พลังจากความมั่นใจ
ในโลกของฟุตบอล "ความมั่นใจ" คือปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อ "ผลลัพธ์" ของสโมสรนั้นๆ อยู่ไม่มากก็น้อย
ไม่ว่าจะเป็นทีมเล็กหรือใหญ่หากอยู่ในช่วงพีกๆ ต่อให้เจอหน้าอินทร์ หน้าพรหม ก็ไม่มีหวาดกลัว สามารถ "รัน" ผลงานเชิงบวกได้เป็นเดือนๆ บางทีก็เดินหน้าไร้พ่ายได้แบบยาวๆ
แต่ในทางกลับกันหากคุณหัวตก หน้าดำ เหมือนเกม "วินนิ่ง" มันคือขั้วตัวข้ามที่เล่นยังไง ทำยังไงก็ไม่ดี กว่าจะชนะแต่ละเกมยากเย็นแสนเข็ญ บางทีศักยภาพแย่ด้วย ก็แพ้ติดๆ จนกลายเป็นบอล "เปลี่ยนโค้ข" ก็มีให้เห็นถมไป
ที่พูดมาทั้งหมดคือภาพรวมของ 2 ทีมฟุตบอลที่ห่ำหั่นกัน ณ เคซีโอเอ็ม สเตเดี้ยม และผลงานการแข่งขันหากวัดจากเข็ม "ความมั่นใจ" มันก็ไม่ได้ "พลิกล็อก" เหมือนกับที่ใครหลายคนกล่าวไว้
ลิเวอร์พูล ที่เคยออกสตาร์ตด้วยฟอร์มอันแข็งแกร่ง เป็นทีมหัวตารางระดับทีมลุ้นแชมป์ อยู่ดีๆ ก็ "ช็อต" ไปดื้อๆ ตั้งแต่เปลี่ยนมาเป็นปี 2017 ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กลับชนะใครในลีกไม่เป็น
นับรวมทุกรายการก็ชนะแค่ พลีมัธ ทีมจากลีกทู เพียงแค่นัดเดียวเท่านั้น
แนวทางฟุตบอลของ คล็อปป์ ไม่ใช่สิ่งจอมปลอม ไม่งั้นคงไม่เป็นที่ยอมรับ หรือ ชื่นชอบจากแฟนบอลทั้งโลก ไม่เว้นแม้กระทั้งทีมคู่ปรับอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แนวทางที่ ลิเวอร์พูล เล่นในซีซั่นนี้ หากพีกๆ เชื่อว่าคู่แข่งที่ไหนก็ต้องกลัว ทว่าปัจจัย "เกื้อหนุน" ในตอนนี้มันกำลังวิ่ง "สวนทาง" จากเมื่อต้นฤดูกาลแทบทั้งหมด
ความสด (การเพรสซิ่ง), ความคิด (ไอเดียในการเข้าทำ), ความมั่นใจ (การกล้าเล่น), การมีสมาธิ (ข้อผิดพลาด) มันไม่มีอะไรเลยที่ออกมาในมุมที่สามารถพอใจได้
ก่อนหน้านี้ "เดอะ ค็อป" บางส่วนอาจอ้างว่าการขาดหายไปของ ซาดิโอ มาเน่ คือปัญหาที่ทำให้ทีมฝืด แต่ผลในเกมนี้ก็ยืนยันแล้วว่าแค่ "มาเน่" คนเดียวก็ช่วยกู้วิกฤติของทีมกลับมาไม่ได้
มันคือเรื่องของทีม เป็นการบ้านที่ คล็อปป์ จะต้องเรียกความมั่นใจของนักเตะให้กลับมาให้ไวที่สุด ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ตั้งแต่หายเจ็บก็เล่นกล้าๆ กลัวๆ ห่างจากมาตรฐานที่ บาร์เซโลน่า สนใจไปไกลลิบโลก
โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ พอขาดคู่หู ขาดคนเล่นด้วย ก็งานหนักเกินที่จะแบกทีมไว้ได้ อดัม ลัลลาน่า กลายเป็น "จอมม้วน" ที่ไม่ได้ดุดันในกรอบเขตโทษเหมือนในครึ่งฤดูกาลแรก
กองหลังปรับเปลี่ยนคู่เซนเตอร์ไปเรื่อยจนร่วนกันทั้งระบบ ขณะที่ ซิมง มิโญเล่ต์ ก็ต้องรับไปเต็มๆ ที่รับหลุดมือจนทีมเสียประตูแรก ซึ่งมันยิ่งบั่นทอนความมั่นใจไปอีกไม่น้อย
ในขณะที่ ลืเวอร์พูล กราฟกำลังตกเต็มที่ แต่ฝั่ง ฮัลล์ กลับอยู่ในช่วงมั่นใจ ใครจะไปคิดว่า มาร์โก ซิลวา กุนซือหนุ่มจากโปรตุกีส จะสามารถปลุกผีได้ดีขนาดนี้
ฉายา "นิวมูรินโญ่" ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แม้เส้นทางในการดิ้นรนหนีตายจะยังอีกยาวไกล แต่ผลงานที่ออกมาต้องบอกว่ากุนซือรายนี้มี "กึ๋น" และสมควรได้รับเครดิตไปเต็มๆ
ก่อนหน้านี้ ฮัลล์ ไม่ใช่แค่ฟอร์มห่วย แต่ปัญหาในทีมก็บานตะไท นักเตะในทีมบาดเจ็บยาวเป็นห่างว่าว แต่ที่เห็นต้องบอกว่ากุนซือวัยเพียง 39 ปี นั้น "เป็นงาน" มากๆ
เขาสร้างทีมจาก "ความมั่นใจ" กล้าให้ เอลดิน ยาคูโปวิช ขึ้นมาเป็นมือหนึ่งของทีม ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบแทนด้วยลีลาการเซฟที่เหลือรับประทาน แฮร์รี่ แม็คไกวร์ จากแข้งอะไหล่ กลายเป็นเสาหลักในเกมรับที่ขาดไม่ได้
มาร์โก ซิลวา ปรับจูนไม่กี่ตำแหน่งกลับทำให้ทีมที่แนวรับไม่ต่างจาก "บ่อน้ำมัน" กลายเป็นทีมที่เกมรับมีระเบียบได้ในพริบตา
ผู้จัดการทีมหนุ่มค่อยๆ ซ่อมทีมไปทีละจุด แก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการ "ยืม" นักเตะจากทีมอื่นมาใช้งาน แม้แต่ละชื่อจะไม่ได้หวือหวาอะไร แต่ก็เข้ามาเสริมทีมได้เป็นอย่างดี
แม้ตอนนี้จะยังไม่การันตีว่า ฮัลล์ จะรอดตกชั้น แต่ด้วย "ความมั่นใจ" ที่กำลังรุกโฉน มันทำให้อนาคตของพวกเขาดูจะ "สว่างจ้า" ดีเหลือเกิน