จาก เลสเตอร์ ถึง เชฟฟิลด์
ผ่านมาแล้ว 10 วัน ที่ประเทศไทยต้องพบกับความวิปโยคครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 70 ปี จากเหตุการณ์ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่ที่ประเทศไทยเท่านั้น บางสโมสรฟุตบอลในลีกอังกฤษ ก็ได้แสดงออกถึงความอาลัยแด่พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 ของประเทศไทยอีกด้วย
เริ่มที่เลสเตอร์ ซิตี้ ในพรีเมียร์ลีก “จิ้งจอกสยาม” มีภาพที่น่าประทับใจ ก่อนเริ่มเกมการแข่งขันกับคริสตัล พาเลซ
เมื่อ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ผู้จัดการทีมชาวอิตาเลียน ได้อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ลงสู่สนาม คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม ท่ามกลางแฟนบอล รวมถึงนักเตะทั้งสองทีมร่วมปรบมือแสดงความอาลัย
พร้อมกันนี้ ผู้เล่นของทั้งสองทีม และทีมงานผู้ตัดสิน รวมถึงแฟนบอล และคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสร "จิ้งจอกสยาม" ได้พร้อมใจยืนถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นเวลา 1 นาที
ซึ่งในขณะที่มีพิธียืนไว้อาลัย ภายในสนามได้มีการฉายพระบรมฉายาลักษณ์บนจอใหญ่ รวมถึงป้าย LED ริมสนาม ก็มีการขึ้นข้อความถวายอาลัยระหว่างเกมการแข่งขันให้คนเห็นทั่วโลก
ก่อนหน้านี้ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อกลางสัปดาห์ สโมสรได้แปรอักษรชื่อทีมเป็นสีขาวดำ และยังทำหนังสือโปรแกรมพิเศษที่มีหน้าถวายความอาลัยในหลวงรัชกาลที่ 9 และฉายพระบรมฉายาลักษณ์บนจอในสนาม รวมทั้งยังลดธงชาติไทยครึ่งเสา รวมถึงธงตราสัญลักษณ์ ยูฟ่า, ธงสหราชอาณาจักร และธงสโมสรที่สนามอีกด้วย
หลังจากที่ผลงานดีในแชมเปี้ยนส์ ลีก ชนะ 3 นัดรวด จ่อเข้ารอบเต็มแก่ กลับมาเล่นเกมลีก พบกับ พาเลซ “เดอะ ฟ็อกซ์” ต้องรีบกลับมาทำผลงานให้ดีโดยเร็ว หลังจากออกสตาร์ตย่ำแย่ตั้งแต่เปิดฤดูกาล
สำหรับเกมการแข่งขันของเลสเตอร์นั้น ต้องบอกว่า เล่นได้ดีอย่างชัดเจน ขนาด กุนซือทิงเกอร์แมน ยังออกมาให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า “นี่คือฟอร์มที่ยอดเยี่ยมที่สุดนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา”
ในเกมนี้ เลสเตอร์ เอาชนะพาเลซ ไปได้ 3-1 โดย 3 ประตูของ “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” ได้จาก อาห์เม็ด มูซ่า, ชินจิ โอกาซากิ และ คริสเตียน ฟุคส์ ทำให้เลสเตอร์ หยุดสถิติไม่ชนะใคร 3 นัดติดต่อกัน ได้สำเร็จ
จากเมืองเลสเตอร์ ขึ้นเหนือไปประมาณ 86 กิโลเมตร ในเวลาเดียวกันนี้ ที่เมืองเชฟฟิลด์ ก็มีอีกสโมสรหนึ่ง ที่มีนักธุรกิจชาวไทย เป็นเจ้าของสโมสร โลดแล่นอยู่ในหัวตาราง ลีกแชมเปี้ยนชิพ
ใช่แล้วครับ ผมหมายถึง สโมสร “นกฮูก” เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ที่มีคุณเดชพล จันศิริ เจ้าของธุรกิจผลิตและส่งออกปลาทูน่าแบรนด์ดัง เข้ามาซื้อกิจการของสโมสร
