ปรีวิวพรีเมียร์ลีก by มาร์ค สุรเดช
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้วสำหรับเกมพรีเมียร์ลีกนัดเปิดสนามฤดูกาล 2011-12 เรียกว่าบรรดาทีมใหญ่ไม่ได้นัดกันมาโชว์ตัวพร้อมหน้า
มีเพียงแค่แชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แชมป์บอลถ้วย เอฟเอ คัพ อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สามารถเอาชนะคู่แข่งและเก็บ 3 คะแนนประเดิมได้สำเร็จ
นอกนั้นไม่ว่าจะเป็น เชลซี, อาร์เซนอล และ ลิเวอร์พูล ล้วนทำได้เพียงแค่เก็บได้ทีมละหนึ่งคะแนนเท่านั้น
ในสัปดาห์ที่สองนี้ พรีเมียร์ลีก น่าจะกลับมาเตะกันได้ตามปกติครบทั้ง 10 คู่ หลังจากเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นใน ลอนดอน ส่งผลกระทบทำให้เกมในคู่ระหว่าง ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ กับทางด้าน เอฟเวอร์ตัน มีอันต้องถูกยกเลิกไปเนื่องด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัย
จากโปรแกรมในสัปดาห์นี้ เกมคู่เอกน่าจะอยู่ที่สนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ที่ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซนอล จะเฝ้าบ้านต่อเนื่องหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจจากเกมเลกแรกในรอบเพลย์ออฟ ของ แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยจะได้ดวลกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่ปีนี้ไม่ได้ไปร่วมสังคายนาแข้งกับทีมอื่นๆเขาในบอลถ้วยยุโรป
ทางด้านสองทีมที่ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจจากเกมแรกอย่าง โบลตัน วันเดอเรอร์ส กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะได้พิสูจน์ให้รู้ดำรู้แดงกันไปว่าใครจะยืนหยัดต่อไปในฐานะทีมที่สะกดคำว่า “แพ้ไม่เป็น” เอาไว้ได้
ปิดท้ายกับเกมมันเดย์ไนต์ ก็น่าสนใจไม่แพ้กันเมื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะรอเจอกับ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ เป็นคู่ปิดท้ายของสัปดาห์ เรียกว่าได้ลุ้นกันสนุกเช่นเคยครับในสัปดาห์นี้
มาว่ากันที่คู่บิ๊กแมตช์ระหว่าง “ไอ้ปืนใหญ่” กับ “หงส์แดง” ถือว่ามาเจอกันเร็วไปนิดสำหรับสองทีมใหญ่ที่มีลุ้นแชมป์ แต่ปีที่แล้วทั้งคู่ก็ได้เจอกันเร็วในโปรแกรมแบบนี้เช่นกัน โดยถ้ายังจำกันได้ในซีซั่นก่อน ทั้งสองทีมก็ตัดแต้มกันเองทั้งสองเกมที่เจอกัน ซึ่งแน่นอนว่าไม่เป็นผลดีกับทั้งสองทีมอยู่แล้ว
ก่อนเกมสัปดาห์นี้ อาร์เซนอล เพิ่งจะเอาชนะ อูดิเนเซ่ มาในเกมกลางสัปดาห์ จากประตูชัยของ ธีโอ วัลค็อตต์ ก่อนจะกลับไปเล่นกันในเกมที่สองที่ ฟริอูลี่ ต่อไป ซึ่งการเข้าไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่ม จะทำให้สถานภาพทั้งในเรื่องของภาพลักษณ์ และ ความมั่งคั่งของสโมสรยังมีสถานภาพที่มั่นคงตามเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
การจากไปของ ฟาเบรกาส ทำให้ เวนเกอร์ ต้องปรับแผนกันพอสมควร รายของ ซาเมียร์ นาสรี่ แม้จะยังไม่ได้ย้ายไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ดาวเตะฝรั่งเศสรายนี้คงจะไม่สามารถลงเล่นอีกต่อไปแล้ว เพราะทาง ซิตี้ เองก็คงไม่อยากให้ นาสรี่ เกิดเสี่ยงได้รับบาดเจ็บก่อนการย้ายทีมอันสมบูรณ์แบบจะเกิดขึ้นจริงๆ
รายของ แชร์วินโญ่ ที่ในเกมโดนใบแดงมาตั้งแต่เกมแรก ต้องใช้โทษแบนหมดสิทธิลงเจอกับทีมจาก เมอร์ซีย์ไซด์ ด้วยเช่นกัน รวมถึงคนเล็กต้องใหญ่อย่าง แจ๊ค วิลเชียร์ ที่เกมนี้เจ็บเลยอดลงสนามไปโดยปริยาย
