ผู้พาเรือเข้าฝั่ง
คำว่า "หมูเขี้ยวตัน" หรือ "สู้แบบหมาจนตรอก" คือนิยามของคนที่กำลังลำบากแต่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ
ในโลกของฟุตบอลเราก็มักจะเห็นอะไรแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะเกมลูกหนังในระบบลีก ที่เหล่าทีมหนีตายมักจะมีหมัดเด็ด เก่งขึ้นในพริบตาในโค้งสุดท้ายแบบไร้เหตุผล
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเราได้เห็น ซันเดอร์แลนด์ ทีมบ๊วยบุกไปถล่ม คริสตัล พาเลซ 4-0 ขณะที่ ฮัลล์ ก็เปิดบ้านซัดหมัดน็อคใส่ทีมลุ้นแชมป์อย่าง ลิเวอร์พูล ได้อย่างเหนือความคาดหมาย
เกมที่เอติฮัด สเตเดี้ยม วัดกันตามหน้าเสื่อ แมนฯ ซิตี้ ที่ขุมกำลังระดมไปด้วยสตาร์ดังมากกว่า ถือว่าเหนือชั้นกว่าผู้มาเยือนอย่าง สวอนซี แทบทุกกระบวนท่า
แต่หากอ้างอิงจากเหตุและผลข้างต้น เชื่อว่าสาวก "ซิติเซ่น" หลายคนคงกังวลและรับรู้ได้ว่านี่จะเป็นอีกนัดที่ไม่ง่ายเลย
ลูกทีมของ พอล คลีเมนต์ เป็นอีกหนึ่งทีมที่กำลังดิ้นรนสุดชีวิต และกราฟลมหายใจก็ดูเหมือนจะกระเตื้องไปในทิศทางที่ดี หลังเก็บชัยในลีกได้ 2 นัดติดต่อกัน
จาก "หงส์ขาว" ที่โดนยิงเป็นสกอร์ไหล อดีตมือขวาของ คาร์โล อันเชล็อตติ แก้ปัญหาเรื่อง "สมาธิ" และ "ขวัญกำลังใจ" ของทีมได้ราวกับเป็นพ่อมดที่ใช้เวทมนต์
เกมกับ ซิตี้ เป็นอีกครั้งที่โดนขึ้นนำไปตั้งแต่ "ไก่โห่" ทว่าทีมกลับไม่เป๋แต่อย่างใด ผู้มาเยือนยังเน้นรับด้วยความอดทน ยอมรักษาสกอร์ชนิดที่ 45 นาทีแรกไม่ได้แม้แต้ง้างเท้ายิง
อย่างไรก็ตามทุกอย่างเหมือนเป็นไปตามแผน เมื่อไม่ถูกทิ้งห่างครึ่งหลังก็คือเวลาขอการเอาคืน สวอนซี เปลี่ยนเกมให้เป็นหนังคนละม้วน เมื่อพวกเขา "กล้าเสี่ยง" ก็ดีพอที่จะกดดันเจ้าบ้านจนโงหัวไม่ขึ้น
น่าเสียดายที่ แมนฯ ซิตี้ วันนี้ไม่ใช้ "เรือน้อย" ที่ลอยออกจากฝั่ง เหมือนเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ที่เหมือนนักมวยเมาหมัด สามารถเสมอหรือแพ้ได้ไม่ว่าจะเจอกับทีมระดับใด
การลดทิฐิของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทำให้อะไรหลายๆ อยู่ดูดีขึ้นมาเป็นกอง ไล่เรียงตั้งแต่ ยาย่า ตูเร่ จนมาถึงการดร็อป เคลาดิโอ บราโว่
ที่สำคัญการย้ายมาของหนุ่มน้อยวัย 19 ปี กลายเป็น "สารกระตุ้น" ชั้นดีให้แนวรุกของ แมนฯ ซิตี้ กลับมาเป็น "เรือใบผยองเดช" ที่ฉุดฉาดและวูบวาบอย่างที่ควรจะเป็น
ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า เซร์คิโอ อเกวโร่ คือกองหน้าระดับท็อปของโลกในปัจจุบัน แต่ที่ผ่านมาการไร้คู่แข่งแย่งชิงตำแหน่งตัวจริง อาจทำให้เจ้าตัวลดความกระหายลงไปไม่น้อย
กาเบรียล เฮซุส เหมือนจิ๊กซอว์ที่ กวาร์ดิโอล่า รอคอย ผมเดาในใจเล่นๆ เขาอาจจะอยากสร้างแรงจูงใจใหม่ให้กับ "กุน" ด้วยการดร็อปเป็นตัวสำรอง แต่ที่ผ่านมายังไม่มีเหตุและผลที่ดีพอ
แต่นาทีนี้กุนซือหัวใสไม่จำเป็นต้องอธิบายเป็นคำพูด เพราะ กาเบรียล เฮซุส พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ได้มาเป็นแค่แข้งอนาคตของทีม แต่เขาคือนักเตะที่พร้อมใช้งาน และทีมสามารถฝากผีฝากไข้ได้ทันที
ยิ่งลงสนามพร้อมทรีโอยังบลัดอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ เลรอย ซาเน่ ที่ปรับตัวได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ก็ทำให้สปีดบอลของทีม ซิตี้ ที่เคยช็อต เป็นพวกคิดช้าทำช้า ต่อบอลเป็นพันกลับไม่ได้ยิง
กลายเป็นบอลเอนเตอร์เทนต์ ที่คิดไว ทำไว อาศัยสปีดที่จัดจ้านของ 3 ตัวรุกเจาะทะลวงจนคู่แข่งไม่ได้พักหายใจหายคอ
เอาเท่าถึงตอนนี้ เท่าผลงานที่ถูกฉายออกมา การมาของ เชซุส แค่คนเดียวกำลังจะทำให้ "เรือใบ" ลำนี้แล่นกลับเข้าฝั่งอีกครั้ง