"เมมฟิส เดปาย" ตัวตนที่หลงลืม
อาชีพนักฟุตบอลอาจทำรายได้มากมายมหาศาลก็จริงอยู่ แต่ใช่ว่าบนกองเงินกองทองที่ได้รับจะไม่มีความเสี่ยงรออยู่ ซึ่งความเสี่ยงที่ว่ามันคือปัจจัยสำคัญสำหรับแข้งดาวรุ่งทุกคน
เมมฟิส เดปาย ก็ไม่ต่างกัน หลังแบกความคาดหวังจาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น สู่หนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เส้นทางการค้าแข้งของดาวเตะวัย 22 ปี ควรจะโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ
อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพแวดล้อมที่แตกต่างออกไป โดยเฉพาะการโดนจับตามองจากสื่ออังกฤษ ดูเหมือนว่าทิศทางการค้าแข้งของ เดปาย จะตรงกันข้ามกับสิ่งที่บอร์ดบริหาร “ปิศาจแดง” คาดหวัง
ซึ่งเมื่อการออกสตาร์ตชีวิตในอังกฤษเริ่มต้นด้วยความขรุขระ ก้าวต่อไปของ เดปาย จึงยากมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกการกระทำของเขากลายเป็นที่จับตามอง ไม่เว้นแม้แต่ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต
ผลสุดท้ายจากว่าที่ยอดนักเตะเจเนอเรชั่นส์ใหม่ของวงการฟุตบอลดัตช์ เดปาย กลายเป็นเพียงไอ้ขี้แพ้อีกคนหนึ่งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด กลายเป็นส่วนเกินที่ โจเซ่ มูรินโญ่ ไม่ต้องการ
ทว่าในเรื่องราวร้ายๆ ย่อมมีปลายทางที่สดใสรออยู่เสมอ เดปาย เองก็เช่นกัน หลังนั่งตูดด้านในโรงละครแห่งความฝัน เป็น โอลิมปิก ลียง ที่มองเห็นคุณค่าในตัวเขา จัดแจงยื่นข้อเสนอ 21.6 ล้านปอนด์ ปิดดีลนี้รับปี 2017
ฌอง มิแชล โอลาส ประธานสโมสรลียง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “เราพร้อมเดิมพันกับนักเตะที่ต้องการแสดงพรสวรรค์ของตัวเองออกมา ซึ่งเราต้องไม่ลืมว่าเมมฟิส เดปาย เคยมีขวบปีอันแสนวิเศษกับพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น”
“มันเป็นความจริงที่เขาเป็นส่วนเกินของโจเซ่ มูรินโญ่ ทำให้เรามีโอกาสได้เจรจากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ดีลนี้เปรียบเสมือนความฝัน เพราะเขาเป็นนักเตะที่มีคุณสมบัติตามที่เรามองหา”
แน่นอนว่าการย้ายมาลียงครั้งนี้ เดปาย โดน โอลาส ตั้งความหวังเอาไว้ค่อนข้างสูง ซึ่งไม่ต่างจากเมื่อคราวที่เขาเก็บข้าวของอำลาบ้านเกิดมาร่วมทัพแมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อซัมเมอร์ 2015
แต่สิ่งหนึ่งที่แตกต่างออกไป คือตอนนี้เขาจะมีโอกาสลงสนามที่ลียง รออยู่อย่างสม่ำเสมอ ไม่เหมือนในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ที่ได้ลงเป็นตัวจริงให้ มูรินโญ่ ไปแค่เกมเดียวเท่านั้น
ตลอดช่วงเวลา 11 นาที ในเกมเปิดบ้านเอาชนะโอลิมปิก มาร์กเซย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา อาจมองดูน้อยนิดสำหรับ เดปาย แต่เชื่อเถอะว่าการได้ลงสนามตั้งแต่เกมแรกในสีเสื้อ “โอแอล” คงไม่มีอะไรสุขไปกว่านี้อีกแล้ว
ต่อจากนี้เรื่องราวทั้งหมดขึ้นอยู่กับ เดปาย เอง ว่าจะกำหนดทิศทางอาชีพนักเตะที่เหลืออยู่ของตนอย่างไร ความมั่นใจของเขาจะกลับคืนมามากน้อยแค่ไหน และจะทวงบัลลังก์ว่าที่ยอดนักเตะกลับมาได้หรือไม่
...เพราะชีวิตไม่ใช่การค้นหาตัวตนของเราเอง หากแต่เป็นการสร้างตัวตนของเราเองขึ้นมาต่างหาก