เมื่อ "ไก่" เปลี่ยนไป...
แม้จะไม่ใช่สาวก "เดอะ กันเนอร์ส" พันธุ์แท้ ที่เป็นแฟนบอลต้นตำรับจากเมืองผู้ดีที่รู้ไส้รู้พุงถึงความเกลียดชังต่อคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ แบบเข้ากระดูกดำ
ทว่าตลอดเวลาที่ตามเชียร์ทีมรัก พูดตรงๆเรื่องแบบนี้มันก็ค่อยๆซึมซับเข้าสู่ความรู้สึก ได้อ่านมากๆ ได้เสพเยอะๆ จนอารมณ์คล้อยตามถึงขนาด "แพ้ใคร แพ้ได้ แต่ต้องไม่แพ้ สเปอร์ส"
แม้ที่ผ่านมาตั้งแต่ อาร์แซน เวนเกอร์ เข้ามาคุมทีม อาร์เซนอล จะไม่เคยทำอันดับต่ำกว่าเลย ทว่าในช่วง 2-3 ฤดูกาลหลังสุด ก็ต้องบอกว่ามี "หวาดเสียว" ก็ไม่น้อย โดยเฉพาะซีซั่นก่อนที่ "ไก่เดือยทอง" มาเหี่ยวปลายไปเอง
ขณะที่ฤดูกาลนี้น่าจะเป็นอีกครั้งที่แฟนบอล "ปืนใหญ่" ต้องลุ้นกันเหนื่อย ไม่ใช่แค่อันดับในตารางที่ยังสูสี ทว่าผลงานของ สเปอร์ส ยิ่งเล่นก็ยิ่งดี นับถึงตอนนี้พวกเขามีสมดุลที่ดีกว่าแบบเห็นได้ชัด
ลูกทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ อาจจะแกว่งไปบ้าง ตอนที่ต้องสับทีมเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ในช่วงกลางสัปดาห์ เคยไม่ชนะใครในทุกรายการนานถึง 7 เกมติดต่อกัน
ทว่าพอตกรอบเหมือนจะดึงสติกลับมา พอกลับมาเน้นในลีกแบบเต็มๆอีกครั้ง ฟอร์มเก่งก็ค่อยๆกลับมา ที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะหลังการแพ้ให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เหมือน สเปอร์ส ได้เจอจุดเปลี่ยน
ไม่รู้ว่าเจตนาเลียนแบบกันหรือไม่ ทว่าระบบ 3-4-3 ที่ เชลซี เป็นคนบุกเบิกจนได้ดิบได้ดี พอ "ไก่เดือยทอง" เอามาประยุกต์ใช้บ้าง มันกลับได้ผลชนิดดีเกินคาด
พูดแบบไม่เกรงใจแฟน "สิงห์บลูส์" หากวัดกันที่เกมนัดเดียว ต้องบอกว่า สเปอร์ส ทำได้กลมกล่อมกว่าด้วยซ้ำไป เพราะพวกเขาเป็นฝ่ายหยุดสถิติชนะรวดในลีก 13 เกมติดต่อกันของ เชลซี ได้
ที่ผ่านมา โปเช็ตติโน่ เล่นในระบบกระแสของยุคนี้อย่าง 4-2-3-1 ซึ่งจริงๆแล้วก็เหมาะสมและทำได้ดี ทว่ามันก็ยังมีผู้เล่นในบางตำแหน่งที่ยังไม่ค่อยลงตัว โดยเฉพาะผู้เล่นในตำแหน่งปีก
เอริค ลาเมล่า ก็บาดเจ็บ มุสซ่า เดมเบเล่ ก็ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง ซอน เฮือง มิน ฟอร์มผีเข้าผีออก ครั้นจะจับทั้ง เดเล่ อัลลี่ และ คริสเตียน เอริคเซ่น ออกไปเล่นก็ดูจะใช้ประโยชน์จากทั้งคู่ได้ไม่เต็มที่
แต่ในระบบใหม่ เรียกแบบอินเตอร์ๆว่า "ดับเบิ้ลเพลย์เมกเกอร์" ด้วยการให้ เอริคเซ่น และ อัลลี่ เป็นมิดฟิลด์ตัวรุกหลังกองหน้าตัวเป้า แฮร์รี่ เคน ต้องบอกว่าลงตัวมากๆ
