หนึ่งคะแนนที่ดูน้อยค่าเกินไปของหงส์แดง / โดย.."มาร์ค สุรเดช"

หนึ่งคะแนนที่ดูน้อยค่าเกินไปของหงส์แดง / โดย.."มาร์ค สุรเดช"

หนึ่งคะแนนที่ดูน้อยค่าเกินไปของหงส์แดง / โดย.."มาร์ค สุรเดช"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การเสมอกับ ซันเดอร์แลนด์ คา แอนฟิลด์ 1-1 ในเกมประเดิมสนามนัดแรกในลีก ฤดูกาล 2011-12 ทำให้หลายคนก็เริ่มจะคิด และอดเครียดไม่ได้ว่า “หงส์แดง” จะตะแคงฟ้ากลับมาเป็นแชมป์ลีกได้จริงเหรอในปีนี้ คงต้องบอกแบบกลางๆ ว่า ลิเวอร์พูล ยังต้องพัฒนาอีกหลายจุด เพื่อจะกลับไปทวงศักดิ์ศรีเก่าๆ ของตัวเอง

หากเรามองไปในเกมเมื่อวันเสาร์ จะเห็นว่า เคนนี่ ดัลกลิช จำเป็นต้องใช้งานกองหลังดาวรุ่งอย่าง จอห์น ฟลานาแกน ในตำแหน่งแบ็กขวา หลังจากที่ เกล็น จอห์นสัน เจ็บจนลงสนามไม่ได้ และหลังจบเกมนี้ ฟลานาแกน น่าจะได้มุมมอง และบทเรียนเอาไว้ใช้พัฒนาฝีเท้าตัวเองต่อไปค่อนข้างแน่

ลิเวอร์พูล มีโอกาสขึ้นนำเร็วในเกม แต่อย่างที่ทราบกันไปแล้วก็คือ หลุยส์ ซัวเรซ ดันยิงไม่เข้าซะงั้น จนทำให้ ซันเดอร์แลนด์ มีกำลังใจดีเยี่ยม อย่างไรก็ดี แนวรับของทีม “แมวดำ” ก็ต้องจ่ายค่าของความผิดพลาดที่เกิดขึ้นด้วยการเสียประตูอยู่ดีในอีก 2 นาทีถัดมา

จากเหตุการณ์ที่เจ้าบ้านได้จุดโทษ คีแรน ริชาร์ดสัน เคลียร์บอลทิ้งผิดพลาดง่ายๆ เมื่อเตะไปติดตัวของ ซัวเรซ แน่นอนว่าด้วยสปีดของ ซัวเรซ ทำให้ ริชาร์ดสัน เข้าตาจนต้องยอมเสียฟาวล์ หลุยส์ ซัวเรซ ในจังหวะที่ดาวยิงอุรุกวัย กำลังจะหลุดเดี่ยวเข้าไปทำประตู

แม้อดีตดาวเตะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะโชคดีโดนแค่ใบเหลืองจาก ฟิล ดาวด์ ผู้ตัดสินในเกมนี้ ทว่า ซัวเรซ ก็ไม่ยอมผิดพลาดเป็นหนที่สอง จัดการยิงเข้าไปส่ง ลิเวอร์พูล ได้กิ๊บก๊าบกันเต็มที่ โดยมีการบันทึกไว้อีกด้วยว่าประตูที่ ซัวเรซ ทำได้นั้นคือประตูแรกสุดของฟุตบอลพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล 2011-12

ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นอีกครั้งว่าพวกเขายังไม่ใช่ทีมที่มีจิตใจอันเหี้ยมหาญในการเผด็จศึกคู่แข่งให้ได้ เมื่อมีโอกาสอีกหลายครั้งในการจะได้ประตูเพิ่มอีก

แน่นอนว่าด้วยสกอร์ที่ปรากฏขึ้นมาเมื่อเกมจบ 45 นาทีแรกจะเป็นเจ้าบ้านที่ขึ้นนำอยู่ 1-0 และจากรูปเกมที่เกิดขึ้น มองมุมไหน ซันเดอร์แลนด์ คงไม่แคล้วโดนยิงประตูเพิ่มอยู่ดี

