บุรีรัมย์ไปเตะ ชปล.ไม่ง่ายอย่างที่คิด ???
การไปเตะฟุตบอลเอเชีย ของทีมปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ พีอีเอ อาจไม่ง่ายอย่างที่คิด หากคิดแยกทางกับ กฟภ.จริงๆ สิทธิ์การทำทีมและสิทธิ์การไปเตะเอเอฟซี จะเป็นของใครกันแน่ ยังไม่มีใครให้คำตอบได้
แต่พรุ่งนี้ (9 ม.ค.) บุรีรัมย์ จะตั้งโต๊ะแถลงเคลียร์ปัญหาทุกอย่าง คาดว่าจะมีการหักมุมเกิดขึ้น ติดตามทั้งหมดได้จากทีมงานไทยลีกออนไลน์
วันพุธที่ 11 ม.ค.นี้ เป็นวันสุดท้ายที่ทางสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี กำหนดให้ทุกๆ ประเทศสมาชิกส่งชื่อสโมสรตัวแทนของประเทศนั้นๆ ที่จะลงทำการแข่งขันฟุตบอลรายการของเอเอฟซี ทั้งถ้วยใบใหญ่อย่าง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก และเอเอฟซี คัพ ฤดูกาล 2012 ให้กับทางเอเอฟซี หากประเทศใดไม่ส่งชื่อตามวันที่กำหนดก็จะหมดสิทธิ์ลงแข่งขันทันที
สำหรับประเทศไทยของเราในฤดูกาล 2012 จะได้โควต้าเข้าร่วมแข่งขันถึง 2 ทีม ก็คือแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2011 จะได้สิทธิ์ลงเล่นในศึก ชปล.แบบอัตโนมัติ ส่วนแชมป์บอลถ้วยในรายการเอฟเอ คัพ จะได้สิทธิ์ไปเล่น ชปล.รอบคัดเลือก ถ้าหากไม่ผ่านรอบคัดเลือกก็จะได้ไปเตะเอเอฟซี คัพ แทน
ถึงตอนนี้อย่างที่ทุกคนทราบกันก็คือแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2011 ก็คือทีม "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ ที่จะได้ไปเล่น ชปล.โดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีลุ้นที่จะคว้าดับเบิ้ลแชมป์ในรายการเอฟเอ คัพ ด้วย
ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นสิทธิ์นี้ก็จะตกไปเป็นของรองแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก นั่นก็คือชลบุรี เอฟซี แต่ถ้าหากเป็นเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ที่ได้แชมป์เอฟเอ คัพ ก็จะเป็น "กิเลนผยอง" ที่ได้ไปเตะเอเอฟซี ชปล.รอบคัดเลือกในฐานะแชมป์บอลถ้วย
ปัญหาในตอนนี้ก็คือสิทธิ์การไปเล่น ชปล.ของบุรีรัมย์ ในฐานะแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก นั้นเป็นของ "ปราสาทสายฟ้า" จริงหรือ เนื่องจากว่าการที่บุรีรัมย์ พีอีเอ ได้ขึ้นมาเล่นไทยพรีเมียร์ลีกเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา คือการใช้สิทธิ์ของทีมการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่อยู่ในไทยพรีเมียร์ลีกอยู่แล้ว
ดังนั้นเมื่อบุรีรัมย์ พีอีเอ ได้แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก มันก็จะเป็นทีมบุรีรัมย์ พีอีเอ ที่ได้สิทธิ์ไปเล่นฟุตบอลเอเชียแบบร้อยเปอร์เซ็นต์
แต่เมื่อตามกระแสข่าวที่ออกมาบุรีรัมย์ มีแนวโน้มที่จะแยกตัวออกจาก พีอีเอ หรือ การไฟฟ้าฯ สิทธิ์นั้นควรจะไปอยู่ที่ กฟภ. หรือเปล่า เหมือนกับที่เคยมีปัญหากันก่อนหน้านี้เรื่องการทวงสิทธิ์ทำทีม
ไม่ว่าจะเป็นราชนาวี กับ ระยอง ,การท่าเรือ กับ นายพิเชฐ มั่นคง สุดท้ายก็เป็นเจ้าของเดิม หรือ สโมสรสมาชิกของสมาคมฟุตบอลฯ ที่ได้สิทธิ์ในการทำทีมจากสมาคมฟุตบอลฯไป แล้วเมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้นกับบุรีรัมย์ และการไฟฟ้า จริงๆ แล้ว สิทธิ์การทำทีมควรจะเป็นของใคร
โดยในเรื่องนี้ ด้าน ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานไทยพรีเมียร์ลีกก็ยังไม่กล้าพูดอย่างเต็มปากว่าบุรีรัมย์ จะได้ไปเตะเอเอฟซี เพราะกลัวจะเกิดปัญหาอย่างที่กล่าวไป แต่ผิดกับทางสมาคมฟุตบอลฯ โดย "บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการฯ ที่ออกมาพูดเต็มปากว่าสิทธิ์ไปเตะเอเอฟซีเป็นของบุรีรัมย์ และทีมของนายเนวิน ชิดชอบ แต่รายละเอียดต่างๆ "มิสเตอร์โอเค" ก็ยังไม่สามารถให้คำตอบกับผู้สื่อข่าวได้ถึงที่มาที่ไปในสิทธิ์ดังกล่าวอย่างชัดเจน
อีกทั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีข่าวว่า สงขลา จะซื้อสิทธิ์ของ กฟภ.มาเล่นในไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลหน้า ถามว่าแล้วสงขลา ใช้สิทธิ์อะไรที่จะขึ้นมาเล่นไทยลีก ถ้าหากบอกว่าเป็นสิทธิ์ที่ กฟภ.อยู่ไทยลีกอยู่แล้ว ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ก็เท่ากับว่า กฟภ.คือแชมป์ไทยลีกฤดูกาลนี้
ดังนั้นหากสงขลาขึ้นมาเตะไทยลีก ก็ต้องเป็นทีมที่ได้ไปเล่นเอเอฟซี ด้วย และเท่ากับว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะใช้สิทธิ์เล่นไทยลีกในนามของ บุรีรัมย์ เอฟซี ที่เลื่อนชั้นขึ้นมาแล้วถามว่ามีสิทธิ์อะไรที่แชมป์ดิวิชั่น 1 จะได้ไปเตะฟุตบอลเอเชีย นี่ยังไม่รวมกับกรณีที่ว่าถ้าหากบุรีรัมย์ ไปคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ อีก 1 รายการ มันจะเกิดอะไรขึ้น
อย่างไรก็ดีทางสมาคมฟุตบอลฯ คงต้องคิดให้หนักถึงเรื่องนี้ ซึ่งเป็นปัญหาที่ยังไม่มีใครกล้าออกมาชี้แจงถึงความชัดเจนให้ทุกคนได้ทราบว่าแท้จริงแล้วมันเป็นอย่างไรกันแน่ถึงสิทธิ์การไปเตะฟุตบอลเอเอฟซี ชปล.ฤดูกาลหน้า
แต่ถึงกระนั้นสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดอาจจะมีการหักมุมกันกลางอากาศอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดก็เป็นได้ สิ่งที่เหมือนจะแน่นอนอาจจะไม่แน่นอน สิ่งที่ควรจะเป็นตามที่เป็นข่าวอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้
แต่แฟนบอลก็คงไม่ต้องรอนานถึงความชัดเจนดังกล่าวเนื่องจากในวันพรุ่งนี้ (9 ม.ค.55) ทางสโมสรบุรีรัมย์ จะเปิดโต๊ะแถลงข่าวถึงเรื่องสิทธิ์การทำทีม และสิทธิ์การไปเตะเอเอฟซี
รวมถึงทิศทางในฤดูกาลหน้าของสโมสรให้กับสื่อมวลชนได้รับทราบ ที่โรงแรมสยาม ซิตี้ เวลา 11.00 น.
ซึ่งเราก็คงจะได้รู้กันเสียทีว่าบทสรุปของมหากาพย์นี้จะลงเอยอย่างไร
ทีมงานไทยลีกออนไลน์
ติดตามข่าวกีฬารอบโลกได้ที่นี่ http://sport.sanook.com/