ผีแพ้1-6ใช่ครั้งแรกย้อน6เกมเจ็บปวดเฟอร์กี้อยากลืม
หลังเกมที่"ผีแดง"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พ่าย"เรือใบสีฟ้า"แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คาถิ่นโอลด์แทร็ฟ ฟอร์ด ยับเยิน 1-6 ซึ่งถือเป็นในรอบ 85 ปีที่แพ้ในบ้าน วันนี้มาดูย้อนหลัง 6 เกมแห่งความทรงจำที่แสนเจ็บปวดที่ในชีวิตการคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อยากลืมและไม่อยากจดจำอีกต่อไป
หลังจากที่"ผีแดง"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พ่าย"เรือใบสีฟ้า"แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คาถิ่นโอลด์แทร็ฟ ฟอร์ด ยับเยิน 1-6 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา! ในศึกลูกหนังพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดกาล 2011-2012
ซึ่งถือเป็นในรอบ 85 ปีที่แพ้ในบ้าน และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่"ผีแดง"พ่ายแพ้ให้กับคู่ต่อสู้ด้วยสกอร์ที่ขาดลอย ขนาดนี้
วันนี้มาดูย้อนหลัง 6 เกมแห่งความทรงจำที่แสนเจ็บปวดที่ในชีวิตการคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อยากลืมและไม่อยากจดจำอีกต่อไป เริ่มกันที่ในวันที่ 20 ต.ค. 1996 นิวคาสเซิล เอาชนะ แมนฯยูไนเต็ด ไปได้ 5-0
ด้วยการเปิดบ้านเรียงหน้าเข้ามายิงของ ดาร์เรน พีค็อก, ดาวิด ชิโนล่า, เลส เฟอร์ดินานด์, อลัน เชียเรอร์ และปิดท้ายด้วยลูกชิพสุดเหนือชั้นของ ฟิลิปป์ อัลแบร์
และเกมออกไปพ่ายต่อ เซาธ์แฮมป์ตัน 6-3 เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 1996 คล้อยหลังโดน นิวคาสเซิล ถล่มแบบไม่ไว้หน้าได้เพียงสัปดาห์เดียว ก็ถูก"นักบุญ"เซาธ์แฮมป์ตัน เล่นงานต่อ
แต่แชมป์เมื่อจบฤดูกาล 1996/97 กับตกเป็นของ แมนฯยูไนเต็ด ตามมาด้วยบุกไปเยือนถูก เชลซี ถล่ม 5-0 ปี 1999
และเกมแพ้นัดนี้ยังทำให้สถิติไม่แพ้ใครก่อนหน้านี้ 29 นัดติดต่อกันของทีมทริปเปิ้ลแชมป์หมาดๆ ต้องถูกหยุดลงที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ในครานั้นลงไว้ที่ตรงนั้นแต่ยังได้เป็นแชมป์
และมาต่อกันที่เกมที่พ่ายในบ้านเริ่มที่การแพ้ให้กับ ลิเวอร์พูล 1-4 เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2009 อย่างไรก็ตามจบซีซั่น 2009/10 แมนฯยูไนเต็ด ก็ยังครองแชมป์
ตามด้วยการเปิดรังพ่ายต่อ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส 1-4 เมื่อวันที่ 1 มกราคม 1992 โดยได้ประตูจาก แดน ไบลี่ย์ ที่ยิงแฮตทริกในเกมดังกล่าวพ่วงด้วย แอนดี้ ซินตัน อีกหนึ่งลูก
และเกมโดนถล่มนัดนี้นั้นเกิดขึ้นหลังวันเกิดอายุครบ 50 ปีของ เซอร์ อเล็กซ์ เพียงวันเดียว
และมาปี 1989 วันที่ 23 กันยายน แมนฯยูไนเต็ด ออกไปเยือน แมนฯซิตี้ ก่อนโดนยิงยับไปถึง 5-1 โดย เดวิด โอลด์ฟิลด์ ยิงไป 2 ลูก, เทรเวอร์ มอร์ลี่ย์, เอียน บิชอฟ และ แอนดี ฮินช์คลิฟฟ์ คนละ 1 ตุง และปีนี้เองที่ แมนฯยูไนเต็ด ต้องจบอันดับที่ 13
ปล่อยให้ ลิเวอร์พูล ครองความยิ่งใหญ่ได้แชมป์ลีกไป(เป็นครั้งสุดท้าย) แต่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ภายใต้การคุมทีมของ เฟอร์กี้ อย่างแท้จริง
สรุปจากวันนั้นจนถึงวันนี้ เฟอร์กี้ พาทีมคว้าแชมป์ลีก 12 สมัย, แชมป์เอฟเอคัพ 5 สมัย, แชมป์ลีกคัพ 4 สมัย, แชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2 สมัย, แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 1 สมัย และแชมป์สโมสรโลก 2 สมัย
