อาร์มี่-ท่าเรือ-วัวชน ไม่ขอร่วมภาคีสโมสรไทยพรีเมียร์ลีก
เสธ.ชาย พล.ต.อดลุยเดช อินทพงษ์ ผู้จัดการทีมอาร์มี่ ยูไนเต็ด นายปฐพล จันทเพ็ชร์ ผจก.ทั่วไปการท่าเรือไทย เอฟซี และนายนิพนธ์ บุญญามณี ประธานสโมสรวัวชน ยูไนเต็ด ออกมาประกาศไม่มีความคิดร่วมภาคีสโมสรไทยพรีเมียร์ลีก การลงนามครั้งที่แล้วเป็นความเข้าใจผิด ลั่นจะไม่ขอร่วมทำให้ฟุตบอลไทยเกิดความแตกแยก
หลังจากที่มีสโมสรในไทยพรีเมียร์ลีกส่วนหนึ่ง เซ็นหนังสือร่วมกัน เพื่อตั้งเป็นภาคีสโมสรไทยพรีเมียร์ลีก เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ก็มีผู้บริหารหลายสโมสร เกิดความสงสัย และไม่ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ล่าสุด “เสธ.ชาย” พล.ต.อดลุยเดช อินทพงษ์ ผู้จัดการทีมอาร์มี่ ยูไนเต็ด เปิดเผยว่า ทีมอาร์มี่ได้รับหนังสือเชิญให้ไปร่วมงานจริง แต่คิดว่าเป็นการพบปะหารือกันตามธรรมดาจึงมอบหมายให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสโมสรได้เดินทางไปร่วมงานแทน ซึ่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ คงรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไปเซ็นหนังสือเหมือนกับว่ามาร่วมประชุมปกติ ไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อย่างนี้ และขอบอกว่าต่อไปนี้ หากจะเชิญไปประชุมในลักษณะสร้างความแตกแยก อย่าส่งหนังสือมาที่สโมสรอาร์มี่เด็ดขาด
“เสธ.ชาย” กล่าวอีกว่า ทีมอาร์มี่จะไม่ไปอยู่กับกลุ่มไหน แต่มีเจตนารมณ์อย่างเดียว คือ ส่งทีมแข่งขันในนามของสมาคมฟุตบอลฯ เท่านั้น เพราะสโมสรอาร์มี่เป็นสมาชิกของสมาคมฟุตบอลฯ เรามีจุดยืนของตัวเอง มีแนวคิดของตัวเองที่ไม่ต้องไปฟัง ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด การเซ็นหนังสืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับอาร์มี่ คนที่มีอำนาจเซ็นคือ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นประธานสโมสร และตนเองที่เป็นผู้จัดการทีมเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์
ด้าน นายปฐพล จันทเพ็ชร์ สโมสร “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือไทย เอฟซี ที่ร่วมลงนามก่อนหน้านี้ เผยว่า การท่าเรือไม่มีมีนโยบายที่จะแยกตัวกับสมาคมฟุตบอลฯ เพียงแต่ที่ผ่านมาเมื่อมีการหนังสือเชิญให้ 18 ทีมไปร่วมเสวนาเราก็ไป แต่ไม่ได้มีนโยบายที่จะต้องตรวจสอบสมาคมฯ เนื่องจากเราก็อยู่ภายใต้สโมสรสมาชิก ปัญหานี้เราไม่เกี่ยว เพราะความจริงท่าเรือเองก็มีปัญหาในมากมายที่จะต้องแก้ไข การจะไปตรวจสอบใครไม่ใช่เรื่องของเรา
ขณะที่ นายนิพนธ์ บุญญามณี ประธานสโมสรวัวชน ยูไนเต็ด กล่าวว่า ในการประชุมหนล่าสุด ตนไปสาย เมื่อไปถึงเขาให้เอกสารมาเซ็นก็เซ็น ไม่ได้คิดอะไรก็นึกว่าเป็นการเซ็นเข้าร่วมประชุมเฉยๆ แต่มาทราบว่าเป็นแบบนี้ก็เสียใจเพราะตนไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นจริงๆ ลึกๆแล้วอยากให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไปจะดีกว่าเพราะทุกวันนี้ไทยลีกกำลังไปได้ดีมีแฟนๆตอบรับจำนวนมาก ทุกฝ่ายจึงน่าจะช่วยกันดีกว่า