แต่การณ์กลับตาลปัตรไปหมด และคงต้องให้เครดิตกับ สตีฟ บรู๊ซ ด้วย ที่วางแผนแก้เกมมาได้ดีมากในครึ่งหลัง ทำให้ ลิเวอร์พูล บุกไม่ขึ้น และต่อสู้อย่างอดทน จนกระทั่งแบ่งแต้มกลับบ้านได้สำเร็จ

ประตูตีเสมอสำหรับทีมเยือนนั้นเกิดขึ้นในช่วงนาทีที่ 57 ของเกม จากการเปิดทางฝั่งขวา บอลเลยแนวรับทุกคนของ ลิเวอร์พูล คนเดียวโล่งๆ และ ลาร์สสัน ที่เพิ่งจะย้ายมา และลงเล่นในลีกนัดแรกให้กับ ซันเดอร์แลนด์ ทำประตูตีเสมอด้วยการกระโดดลอยตัวขนานพื้นและวอลเลย์บอลเข้าเสาไกลไปอย่างงดงามสุดๆ

หนึ่งแต้มที่ได้มา ดูด้อยค่าไปเลยสำหรับการคาดหวังของแฟนส่วนใหญ่ ไม่นับรวมนักเล่นพนันที่ถนัดประเภทท่านต่อศักดิ์ เพราะป่านนี้อาจจะยังนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่ก็เป็นได้

จากการเสมอกับ ซันเดอร์แลนด์ ทำให้ ลิเวอร์พูล หนักทีเดียว เพราะในสัปดาห์หน้า พวกเขามีโปรแกรมต้องยกทัพขึ้นเหนือสู่ลอนดอน เพื่อทำศึกสำคัญกับ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซนอล

โดยสภาพลูกทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ เองก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก เพราะพวกเขาต้องสูญเสียนักเตะระดับลูกหม้อในเวลาไล่เลี่ยกันถึง 2 ราย

ในยุคที่ประสบความสำเร็จ มีแฟนบอลคลั่งไคล้พวกเขาสุดๆ ในช่วงระหว่างทศวรรษที่ 60 ถึงต้น 90 น้อยครั้งที่เราจะเห็น ลิเวอร์พูล ไม่ว่าจะภายใต้การคุมทีมของ บิล แชงค์ลีย์ หรือ บ็อบ เพสลีย์ จะเพลาเกมให้กับคู่แข่ง และปล่อยให้แต้มจากที่น่าจะเป็น 3 คะแนนเต็มๆ หลุดมือไปได้ง่ายๆ

ในครึ่งแรก สิ่งดีๆ จากเกมนี้ที่เห็นก็คือ ลิเวอร์พูล ทำได้ดีในการหยุดดาวยิงกานา อซาโมอาห์ กียาน ของผู้มาเยือนไว้แบบกระดิกไม่ออกจริงๆ ส่วนผลงานของดาวเตะหน้าใหม่ที่ได้ลงสนามแต่ละคนก็ถือว่าไปวัดไปวาได้

โฆเซ่ เอ็นริเก้ ที่มีชื่ออยู่ในรายชื่อ 11 ตัวจริงนัดแรก แสดงให้เห็นว่าทำไม ลิเวอร์พูล ถึงอยากได้เขามาร่วมทีมอย่างที่เห็น ด้านกองหลัง อีกหนึ่งจุดที่ คิง เคนนี่ ต้องพยายามแก้ต่อไปก็คือ ลดอาการผิดพลาดง่ายๆ

จอห์น ฟลานาแกน อาจจะพลาด แต่จะให้ไปตำหนิดาวเตะท้องถิ่นว่าเป็นสาเหตุสำคัญของ ลิเวอร์พูล ที่มาเสียประตู และสุดท้ายทำให้พวกเขาเก็บได้เพียงแค่คะแนนเดียวเท่านั้นในการออกสตาร์ต

