ดังนั้นมันอาจจะผิดแผนอยู่บ้างสำหรับเอฟเอ ที่ประกาศว่าจะหาผู้จัดการทีมใหม่ให้ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น และไม่ได้มองเซาธ์เกต ในฐานะคนที่เหมาะสมกับงานนี้
แต่บางครั้งชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ ไม่แน่ไม่นอน แต่ทุกเรื่องมันก็มี “ทาง” ของมันเสมอ
นิทานลูกหนัง by ลูกแม่กิ่ง (lookmaeking@hotmail.com)