พลัดถิ่นแฉกลับวุฒิชัยแจกกล้วยอีกรายปัดไม่เกี่ยวแฟนวิ่งลงสนาม

ชนิด วงศ์ฮาม ประธานแฟนคลับกลุ่มกูปรีพลัดถิ่น ออกโรงแฉวุฒิชัย ทาทอง กองหน้ากัปตันทีมของอีสาน ยูไนเต็ด แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมใส่พวกเขาโดยการชูนิ้วกลาง ระหว่างเกมการแข่งขันที่ พัทยา ยูไนเต็ด เสมอกับ อีสาน ยูไนเต็ด 2-2 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนจะมีเหตุการณ์ความวุ่นวายตามมาภายหลัง

บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด เพิ่งสั่งให้มีการลงโทษปรับพัทยา ยูไนเต็ด 20,000 บาท กรณีที่แฟนบอลไปปิดล้อมนักเตะอีสานไม่ให้ออกจากสนามเนื่องจากไม่พอใจที่ สมพร ธัญญเจริญ ไปชูนิ้วกลางให้ส่วนแข้งรายดังกล่าวก็โดนปรับไป 10,000 บาทอย่างไรก็ตามผู้นำกลุ่มกองแช่งยังยืนยันว่า วุฒิชัย ก็แสดงกิริยาแบบเดียวกับ สมพร ใส่พวกเขาเช่นกันแต่ฝ่ายจัดการแข่งขันไม่ได้มีการสอบสวน

“เรายอมรับว่าวันนั้นสมาชิกหลายคนอารมณ์รุนแรงมากหลังจากที่ วุฒิชัย ชูนิ้วกลางมาทางฝั่งของเราตั้งแต่เกมในครึ่งเวลาแรก และแสดงออกถึงการยั่วยุอีกครั้ง ระหว่างนั้นเราก็ตะโกนโห่ใส่เขาหนักมากขึ้นเรื่อยๆกระทั่งจบเกม วุฒิชัย เดินมาเตะบอลอัดตาข่ายที่อยู่ฝั่งเดียวกับเรา อาจจะเพราะสะใจที่พัทยายิงจุดโทษไม่เข้า”

ชนิด เผยว่า “เราต้องการให้ไทยพรีเมียร์ลีกนำเรื่องนี้มาสอบสวนเหมือนที่ สมพร โดนลงโทษ นักฟุตบอลหลายคนกับพวกเรายังมีความรู้สึกดีๆให้กัน อย่างหลังจบเกมนักเตะก็เข้ามากอดพูดคุยกับเรา แต่กับวุฒิชัยไม่ได้เป็นแบบนั้น รวมไปถึงก่อนเกมก็ปฏิเสธที่จะจับมือกับกลุ่มของเราด้วย”

นอกจากนี้ประธานกูปรีพลัดถิ่น ยังปฏิเสธว่าแฟนบอลที่ถอดเสื้อวิ่งลงไปในสนามหนองปรือฝั่งม้านั่งของทีมอีสาน ยูไนเต็ด ก่อนจะโดนการ์ดและสต๊าฟฟ์ทีมอีสานสกัดเอาไว้นั้นไม่ใช่กลุ่มของพวกเขาแน่นอน “ที่ผ่านมาเราเคยทำแบบนี้เพียงครั้งเดียวที่ราชมังคลาฯและไม่คิดว่าจะทำอีก ครั้งนั้นเรายอมรับผิดและแสดงออกอย่างชัดเจนกับบีบีซียูแต่ครั้งนี้เราไม่เกี่ยวข้อง ทุกคนตรวจสอบแล้วว่าคนที่วิ่งลงไปไม่ใช่สมาชิกของกลุ่มอย่างที่ถูกกล่าวหา และเรายังสงสัยอีกหนึ่งข้อคือสต๊าฟฟ์ของอีสานมีสิทธิ์อะไรที่จะไปเตะชายคนนั้นแถมไม่มีการลงโทษจากทีพีแอลด้วย”

นอกจากนี้ชนิดยังยืนยันว่าพวกเขาจะแสดงออกถึงจุดยืนการต่อต้านอดีตทีมรักต่อไปแม้ล่าสุดไทยพรีเมียร์ลีกจะมีมติอนุญาตให้เจ้าบ้านทุกสนามที่แข่งขันกับอีสาน ยูไนเต็ด ไม่ต้องขายบัตรให้กับกลุ่มกองแช่งเพื่อป้องกันเหตุการณ์วุ่นวายก็ตาม “เราไม่มีความคิดที่จะลดหรือเลิก เราจะแสดงออกต่อไปแม้ไม่ได้เข้าไปอยู่ในสนามก็ตาม”