เมื่อสิงโตคำรามได้ใจ จากทีมคนละเกรด
ชัยชนะเหนือวิสกี้ “ทีมชาติสก็อตแลนด์” 3-0 ของขุนพลสิงโตคำราม “ทีมชาติอังกฤษ” น่าจะทำให้มุมมองของแฟนบอลที่มีต่อกุนซือขัดตาทัพอย่าง “แกเร็ธ เซาธ์เกต” ดีขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ 2 นัดในเดือนตุลาคมที่รับหน้าที่ขัดตาทัพ ทำได้แค่ชนะสมันน้อยอย่าง “ทีมชาติมอลตา” แค่ 2-0 และยังเสมอกับ “ทีมชาติสโลวีเนีย” แบบโนสกอร์อีกต่างหาก
แต่เกมล่าสุดต้องยอมรับว่ามีความสำคัญและแฟนบอลเลือดผู้ดีให้ความสำคัญมากว่านัดอื่นๆเพราะเป็นศึกสายเลือดระหว่าง “อังกฤษ” กับ “สก็อตแลนด์” ซึ่งฝ่ายหลังเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักรมาหลายร้อยปีแล้วตามประวัติศาตร์ โดยถามคนสก็อตแลนด์เค้าก็จะบอกว่าเป็น “สก็อต” มีวัฒนธรรม ภาษาของตัวเอง (คล้ายภาษาอังกฤษ) และไม่ใช่ชาวอังกฤษเด็ดขาด แม้ในปัจจุบันจะถือว่าเป็นประเทศเดียวกัน
3 ประตูจาก “ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์” “อดัม ลัลลาน่า” และ “แกรี่ เคฮิลล์” ถ้าดูแค่ผลการแข่งขันก็น่าจะมีความสุข สามารถเก็บ 3 แต้มสำคัญ เป็นอันดับ 1 ของกลุ่มเอฟในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนยุโรป รอบแบ่งกลุ่ม ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเสียงสนันสนุนให้กุนซือหนุ่มขัดตาทัพอย่าง “เซาธ์เกต” ทำงานถาวรไปเลย โดยเฉพาะเสียงของเฮียหมูอย่าง “เวนย์ รูนีย์”ที่หวังอย่างนั้น อาจจะเพราะได้เป็นตัวจริงควบกับตันทีม
ถ้าดูจากเหตุผลของเฮียหมู ว่านักเตะภายในทีมสบายๆกับการทำงานร่วมกับกุนซือคนนี้ อาจจะวิเคราะห์ได้ว่าเจ้าตัวยังไม่อาจหาญกล้าออกคำสั่งอะไรที่เด็ดขาดหรือรุนแรง เพราะยังเกรงใจนักเตะหลายๆคนด้วยพรรษาประสบการณ์ในการคุมทีมที่ผ่านมายังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักเท่าไหร่ในแง่ความสำเร็จ
ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดในการปกครองคนสำหรับผู้ที่เพิ่งเข้ามาเป็นหัวหน้า หรือหัวหน้าที่วัยวุฒิไม่ต่างจากลูกน้อง ขั้นแรกก็คือต้อง “ซื้อใจ” ลูกทีมให้ทีม ถ้าสมมุติว่าเจ้าตัวไปออกคำสั่งหรือระเบียบอะไรรุนแรงก็อาจจะทำให้โอกาสลึกๆที่เชื่อว่าคนที่เป็นโค้ชทุกคนอยากเป็นอย่างโค้ชทีมชาติของตัวเอง จะหลุดลอยได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ตามในเรื่องของแท็กติคและระบบทีมที่เห็นในเกมล่าสุดก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเจ้าตัว “เหมาะสม” กับนายใหญ่ของทัพทรีไลอ้อนหรือไม่ เพราะยังเป็นรูปแบบที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนจากกุนซือคนก่อนๆ แถมนักเตะภายในทีมก็รู้ว่าต้องเล่นแบบนี้จากการเล่นมาในสโมสรหรือกุนซือคนก่อนๆ
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าไปดูสถิติหลังเกม ใช่!!! ขุนพลสิงโตคำรามอาจจะครองบอลได้มากกว่า 63 ต่อ 37แต่ก็ไม่ได้มากเกินไปหรือเหนือกว่าสำหรับการเล่นเป็นเจ้าบ้านในสนามเวมบลีย์ของตัวเอง และเกมนี้สถิติการยิงประตูกลับเป็นทีมเยือนของ “กอร์ดอน สตรัคครั่น” ที่มีมากกว่า 11 ครั้ง (เข้ากรอบให้ “โจ ฮาร์ท” เซฟ2 ครั้ง) ต่อ 7 ครั้ง (เข้ากรอบ 3 ครั้ง)
จากตรงนี้เห็นได้ว่าทำไมในสนาม “สตรัคครั่น” ถึงหัวเสียเพราะยิงกันไม่เข้า ทั้งๆที่โอกาสก็มากกว่า มาเล่นตามแท็คติคอาจจะไม่ได้ครองบอลมากกว่าแต่ก็สามารถหาโอกาสได้เรื่อยซึ่งบรรดานักเตะทีมแดนขี้เมายิงกันไม่ได้เอง บวกกับแนวรับของทีมที่อ่อนหัดกันเองจึงเสียประตู อย่างเซนเตอร์ก็ระดับทีมหนีตายหรือลีกวัน “คริสโตเฟอร์ เบอร์ร่า” กับ “แกรน์ ฮานลีย์” คนนึงเคยเล่นให้ “วูลฟ์แฮมตัน” อีกคนอยู่กับ “แบล็กเบิร์น โรเวอร์”
สุดท้ายชัยชนะนัดนี้อาจจะทำให้ “ทีมชาติอังกฤษ” ได้ใจ แต่อยากจะบอกว่าตื่นเถอะเพราะถ้าเปรียบเทียบกับทีมสโมสรก็ชนะทีมในระดับลีก แชมเปี้ยนชิพเท่านั้นเอง ขอให้รอเกมอุ่นเครื่องอีก 2 นัดข้างหน้าในการเจอกับ “ทีมชาติสเปน” และ “ทีมชาติเยอรมัน” ก่อน ค่อยมาว่ากันว่า อวยกันเองจนได้ใจอยู่หรือเปล่า
โดย แบงค์ พิพัช