"บัวขาว-ป.ประมุข" เคลียร์ใจลงตัวแบ่ง60/40
มหากาพย์บัวขาว-ป.ประมุข จบสวย หลังทั้งสองฝ่ายยอมไกล่เกลี่ยกันนานกว่า 3 ชม.บทสรุปเงินรางวัลจากการชก บัวขาวจะได้รับ 60% ค่ายป.ประมุข 40 % ขณะที่รายได้อื่นๆ แบ่ง 75/25 พร้อมทั้งใช้ชื่อ ป.ประมุขต่อไปในช่วงสัญญาที่เหลืออีก 5 ปีนับจากนี้ ด้าน "บัวขาว" ขอขมา "ชาติซ้าย" และ "กำนันแก๊" เผย รู้สึกโล่งใจ ยืนยันยังให้ความเคารพกำนันแก๊
เมื่อ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมชั้น 7 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย นายสกล วรรณพงษ์ รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาอาชีพ และ สิทธิประโยชน์ พร้อมด้วยนายสมชาติ เจริญวัชรวิทย์ นายกสมาคมมวยอาชีพ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาวินัยและจรรยาบรรณ บุคคลวงการมวย ร่วมกันหารือถึงคำร้องการขอย้ายค่ายของ สมบัติ บัญชาเมฆ หรือ "บัวขาว ป.ประมุข"
โดยการประชุมครั้งนี้มี "กำนันแก๊" ประมุข โรจนตัณฑ์ หัวหน้าคณะ และ "อุ ป.ประมุข" ธีรพัฒน์ โรจนตัณฑ์ รวมทั้ง บัวขาว ซึ่งเดินทางมาด้วยตัวเองหลังบ่ายเบี่ยงมาตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่จะร่วมประชุม บัวขาว ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับ พลตรีอินทรัตน์ ยอดบางเตย อยู่ในสีหน้ายิ้มแย้มและทักทายกับแฟนมวยที่เดินทางมาให้กำลังใจที่หน้าอาคารอย่างเป็นกันเอง
ก่อนที่จะเริ่มประชุม บัวขาว นำพวงมาลัยขอขมากับ "ชาติซ้าย" รวมทั้งขอขมาต่อ "กำนันแก๊" ด้วยตัวเอง ซึ่งระหว่างที่บัวขาวขอขมา กำนันแก๊ขอให้บัวขาวพูดเสียงดังฟังชัด พร้อมกับกล่าวว่า ตนเลี้ยงบัวขาวมา 20 ปี ดีแล้วที่บวชเรียนมาและมาคุยกันอย่างลูกผู้ชาย
อย่างไรก็ตามในที่ประชุมไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมประชุม ในช่วงที่เริ่มไกล่เกลี่ยและ ปิดห้องหารือกันกว่า 3 ชั่วโมง โดยเปิดโอกาสให้ บัวขาว ได้เจรจากับ ค่ายป.ประมุขด้วยตัวเอง แต่ในส่วนของส่วนแบ่งเป็นหน้าที่ของทนายความทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุม บัวขาว ไม่แม้แต่จะสบตากับ กำนันแก๊ และ อุ ป.ประมุขแต่อย่างใด
ภายหลังการประชุม นายสกล เปิดแถลงข่าวว่า ทางกกท.พยายามหาข้อสรุปประเด็นนี้มาตลอดเพื่อไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองฝ่ายได้ทางออกที่ลงตัว ที่สุด โดยมีพลตรีอินทรัตน์ ยอดบางเตยเป็นหัวเรือใหญ่ในการประสานงานพาตัวบัวขาวมา ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ข้อสรุปว่า
สัญญาของบัวขาวจะเป็นการทำรายละเอียดของสัญญาใหม่ โดยเงินรางวัลจากการชก บัวขาวจะได้รับ 60% ค่ายป.ประมุข 40 % ขณะที่รายได้จากสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทั้งงานโชว์ตัว, โฆษณา, งานออกรายการโทรทัศน์ และสปอนเซอร์ห้างร้านต่างๆ บัวขาวจะได้รับ 75% ค่ายป.ประมุข รับ 25 % สำหรับการรับงานทั้งสองฝ่ายจะต้องลงนามร่วมกันเท่านั้น โดยบัวขาวจะยังคงใช้ชื่อค่าย ป.ประมุข เหมือนเดิม แต่จะฝึกซ้อมด้วยตัวเอง จะมีผลบังคับใช้ในช่วงสัญญาที่เหลืออีก 5 ปีนับจากนี้
"ในส่วนของการลงโทษยึดใบอนุญาติของบัวขาว 6 เดือนก่อนหน้านี้นั้น เพื่อเป็นการไกล่เกลี่ยให้ทุกฝ่าย จะให้ทางค่าย ป.ประมุข ทำเรื่องอุทธรณ์ มายังนายเดช ใจกล้า ผู้อำนวยการสำนักงานกีฬามวย ในฐานะนายทะเบียนต่อไป ขณะเดียวกันทางค่าย ป.ประมุข จะยกฟ้องบัวขาวในทุกๆเรื่อง รวมทั้งยกฟ้องทางการกีฬาทุกคดีด้วย" นายสกลกล่าว
ขณะที่ในส่วนของกำนันแก๊ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม โดยกล่าวเพียงว่าในส่วนของคดีความอื่นๆที่เกิดขึ้นจากกรณีนี้นั้นจะขอปรึกษากับทนายต่อไป
ด้าน "บัวขาว" กล่าวว่า รู้สึกโล่งใจที่เรื่องนี้จบลงเสียที ตนเองยังคงให้ความเคารพทางกำนันแก๊โดยตลอด ซึ่งช่วงที่บวชเรียนนั้นยอมรับว่าต้องการความสงบจึงไม่เปิดเผยสถานที่ และรู้สึกดีที่ได้บวชเรียนจนอยากจะศึกษาพระธรรม
จากนี้ไปจะตั้งหน้าตั้งตาฝึกซ้อมต่อไปที่ค่ายบัญชาเมฆเป็นหลัก และอยากจะกลับไปเยี่ยมน้องๆที่ค่ายป.ประมุขบ้างหากมีโอกาส ส่วนเรื่องของการรับงานนั้นอาจจะตั้งคนกลางขึ้นมาช่วยประสานกับทางค่าย ป.ประมุขต่อไป
ภาพจาก : เฟซบุ๊ค Banchamek Gym
<< คลิปบัวขาวให้สัมภาษณ์สื่อ >>