ทั้งคู่มีอิสระเต็มที่ในการเคลื่อนเกม วิ่งสลับไปมาได้ทั่วสนาม ซึ่งผลงาน 5 ประตู 8 แอสซิสต์ของดาวเตะโคนม และ 10 ประตู 2 แอสซิสต์ของแข้งวัย 20 ปี ก็ยืนยันได้เป็นอย่างดี
ขณะที่ เคน ไม่ต้องอธิบายให้มากความ เขาคือกองหน้าเบอร์ต้นๆของพรีเมียร์ลีก โดยซีซั่นนี้ดูจะเครื่องร้อนเร็วกว่าปกติด้วยซ้ำ หลังยิงไปแล้วถึง 13 ประตูทั้งๆที่ลงสนามเพียงแค่ 16 เกมเท่านั้น
อัตราเฉลี่ยการซัลโวของกองหน้าดีกรีทีมชาติอังกฤษ อยู่ที่ 0.86 ต่อนัด ซึ่งดีกว่าฤดูกาล 2014-15 (0.73) และ 2015-16 (0.67) เสียอีก
การย้ายเข้ามาของ วิคเตอร์ วานยาม่า แน่นอนว่าช่วยเสริมแกร่งให้กับแดนกลางได้เป็นอย่างดี ทว่าก็สร้างปัญหาให้ โปเช็ตติโน่ เหมือนกัน เพราะหากยึดระบบเดิมจะไม่มีที่ว่างให้กับ เอริค ไดเออร์
แต่ด้วยความอเนกประสงค์ของ ไดเออร์ ที่พื้นฐานเคยเล่นกองหลังมาก่อน พอปรับมาเล่นแนวรับ 3 คน เจ้าตัวก็ผสานงานร่วมกับ โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ และ แยน แฟร์ทองเก้น ได้อย่างลงตัว
จุดสำคัญที่ทำให้ 3-4-3 หรือ 3-4-2-1 กลายเป็นระบบที่เวิร์กมากๆสำหรับ สเปอร์ส ก็เป็นเพราะพวกเขามีฟูลแบ็กชั้นดีอย่าง ไคล์ วอล์คเกอร์ และ แดนนี่ โรส ที่เล่นเกมรับก็ดี เกมรุกก็เยี่ยม ที่ดูมาหลายๆนัดแทบจะลืม "ปีก" อาชีพไปได้เลย
ช่วงหนึ่งที่ระบบหลัง 3 คนหายไปจากวงการลูกหนัง ก็เป็นเพราะขาดฟูลแบ็กเทพๆ มาประดับวงการ หมด คาฟู และ โรแบร์โต้ คาร์ลอส ก็หาคนปอดเหล็ก และเล่นได้อย่างมีสมดุลได้ยาก
เชลซี โชคดีมากๆที่ วิคเตอร์ โมเซส สามารถแจ้งเกิดในตำแหน่งใหม่ ขณะที่ มาร์กอส อลอนโซ่ ก็เป็นดีลแจ็กพอตที่เล่นได้ดีเกินความคาดหมายไปเยอะ
เอฟเวอร์ตัน เป็นอีกทีมที่พยายามปรับมาเล่นในระบบนี้ ซึ่งแม้ที่ผ่านมาจะดีบ้าง แย่บ้าง แต่การที่พวกเขามีของดีอย่าง ซีมุส โคลแมน และ เลห์ตัน เบนส์ ก็น่าลุ้นเหมือนกันหากจูนตำแหน่งอื่นๆได้ลงตัว
ฟุตบอลลูกกลมๆ อะไรก็เกิดขึ้น วลีอมตะที่พูดเมื่อใดก็มักจะจริงเสมอ เชลซี ในวันที่แพ้ อาร์เซนอล ผลบอลย้อนหลัง 0-3 ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเดินมาไกลถึงขั้นชนะรวดในลีก 13 ครั้งและนั่งเป็นจ่าฝูงอยู่ในเวลานี้
สเปอร์ส ก็เฉกเช่นเดียวกัน ตอนนี้พวกเขาชนะในลีกมาแล้ว 5 นัดติดต่อกัน บางทีสถิติใหม่อาจเกิดขึ้นซ้ำได้ในฤดูกาลเดียว
งานนี้บอกเลยในฐานะ "เดอะ กันเนอร์ส" รู้สึกหวั่นใจจริงๆ ก็หวังแค่ว่าในสุดสัปดาห์นี้ แมนฯ ซิตี้ จะเป็นเรือใบลำใหญ่ที่จะขวางความแรงของทัพไก่เดือยทอง
แต่เห็นหน้า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ช่วงนี้ ราศีไม่จับเหมือนต้นฤดูกาล ไม่รู้เหมือนกันว่าจะ "พึ่ง" ได้สักแค่ไหน