"Costa is Back" แล้วเขาก็กลับมา!
หลังจากตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งมาตลอดหลายวีก ในที่สุด ดิเอโก้ คอสต้า ก็รีเทิร์นกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ ประตูที่ทำได้ในช่วงท้ายครึ่งแรกช่วยปลุกประกายชีวิต “สิงโต” ให้กลับมายืดสง่าผ่าเผยอีกครั้งพร้อมกับพลิกโฉมหน้าของเกมในทันที
แม้ เชลซี จะเป็นทีมที่อยู่ได้ด้วยระบบโดยมี อันโตนิโอ คอนเต้ ชักใยอยู่เบื้องหลังและต่อให้ขาด คอสต้า ไปก็คงยากที่เครื่องจักร “สิงโตน้ำเงินคราม” ทีมนี้จะพังทลายทว่าอย่างน้อยการได้หัวหอกทีมชาติสเปนกลับมา
ก็ทำให้แฟนบอลของสโมสรอุ่นใจกว่าเป็นไหนๆ
การเล่นของ คอสต้า ในวันนี้อาจจะไม่หวอหวาทว่ายามมีโอกาส และ ชี้เป็นชี้ตายเจ้าตัวก็ไม่เคยทำให้ทีมนั้นผิดหวัง และ อยู่ถูกที่ถูกเวลาเสมอ...
ซึ่งนี่คือสิ่งที่ “หัวหอกระดับโลก” พึงจะมี
แนวรุก เชลซี วันนี้กลับมาใช้ ดิเอโก้ คอสต้า, เปโดร และ เอแด็น อาซาร์ สามทหารเสืออันคุ้นเคยอีกครั้งในเกมนี้ แม้อาจจะไม่ถึงกับหวือหวาและประสานงานกันราบรื่นเหมือนนัดก่อนเนื่องจากเกมรับ ฮัลล์ ลงไปรับลึกทว่าก็เป็นประตูของ คอสต้า ในช่วงท้ายครึ่งแรกที่ปลดล็อกทุกสิ่ง
หลังจากนั้นจากเดิมที่ ฮัลล์ ทำได้ดีพอตกเป็นฝ่ายตามหลังจิตใจของ “เดอะ ไทเกอร์ส” ก็เริ่มสั่นคลอน ลูกทีมของ มาร์โก ซิลวา เริ่มมีลูกเป๋ให้เห็นก่อนที่ลูกโขกของ เคฮิลล์ จะทำให้การชี้ขาดของเกมนี้ปิดตายอย่างสมบูรณ์
ที่จริงแล้วจะว่าไปเกมนี้ ฮัลล์ ไม่ได้เล่นได้ย่ำแย่อะไรเหลือครับ มันเป็นวันที่แนวรุก “เสือโคร่ง” ทำได้ดีชนิดที่เรียกได้ว่าเกินคาดด้วยซ้ำกับการพยายามใช้ความเร็วปั่นป่วนเกมรับเจ้าบ้าน
ทว่าความเด็ดขาด และ เยือกเย็นสยบความเคลื่อนไหวของ เคฮิลล์ ก็ทำให้แนวรุกผู้มาเยือนในวันนี้ “กระดิก” ไม่ออก
ปราการหลังรายนี้ยิ่งเล่นยิ่งแสดงให้เห็นว่าคำพูดที่ว่ากันว่าเจ้าตัวคือหนึ่งในแข้งที่ดีที่สุดของทีมชาติอังกฤษชั่วโมงนี้ไม่ใช่เรื่อง “เกินจริง” และตอกย้ำให้เห็นว่าเพราะเหตุใดโคตรตำนานของทีมถึงเป็นได้แค่สำรอง..
จบเกมนัดนี้แล้วชัยชนะก็เป็นของเจ้าถิ่นตามคาด มันเป็นวันที่ไม่ได้เต็มไปด้วยความหวือหวาแต่เป็น “ความคงเส้นคงวา” ที่ทำให้ผลสกอร์ในเกมนี้ออกมาแตกต่าง
14 นัดหลังสุดแพ้แค่นัดเดียวนอกนั้นชนะหมด ...8 แต้มที่นำโด่งอยู่ไม่ใช่เรื่องสำคัญนอกเสียจากว่า ณ วินาทีนี้...
ใครกันที่จะหยุด “เชลซี” !??
ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยและขอยืนยันคำเดิมครับว่า “ยังมองไม่เห็นทาง”