ในเกมที่ฮิลส์โบโร่ แมตช์ที่พบกับ ควีนสปาร์ค เรนเจอร์ส ก่อนที่เกมจะเริ่ม ทางสโมสรก็ได้แสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยการเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมี และยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 2 นาที
นอกจากนี้ ประธานสโมสรชาวไทยของเชฟฯ เวนสเดย์ ได้ระบุแถลงการณ์ ผ่านทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสร มีใจความดังนี้
"ผมอยากขอบคุณทุกคนจากหัวใจอย่างที่สุด สำหรับการร่วมไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้เสด็จสวรรคตไปไม่นาน หลังครองราชย์ปกครองประเทศไทยมา 7 ทศวรรษ"
“พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก และในประเทศไทยเราได้เข้าสู่ช่วงเวลาของการไว้ทุกข์ ก่อนหน้านี้ในวันนี้ ประมาณ 150,000 คน รวมตัวกันนอกพระบรมมหาราชวัง ในกรุงเทพมหานคร เพื่อแสดงความเคารพ และผมได้บอกกับทุกคน เพราะมันเป็นความเชื่อของผมว่า เราทุกคนยืนเคียงข้างร่วมกันในครอบครัว เชฟฟิลด์ เวนสเดย์ ในช่วงเวลาที่ดีและเลวร้าย”
“ในช่วงระยะเวลาของการไว้ทุกข์ 30 วัน นับตั้งแต่วันที่เสด็จสวรรคต นักฟุตบอลและทีมงานของสโมสรจะสวมปลอกแขนสีดำเพื่อแสดงความอาลัย และธงทั้งหมดที่อยู่ภายในสนาม จะถูกลดลงครึ่งเสาในช่วงเวลาเดียวกันนี้ด้วย”
"การได้รับกำลังใจอย่างนี้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก มีความหมายเหลือเกินสำหรับผม ในฐานะประธานสโมสรของพวกคุณ คุณได้แสดงให้ผมเห็นอีกครั้ง ในสิ่งที่ผมรู้ดีว่ามีอยู่ในผู้คนของเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ พวกคุณได้มอบหัวใจและแรงบันดาลใจ ให้ผมมุ่งมั่น ทำทุกทางให้สโมสรของเราไปได้ไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"
สำหรับการแข่งขันในนัดนี้ เป็นเจ้าบ้าน เวนส์เดย์ เฉือนเอาชนะไปได้ 1-0 จากประตูชัยของแกรี่ ฮูเปอร์ ในนาทีที่ 40 ทำให้ “นกฮูก” มีเพิ่มเป็น 24 คะแนน จาก 14 นัด อยู่อันดับ 5 มีลุ้นเลื่อนชั้นเลยทีเดียว
แต่ผมเชื่อลึกๆ ว่า คุณเดชพล จันศิริ อาจจะยังไม่พอใจกับผลงานของทีม และขอสู้ให้สุดความสามารถ เพื่อพาทีมเลื่อนชั้นขึ้นพรีเมียร์ลีก ให้ได้
ทั้งเลสเตอร์ และ เชฟฟิลด์ เวนสเดย์ ต่างก็เก็บชัยชนะได้สำเร็จ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรมากมาย
เพราะความสำคัญ อยู่ที่เจ้าของสโมสรชาวไทยทั้งสองท่าน ต่างก็แสดงออกถึงความจงรักภักดี ที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ถึงแม้ว่าจะเป็นการแสดงออกบนแผ่นดินอังกฤษก็ตาม
มันเป็นภาพที่งดงามที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่จะเป็นความทรงจำไปตลอดกาล กับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของปวงชนชาวไทย แม้กระทั่งฝรั่งตาน้ำข้าว ก็รู้สึกเสียใจเช่นเดียวกัน
เขียนถึงบรรทัดสุดท้ายพอดี อยู่ดีๆ น้ำตาของผม ไหลออกมาแล้วครับ