โหมโรง! ไทย vs เมียนมา "ช้างศึก" ไม่มีคำว่าแพ้
ภารกิจพิชิตแชมป์ “อาเซียน” อีกสมัยของ ทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทัพของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เหลืออีกแค่ 4 ก้าวเท่านั้น โดยก้าวต่อไปมี “เมียนมา” เป็นขวากหนามขวางทางอยู่ ซึ่ง “ช้างศึก” ต้องไปเยือนก่อนในรอบตัดเชือกนัดแรก
ย้อนกลับไปในการเจอกันระหว่าง ไทย กับ เมียนมา หรือ พม่า ในอดีตนั้นถือว่าสูสี เคยเจอกันทั้งหมด 45 ครั้ง ปรากฏว่า ไทย ชนะ 17 ครั้ง เสมอ 14 ครั้ง และ เมียนมา ชนะ 14 ครั้ง ไทย ยิงได้ 80 ลูก และเสียไป 61 ลูก
อย่างไรก็ตาม ครั้งสุดท้ายที่ ไทย พ่ายให้กับ เมียนมา นั้น ต้องย้อนกลับไปในวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ.1979 หรือ พ.ศ.2522 นั่นคือ 37 ปีก่อน ในเกมกระชับมิตรที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งครั้งนั้น ไทย แพ้ไป 0-2
ส่วนการเจอกันในศึกชิงแชมป์อาเซียน ตั้งแต่ชื่อเดิมอย่าง “ไทเกอร์ คัพ” มาจนถึง “ซูซูกิ คัพ” พบกันมาทั้งหมด 6 ครั้ง ปรากฏว่าทัพ “ช้างศึก” ไม่เคยพลาดท่าแม้แต่ครั้งเดียว โดยชนะ 3 เสมอ 3 ยิงได้ 12 เสียแค่ 4 ประตู
วันนี้ จึงอยากจะพาแฟนบอลไทยไปย้อนอดีตกันอีกสักครั้ง
เริ่มกันที่ศึก “ไทเกอร์ คัพ 1998” ทัวร์นาเมนต์ที่คนไทยไม่อยากจดจำกับแมตช์อัปยศนัดสุดท้ายของรอบแรกที่ ทีมชาติไทย ยุคนั้นมี “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล คุมทัพ เจอกับ อินโดนีเซีย แล้วแย่งกันแพ้เพื่อเลี่ยงเจอเจ้าภาพ เวียดนาม ในรอบตัดเชือก ก่อนที่ ไทย จะจบอันดับที่ 4 แต่ในนัดประเดิมสนาม เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ไทย เจอกับ พม่า และจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 โดย วรวุฒิ ศรีมะฆะ ยิงให้ไทยนำในนาทีที่ 15 ก่อนถูกตีเสมอในนาทีที่ 65 ซึ่งทีมชาติไทยชุดนั้นมี ใกล้รุ่ง ตรีจักรสังข์ สตาฟฟ์โค้ชทีมชาติไทยชุดนี้ ร่วมอยู่ด้วย
จากนั้นในศึก “ไทเกอร์ คัพ 2000” ที่จังหวัดเชียงใหม่ ทีมชาติไทย โคจรมาเจอกับ เมียน อีกครั้งในเกมนัดเปิดสนาม เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ซึ่งครั้งนั้น ทีมชาติไทย ถล่มไป 3-1 โดยได้จาก เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง นาทีที่ 4, เสกสรรค์ ปิตุรัตน์ นาทีที่ 47 และ สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ นาทีที่ 74 ขณะที่ เมียนมา ตีไข่แตกนาทีที่ 62 ก่อนที่ ทีมชาติไทย จะคว้าชัย 3 เกมรวด เข้ารอบรองชนะเลิศไปชนะ มาเลเซีย 2-0 และชนะ อินโดนีเซีย 4-1 ในนัดชิงชนะเลิศ ส่งผลให้ “ช้างศึก” คว้าแชมป์มาครอง พร้อมทั้ง วรวุฒิ ศรีมะฆะ คว้าดาวซัลโว 5 ประตู ส่วน “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ซิวรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์
