เปาชัยนาท-เทโรเปิดซิงเครื่องจับเท็จ คปบ.ชี้โทษแบนตลอดชีพ
“บิ๊กย้อย” พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา (มค) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบรามการประพฤติมิชอบในวงการฟุตบอล (คปบ.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฯ โดยมีวาระสำคัญคือพิจารณาทีมงานผู้ตัดสินทั้ง 4 คนในเกมไทยพรีเมียร์ลีกคู่ระหว่าง “นกใหญ่พิฆาต” ชัยนาท เอฟซี พบกับ “มังกรไฟ” บีอีซี เทโรศาสน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2555
ก่อนหน้านี้ทีมงานผู้จัดสินในเกมดังกล่าวถูกลงโทษให้พักการทำหน้าที่จากคณะกรรมการแต่งตั้งและประเมินผู้ตัดสินไปแล้วโดยมานพ ปานสาคร ผู้ตัดสินที่ 1 และวราฤทธิ์ สุวรรณจิริ ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 ถูกห้ามลงตัดสินฟุตบอลตลอดทั้งฤดูกาล ส่วน สุนทร พอใจ ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 โดนลงโทษห้ามทำหน้าที่ 4 เกม อย่างไรก็ตามปัญหานี้ได้ถูกส่งต่อไปยัง คปบ. เพื่อนตรวจสอบว่ามีส่วนพัวพันกับการล็อกผลการแข่งขันหรือไม่หลัง ชัยนาท เอาชนะ บีอีซี เทโรศาสน ด้วยสกอร์ 2-1
พล.ต.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า คณะกรรมการฯ ได้เชิญผู้ตัดสินทั้ง 4 คนคือ มานพ ปานสาคร ผู้ตัดสิน, ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 สุนทร พอใจ, ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 วราฤทธิ์ สุวรรณจิระและผู้ตัดสินที่ 4 จอมทอง แวววับ เข้าห้องประชุมทีละคนเพื่อดูเทปจังหวะปัญหาลูกบอลทะลุตาข่ายหรือการเข้าสกัดที่รุนแรงเกินไปของ 2 นักเตะทีมชัยนาท อย่าง สุรเชษฐ์ งามทิพย์และณภัทร ทับเกตุแก้ว
ซึ่งทางคณะกรรมการฯ ได้บันทึกเทป, บันทึกข้อความ ที่ทั้ง 4 คนได้มีการชี้แจงกับคณะกรรมการฯ ก่อนจะนำทั้งหมดเข้าเครื่องจับเท็จต่อไปเพื่อตรวจสอบความบริสุทธิ์ ทั้งนี้ขั้นตอนการนำเข้าเครื่องจับเท็จอาจต้องใช้เวลาบ้าง ส่วนการเข้าเครื่องจับเท็จนั้น1.จะได้ข้อมูลข้อเท็จจริง, 2.จับได้ว่าเท็จ หรือ 3.วิเคราะห์ไม่ได้ ซึ่งโอกาสที่จะวิเคราะห์ไม่ได้มีเพียง 5-6 คนใน 1,000 คนเท่านั้น
ประธานคปบ.กล่าวเพิ่มว่า หลังจากนี้ไปทางคณะกรรมการฯ เร่งผลักดันพระราชบัญญัติกีฬาอาชีพ ของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วเพราะจะมีบทลงโทษทางกฎหมายอาญา อย่างไรก็ตามหากมีการตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ตัดสินทั้งหมดมีความผิดจริงก็จะมีโทษทางวินัยคือมีสิทธิ์แบนตลอดชีวิต หรือลดหลั่นกันไปคือแบน 10 ปี, 5 ปี, 3 ปี ปรับสูงสุด 5 แสนบาท
<< เหตุการณ์ในแมตซ์ดังกล่าว >>