หลายคนอาจจะคิดเหมือนผมก็ได้ว่า เห็น ฟลานาแกน ในยามนี้แล้วทำให้นึกย้อนกลับไปตอนที่ สตีวี่ จี หรือ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ก้าวเข้ามาอยู่ในทีมชุดใหญ่ได้อย่างเป็นทางการในปี 1999 เป็นเด็กผิดพลาดทุกคนยังพอให้อภัยได้ แต่ก็ต้องเรียนรู้กันต่อไปเรื่อยๆ นะ ฟลาโน่ เอ๋ย

ในแดนกลางสนาม ถือเป็นแดนที่มีผู้เล่นใหญ่ได้ร่วมลงเล่นกันอยู่มากที่สุด สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ดูจะทำผลงานได้โดดเด่นกว่าทุกคน เพราะความขยัน วิ่งแบบไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย สร้างปัญหาให้กับทีม “แมวดำ” ได้เยอะทีเดียว

รายของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ต้องเจอกับปัญหาไม่น้อยในเรื่องของจิตใจ เพราะเขาต้องลงสนามเจอกับอดีตต้นสังกัดเก่าในทันที แม้จะดูแข็งแกร่ง แต่ก็ยังต้องปรับตัวในเรื่องการเปิดบอลจากกราบให้คม และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สำหรับ ชาร์ลี อดัม ถือว่าเป็นอีกคนที่ทำผลงานโดยรวมได้ดี เท้าซ้ายของดาวเตะฟันหน้าหลอผู้นี้ ยังเชื่อใจ ฝากผีฝากไข้ได้เหมือนเดิม เหมือนกับตอนที่เราเห็นเขาแบบเต็มกับ แบล็คพูล ในซีซั่นก่อน

ในครึ่งหลัง วินาทีที่ เดวิด วอห์น กองกลางตัวสำรองของผู้มาเยือนถูกส่งลงสนามมานั้น ถือเป็นการดวลกันหนแรกของทั้งคู่นับตั้งแต่ย้ายออกจากอู่ข้าวอู่น้ำต้นสังกัดในเวลาไล่ๆ กันในช่วงซัมเมอร์นี้

ดูจากผลงานและความสำคัญในยามที่เล่นอยู่นั้น ต่อให้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด อาจจะต้องมีนั่งบ้าง หรือไม่ก็ต้องเรียกความฟิตกลับมาโดยเร็ว เพราะคู่ต่อสู้ของ กัปตัน จี ในบริเวณพื้นที่กลางสนามนั้นเข้มข้นสุดๆ ไปเลย สำหรับภายในทีม “หงส์แดง” เพลานี้

ในส่วนของกองหน้า แม้ หลุยส์ ซัวเรซ จะยิงจุดโทษไม่เข้า ทำให้ท้ายที่สุดทีมได้เพียงหนึ่งคะแนน แต่ก็คงโทษหรือตำหนิเขาไม่ได้ เพราะเขายังมีเวลาฝึกซ้อมในช่วงปรีซีซั่นเพียงแค่สัปดาห์เดียว

การทำประตูได้ในเกมแรกถือเป็นสัญญาณที่ดีว่า ปีนี้ ซัวเรซ จะมีความสำคัญต่อการลุ้นความสำเร็จของทีมสีแดงแห่งเมอร์ซี่ย์ไซด์อย่างแน่นอน

ก็คงต้องติดตาม และให้กำลังใจกันต่อไปสำหรับแฟนบอลของลิเวอร์พูล ว่าพวกเขาจะดีขึ้นหรือส่อเค้าจะหมดลุ้นแชมป์กันตั้งแต่โค้งแรกของการเปิดฤดูกาลใหม่ อีกหนึ่งสัปดาห์เรากลับเจอกันตรงพื้นที่ตรงนี้เหมือนเดิมครับ

เรื่องโดย "มาร์ค สุรเดช"

ขอบคุณเนื้อหาจากคอลัมน์ My Liverpool

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook