กิเลนอกหักซ้ำสอง ปราสาทสายฟ้างาบ FA คัพ

ศึกซูปเปอร์บิ๊กแมตช์ ฟุตบอลมูลนิธิไทยคมเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ เจ้าของแชมป์ไทยลีก ซีซั่นล่าสุด กับ "กิเลนผยอง" เมืองทอง ยูไนเต็ด อดีตแชมป์ไทยลีก 2 สมัย และ รองแชมป์เก่ารายการนี้เมื่อปีก่อน  โดยเกมนี้ดวลกันที่สนามศุภชลาศัย เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา ก่อนเกม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย "บิ๊กโต้ง" นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานเปิดการแข่งขันในเกมนี้ด้วย โดยเกมนี้ มีแฟนบอลให้ความสนใจเข้ามาชมเกือบเต็มความจุของสนาม ซึ่งทั้ง 2 ทีม ต่างจัดทัพที่ดีสุดของตัวเองลงสนาม สถิติก่อนหน้านี้พบกันมา 4 ครั้ง ในฟุตบอลลีก เสมอ 3 นัด บุรีรัมย์ ชนะ 1 นัด รูปเกมในช่วงต้นครึ่งแรกค่อนข้างอึดอัด ยังไม่มีฝ่ายใดสามารถครองเกมได้ ส่วนใหญ่จะเสียบอลกันง่าย จนเกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 23 "มุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา แข้งเมืองทอง ได้โอกาสยิงเหน่งๆ จากจังหวะที่ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ หลุดกับดักล้ำหน้า ก่อนปาดเข้าเขตโทษ แต่ "เจ้ามุ้ย" วิ่งเข้ามาชาร์จออกไปอย่างเหลือเชื่อ 3 นาทีถัดมา บุรีรัมย์ ตอบโต้ทันควัน แฟร้งค์ โอแฮนด์ซ่า ดาวยิงแคเมอรูน เก็บบอลจากลูกโยนของเพื่อน ก่อนใช้ความเร็วกระชากหนี กองหลัง กิเลน เข้าไปซัด แต่บอลสกิดปลายมือ กวิน ธรรมสัจจานันธ์ จึงพุ่งไปชนเสาเด้งออกมา ยักษ์อีสานพลาดขึ้นนำ หลังจากนั้นก็มีจังหวะหวาดเสียวอยู่บ้าง แต่ยังไม่ใครสามารถเจาะตาข่ายกันได้ จบครึ่งแรก เจ๊า 0-0 เข้าสู่ครึ่งหลัง ทั้งสองฝ่ายเปิดเกมแลกกันมากขึ้น แต่โมเมนตัม มาเป็นทางฝั่ง ทีมจากแดนอีสาน มากกว่า มีโอกาสยิงหลายครั้ง แต่ติดมือของ กวิน แทบหมด ส่วนกิเลน ดูจะตื้อๆ ไป เนื่องจากกองกลางถูกบีบให้เล่นเกมเร็ว จังหวะเข้าทำจึงไม่ค่อยมีให้เห็น แต่กระนั้น ผลสุดท้ายลงเอยด้วยการเสมอกันใน 90 นาที 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที เกมช่วงต่อเวลา แข้งเมืองทอง ดูจะอ่อนล้า มาจากเกมที่แล้ว ที่ต้องเล่นถึงดวลจุดโทษ ทำให้โหมบุกไม่ขึ้น และ มาถึงนาทีที่ 108 แฟนบุรีรัมย์ กว่าหมื่นชีวิต ได้เฮกันลั่นเมื่อ แฟร้งค์ อาเชียมปง ปีกจรวด กระชากตัดเข้าใน ก่อนซัดด้วยซ้าย บอลพุ่งเสยคานเข้าไปอย่างสวยงาม ปราสาทสายฟ้า ขึ้นนำ 1-0  อีก 12 นาที ที่เหลือเมืองทอง พยายามเทหน้าตักบุกหวัง ทวงประตูคืน แต่ไม่สำเร็จ จบ 120 นาที บุรีรัมย์ สยบ เมืองทอง 1-0 คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ เป็นสมัยแรก รวมถึงเป็นแชมป์รายการที่ 2 ในปีนี้ พร้อมรับเงินรางวัล 3 ล้านบาท ส่วนรองแชมป์ 2 สมัย เมืองทอง ยูไนเต็ด รับเงินไปปลอบใจ 5 แสนบาท