เพราะนี่คือ “พรีเมียร์ลีก”
เพราะนี่คือ “พรีเมียร์ลีก” เพราะนี่คือลีกที่บันเทิงที่สุดในโลกอันแสนยากจะคาดเดา
บ่ายแก่ๆวันเสาร์ก่อนเกมศึกพญาหงส์ กูรูหลายสำนักต่างฟันธงอย่างไม่กลัวหงายเงิบว่าศึกครานี้ ลิเวอร์พูล จะมีชัยเหนือทีมบ๊วยของตารางอย่าง สวอนซี แน่ ไม่เว้นกระทั่งผมที่เปิดอกคุยเรื่องนี้กับเพื่อนอย่างมั่นใจ
ก่อนเกมนัดนี้สถานการณ์ของทั้ง “หงส์แดง” และ “หงส์ขาว” ช่างแตกต่าง หลังเสมอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างน่าประทับใจ ลิเวอรพูล กำลังอยู่ในช่วงทำแต้มไล่จี้กวดขัน เชลซี จ่าฝูงของตารางตรงข้ามกับ สวอนซี ที่แม้จะตั้ง พอล คลีเมนท์ เข้ามาคุมทีมระหว่างซีซั่นแต่ก็ดูเหมือนผลงานในช่วง 1-2 นัดแรกทุกอย่างยังไม่ดีขึ้นเลย..
แต่แล้วใครจะเชื่อครับ...หลังเสียงนกหวีดสิ้นสุดลง ... ชัยชนะจะตกเป็นของ “สวอนซี”!
ถึง สวอนซี จะเป็นทีมที่เสียประตูเยอะที่สุดในลีกจนถึงตอนนี้แต่กับเกมล่าสุดกลายเป็นว่าแนวรับ “หงส์แดง” ต่างหากที่สะบักสะบอม ตลอดทั้งเกมเกมรับเจ้าถิ่นโดน เฟร์นานโด ญอเรนเต้ หัวหอกที่ เชลซี กำลังหมายตามองเล่นงานตลอดทั้งเกม
ญอเรนเต้ อาจไม่ใช่พ่อหนุ่มรูปงามที่มีความเร็วสูงหรือเทคนิคที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด แต่สิ่งทีเป็นทีเด็ดของ ญอเรนเต้ ตั้งแต่สมัยดังเปรี้ยงปร้างกับ แอธ.บิลเบา นั่นก็คือ “การอยู่ถูกที่ถูกเวลา” ที่ถือเป็นไม้ตายเด็ดของเจ้าตัวในวันนี้
เช่นเดียวกับนี่เป็นอีกครั้งที่ ลิเวอร์พูล ยังแก้จุดอ่อนของตนเองไม่หายเมื่อมีอันต้องเสียประตูจาก “ลูกกลางอากาศ” อีกหน
รักนาร์ คลาวาน เกมนี้เรียกได้ว่าเจ้าตัวเล่นได้ไม่เป็นธรรมชาติ และ เป็นตัวเองอย่างยิ่ง...อาจจะเพราะมีใบเหลืองติดตัวทำให้แข้งรายนี้ไม่กล้าเข้าสุ่มสี่สุ่มห้ามากและนั่นก็ทำให้เพื่อนอย่าง ลอฟเรน ต้องคอยเข้ามาประคองตลอดเวลา
ทว่าที่สำคัญที่สุดและทำให้แฟนบอล “หงส์แดง” ต้องหงุดหงิดเห็นจะเป็น “เอ็มเร ชาน”
เป็นอีกครั้งที่ ชาน จะโชว์ความเป็นเมสซี่ออกมาในสนาม แม้บทบาทจะถูกกำหนดให้เป็นตัวรับแต่หลายครั้งที่แข้งทีมชาติเยอรมันหลายนี้พยายามงัดเทคนิคออกมาพร่ำเพรือและไม่จำเป็นจนส่งผลต่อการต่อเกม และ เคลื่อนบอล
ด้านเกมรุกในวันที่ไร้ มาเน่ นักเตะอย่าง คูตินโญ่ หรือ ลัลลาน่า ก็ไม่อาจสร้างความแตกต่างได้มีเพียง ฟิร์เมียโน่ ที่แสดงให้เห็นอีกครั้งว่าเจ้าตัวนั้น “มีของ” แม้จะถูกจับเล่นหน้าจำเป็นแต่ก็ยังอุตส่าห์กดไป 2 ตุงและยืนถูกที่ถูกเวลา
มันอาจเป็นแค่วันแย่ๆวันหนึ่งของ “เร้ด แมชีนส์” แต่ถึงกระนั้นก็อดห่วงแทน เยอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ได้ว่าหากเซเนกัลชาติบ้านเกิดของ มาเน่ เกิดทะลุเข้ารอบลึก แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ขึ้นมา เกมรุกของ “หงส์แดง” จะต้านทานได้ไปอีกนานแค่ไหน
เช่นเดียวกับเกมรับที่ยังคงเต็มไปด้วยรอยรั่วตลอดเวลาแถมยังพังพินาศยามเจอบอลสไตล์ “ทิ้งบอมบ์”
จบเกมนี้ ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสทำแต้มไล่จี้ เชลซี ไปแบบเหลือเชื่อแต่ก็เพราะนี่คือพรีเมียร์ลีก และ ไม่มีอะไรใดๆที่ต้องน่าประหลาดใจ
ที่สำคัญก็คือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เยอร์เก้น คล็อปป์ เพิ่งจะออกมาตำหนิ แมนฯ ยูไนเต็ด ว่าเอาแต่เล่นบอลโยนยาว และ ไม่พยายามเล่นฟุตบอล แต่จากสิ่งที่เราเห็นในวันนี้...
อันที่จริงยามหมดทางเลือก และ เจาะไม่เข้า ลิเวอรพูล เองก็เลือกแนวทางที่ “ไม่ต่างกัน”
และนั่นก็เปรียบดั่ง “ดาบสองคม” ที่ย้อนกลับมาทิ่มแทง คล็อปป์ โดยไม่รู้ตัว