คืนแห่งโศกนาฏกรรมลูกหนัง
โศกเศร้า, สุดสลด หรือ ช้ำใจ ...เป็นความรู้สึกที่แสนจุกอกและไม่รู้จะสาธยายวินาทีนี้ว่าอย่างไรทราบเพียงอย่างเดียวครับว่า นี่คือค่ำคืนที่เข้าขั้น "โศกนาฏกรรมลูกหนัง" แห่งปี
คืนดึกวันจันทร์ที่่ผ่านมา (ราว 22.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น) นักฟุตบอลของทีม ชาเปโคเอนเซ่ ทีมดังในลีกบราซิลมีคิวบินลัดฟ้าจากโบลิเวียเพื่อนบินสู่เมืองเมเดลลินของโคลอมเบียในการทำศึก โคปา ซูดาเมริกาน่า นัดชิงชนะเลิศกับ แอตเลติโก้ นาซิอองนาล
สำหรับรายการ ' โคปา ซูดาเมริกาน่า' แล้วเปรียบเทียบง่ายๆศักดินาของบอลถ้วยจากอเมริกาใต้นี้ก็ไม่ต่างกับเกม 'ยูโรป้า ลีก' แห่งบอลยุโรป นี่คือความฝันของเหล่าทีมเล็กๆที่จะได้ลืมตาอ้าปาก และแน่นอนครับ... 'ชาเปโคเอนเซ่' ก็คือหนึ่งในทีมเหล่านั้น
จากสโมสรระดับดิวิชั่น4 ทีมเล็กจากรัฐ 'ซานตา คาตาริน่า' ยกระดับสโมสรขึ้นมาเรื่อยๆ พวกเขาเลื่อนสู่ดิวิชั่น 3 เมื่อปี 2010 ก่อนจะก้าวสู่ลีกรองเมื่อฤดูกาล 2013 กระทั่งก้าวสู่ลีกสูงสุดของบราซิลได้สำเร็จในปี 2014
นี่คือน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ที่สุดร้อนแรง ความสำเร็จในครั้งนี้คือประวัติศาสตร์ เพราะ นั่นคือการกลับมาลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกในรอบ 34 ปี
ทว่าคนมันจะพวยพุ่งเอาอะไรมาฉุดก็หยุดไม่อยู่ การก้าวสู่ลีกสูงสุดเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นสู่ความสำเร็จของ 'ชาเปโคเอนเซ่' ในซีซั่นนี้พวกเขารั้งอันดับ 9 โดยที่ตอนนี้ไม่แพ้ใครมา 8 เกมติดต่อกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่ทำให้สาวกของทีมนั้นต้องพบกับซีซั่นแห่งความทรงจำ...
นั่นก็คือการเข้าชิง "โคปา ซูดาเมริคาน่า' ครั้งแรกของสโมสรตั้งแต่ถูกก่อตั้งมา!
จากความสำเร็จที่กล่าวไปย่อมไม่แปลกครับที่เกมกับ 'แอตเลติโก้ นาซิอองนาล' จะเป็นถือเป็นบิ๊กแมตช์ที่แฟนบอลทั่วทั้งเมืองต่างเฝ้ารอคอย วันที่ 1 ธันวาคมนี้กำลังจะเป็นวันที่พวกเขาได้ลืมตาอ้าปากพร้อมกับประกาศศักดิ์ดาสร้างปฐมบทใหม่ให้กับสโมสร
แต่ยังไม่ทันจะได้เริ่ม นกกระจอกยังไม่ทันกินน้ำ แล้วใครเล่าจะคาดคิด...
ว่าพวกเขาทั้งหมดจะไม่มีวันได้สัมผัสโมเมนต์นั้น "ไปตลอดกาล"
ในขณะที่เหล่านักเตะพลพรรค "ชาเปโคเอนเซ่" กำลังเคลื่อนทัพใกล้ถึงเมือง เมเดลลิน, ประเทศโคลอมเบีย และมีคิวลงจอดที่สนามบินเมืองดังกล่าว จู่ๆสัญญาณของเครื่องกลับขาดหาย
ตอนแรกนั้น The Mirror รายงานว่าสาเหตุเป็นเพราะเชื้อเพลิงของเครื่องไม่เพียงพอซึ่งทำให้มีแฟนบอลเข้าไปถล่มการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กันยกใหญ่ ทว่าภายหลังมีรายงานเพิ่มเติมเข้ามาว่าเป็นเรื่องของสภาพอากาศที่ทำให้การติดต่อสื่อสารนั้นขาดหายไป
ในตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างสืบสวน และ หาต้นตอของสาเหตุ ทว่าที่แน่ๆในตอนนี้มีรายงานออกมาเรียบร้อยครับว่า จาก 81 คนทั้งหมดบนเครื่องบินลำดังกล่าวอาจมีผู้ที่รอดชีวิตอยู่เพียง 5 ราย (จากข่าวที่ออกมาขณะขีดเขียน ณ ตอนนี้)
หนึ่งในนั้นได้แก่ "มาร์กอส ดานิโล่" และ "แจ็คสัน โฟลมันน์" สองนายทวารของทีมรวมถึง "อลัน รุสเชล" อีกหนึ่งนักเตะ
ซึ่งตอนนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถที่จะเข้าค้นหาได้บางจุดเนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย และ ตัวเลขนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันแน่นอน..
ทว่าไม่ว่าจะบาดเจ็บกี่คนก็แล้วแต่..
นี่คือโศกนาฏกรรมที่เข้าขั้น "เลวร้ายที่สุด" แห่งหนึ่งของวงการฟุตบอล
ตลอด 7 ปีที่ผ่านมาทีมเล็กๆจากแคว้นชาเปโซ่ฝ่าฟันกับมรสุมมาตลอดเส้นทางการแข่งขัน จากดิวิชั่นสี่สู่สาม, จากดิวิชั่นสามเขยิบไปสองก่อนจะพุ่งกระโจนสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ
ในวันนี้วันที่ใกล้เส้นชัยแห่งฝั่งฝัน อีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นพวกเขาก็มีโอกาสสร้างประวัติศาสตร์ที่รอคอยกว่า 43 ปีได้สำเร็จ
แต่แล้วใครเล่าคิดจะคาดคิด...พวกเขาออกเดินทางตามล่าฝันด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง ทว่าภาพสุดสำราญ และ สรวลเฮฮาก่อนออกเดินทางที่ถ่ายบนเครื่องของเหล่าทัพ "ชาเปโคเอนเซ่"
จะกลายเป็นหนึ่งในช็อตประวัติศาสตร์ที่้เป็นการไปแล้วไปลับไม่หวนกลับคืนมาอย่างตลอดกาล...
#PrayforChapecoense ชีวิตนี้มันสั้น...รีบทำดีเยอะๆครับ
บางทีวันนี้อาจเป็น 'วันสุดท้าย' ของชีวิตเรา