ต่อเนื่องในศึก “ไทเกอร์คัพ 2004” ทีมชาติไทย ประเดิมสนามพบกับ เมียนมา อีกครั้งในรอบแรกของกลุ่มบี ที่มาเลเซีย เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ซึ่งเสมอกันไป 1-1 โดย ไทย ได้ประตูนำจาก เทิดศักดิ์ ใจมั่น นาทีที่ 14 ก่อนจะถูก เมียนมา ตีเสมอนาที 89 ซึ่งในครั้งนี้ ทีมชาติไทย จบรอบแรกด้วยผลงานชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 1 รั้งที่ 3 ของกลุ่ม ตกรอบไปอย่างพลิกล็อก ส่วน เมียนมา คว้าแชมป์กลุ่ม แต่ก็ไปตกรอบรองชนะเลิศ โดยแพ้ให้กับ สิงคโปร์ ซึ่งเป็นแชมป์ในครั้งนั้น
ถัดมาในปี 2007 ศึกอาเซียนเปลี่ยนมาใช้ชื่อ “เอเอฟซี แชมเปี้ยนชิพ” โดยไม่มีสปอนเซอร์ ซึ่ง ทีมชาติไทย ในฐานะเจ้าภาพร่วมกับ สิงคโปร์ ในรอบแรก ประเดิมสนามพบกับ เมียนมา อีกครั้งเมื่อวันที่ 12 ม.ค. ที่สนามศุภชลาศัย และจบลงด้วยผลเสมอกันไป 1-1 โดย เมียนมา นำก่อนจาก ซิ ธู วิน นาทีที่ 25 และเกือบจะเก็บชัยชะนได้สำเร็จ แต่ ไทย มาตีเสมอในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 4 จาก สุเชาวน์ นุชนุ่ม ก่อนเดินหน้าผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ ทว่าต้องเสียท่าให้กับ สิงคโปร์ สกอร์รวมสองนัด 2-3 ได้แค่รองแชมป์
จากนั้นในปี 2012 ศึกเอเอฟเอฟ ได้เปลี่ยนชื่อตามสปอนเซอร์ใหม่ “ซูซูกิ คัพ” ซึ่ง ทีมชาติไทย เป็นเจ้าภาพร่วมกับ มาเลเซีย ในรอบแรก และเจอกับ เมียนมา ในนัดที่สอง เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยครั้งนั้น “ช้างศึก” ถล่มไปขาดลอย 4-0 จาก ธีรศิลป์ แดงดา กระหน่ำแฮตทริก นาทีที่ 20, 82 และ 89 บวกกับ อภิภู สุนทรพนาเวศ นาที 59 ซึ่งครั้งนั้น “มุ้ย” คว้ารางวัลดาวซัลโว 5 ประตู แต่สุดท้าย ทีมชาติไทย ได้แค่รองแชมป์อีกครั้ง หลังแพ้คู่ปรับเก่า สิงคโปร์ ด้วยสกอร์รวมสองนัด 2-3 เท่าเดิม
ครั้งสุดท้ายเมื่อ 2 ปีก่อนในศึก “ซูซูกิ คัพ 2014” ทัวร์นาเมนต์ประวัติศาสตร์ของทีมชาติไทยที่รอคอยแชมป์มา 12 ปี โดยรอบแรก กลุ่มบี ที่สิงคโปร์ ในนัดสุดท้าย ทีมชาติไทย เจอกับ เมียนมา ผลปรากฏว่า “ช้างศึก” เอาชนะไป 2-0 จาก ธนบูรณ์ เกษารัตน์ นาทีที่ 12 และ ประกิต ดีพร้อม นาทีที่ 84 ก่อนที่ ทีมชาติไทย จะคว้าชัย 3 เกมรวด เข้ารอบรองชนะเลิศไปเอาชนะ ฟิลิปปินส์ ด้วยสกอร์รวมสองนัด 3-0 ก่อนจะผงาดคว้าแชมป์ด้วยการเอาชนะ มาเลเซีย ด้วยสกอร์รวมสองนัด 4-3 โดย “เมสซี่เจ” ซิวรางวัลนักเตะยอดเยี่ยม ส่วน ชาริล ชัปปุยส์ คว้ารองดาวซัลโวหลังยิงไป 4 ประตู
ส่วนครั้งที่ 7 ในการเจอกันระหว่าง ทีมชาติไทย กับ เมียนมา ผลจะลงเอยเช่นไร? “ช้างศึก” จะยังรักษาสถิติไม่แพ้นักเตะ “สกุลหม่อง” ในรายการนี้ต่อไปได้หรือไม่? หรือ สถิติจะถูกทำลาย? ต้องติดตาม