ด้าน ลิเวอร์พูล นั้นได้พักมาเต็มๆ เพียงแต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถจะส่งขุนพลชุดที่ดีที่สุดลงสนามได้เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะรายของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่ยังต้องรอให้ความฟิตกลับมาเต็มที่อีกครั้ง เช่นเดียวกันกับปราการหลังดีกรีทีมชาติอังกฤษ เกล็น จอห์นสัน ที่หมดสิทธิลงสนามด้วยเพราะอาการบาดเจ็บเช่นกัน
เกมนัดนี้จะมีความหมายต่อทั้งสองทีมอย่างแน่นอนในแง่ของขวัญกำลังใจทั้งของทีม และ แฟนๆ รวมถึงยังจะส่งผลโดยตรงในแง่ของการรักษาความหวังในการลุ้นแชมป์ลีกในปีนี้ด้วยเช่นกัน
คีย์แมนที่จะชี้ขาดเกม:
อาร์เซนอล:
อังเดร อาร์ชาวิน
แม้ดาวเตะรัสเซียน จะฟอร์มลุ่มๆดอนๆมาในช่วงหลังๆ แต่เวลาได้เจอกับ ลิเวอร์พูล เขามักจะทำผลงานได้ดีเป็นพิเศษ เปเป้ เรน่า เองก็เคยฝันร้ายเพราะดาวเตะหน้าหมูป่ารายนี้มาแล้วจากการโดนซัดถึง 4 เม็ดในเกมเดียว ชนิดที่เรียกว่าแต่ละประตูนั้นเข้าขั้นส่งประกวดได้เลย
และแน่นอนว่าสัปดาห์นี้ อาร์แซน เวนเกอร์ ต้องแอบภาวนาอยู่ลึกๆว่า อาร์ชาวิน จะคืนฟอร์มเทพทันเวลาหรือไม่ เพราะหาก 2 เกมในการออกสตาร์ต ผลงานไม่ดี ความกดดันจากแฟนๆ กันเนอร์ส อาจจะมีต่อ เวนเกอร์ กุนซือผู้ได้ชื่อว่าประสบความสำเร็จสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรได้เช่นกัน
ลิเวอร์พูล:
หลุยส์ ซัวเรซ
ซัวเรซ ชื่อนี้กำลังตอกย้ำความมั่นใจ และ ความนิยมชมชอบในหมู่ เดอะ ค็อป มากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเจ้าตัวลงมาทำประตูเบิกร่องให้กับทีมออกนำก่อนสุดท้ายจะเสมอกับ ซันเดอร์แลนด์ ไป 1-1
แต่ด้วยเพราะความเหนื่อยล้าที่ยังสลัดไม่หมดจากภารกิจที่ต้องกลับไปเล่นให้กับชาติบ้านเกิดอย่าง อุรุกวัย จนคว้าแชมป์โคปา อเมริกา มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ เราได้เห็นกันว่า ซัวเรซ ยังน่ากลัว และ เปี่ยมไปด้วยไหวพริบ เกมนี้ ซัวเรซ จะเป็นตัวจักรสำคัญในการช่วย ลิเวอร์พูล ลุ้นไปชนะ อาร์เซนอล ได้ถึงรัง เอมิเรตส์
ความน่าจะเป็นของเกม:
ต่างฝ่ายต่างได้มาแค่ทีมละคะแนนจากเกมแรก ทำให้เกมนี้จำเป็นต้องเดินหน้า และ เน้นเพื่อจะประเดิมเก็บ 3 แต้มแรกของฤดูกาลนี้ให้จงได้ อาร์เซนอล ในยุค เวนเกอร์ มักจะทำได้ดีในการเจอกับ ลิเวอร์พูล ในบ้าน
แต่ซีซั่นก่อน กุนซือชาวฝรั่งเศสคงไม่ลืมว่าเป็นเพราะมันสมองในการแก้เกมของ ดัลกลิช บวกกับโชคของ ลิเวอร์พูล ที่มาได้จุดโทษในการต่อเวลาแบบมาราธอน ทำให้โอกาสลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกของ เวนเกอร์ และ อาร์เซนอล ดับวูบตามไปด้วย
ปีนี้ทั้งสองทีมเจอกันในสภาพที่ไม่ได้ท็อปพีกด้วยกัน อาร์เซนอล ครองบอลเยอะกว่า แต่สำคัญคือจะหาใครจบสกอร์ได้หรือไม่ ขณะที่ ลิเวอร์พูล มีหน้า กับ กองกลางที่สู้กับเจ้าถิ่นได้ คงจะต้องวัดกันที่พวกกองหลังดาวรุ่งของทั้งสองทีมว่าใครจะเหนียวแน่นกว่ากัน
สกอร์ที่คาด
โอกาสออกเสมอมีสูงมาก แต่ด้วยเกมรับที่ยังไม่ค่อยดีของทั้งคู่ ทำให้สกอร์น่าจะเป็น 1-1 หรือ 2-2
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของเกมนี้:
-ลูคัส เลว่า เป็นมิดฟิลด์ที่เอาชนะในการแย่งบอลได้มากที่สุดของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลก่อน
-ประตูจากเกมแรกของ หลุยส์ ซัวเรซ ทำให้เขากลายเป็นผู้ทำประตูแรกประจำฤดูกาลนี้
-อาร์เซนอล เป็นทีมที่ผ่านบอลได้แม่นยำมากที่สุดของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลก่อน
*********************************************
มองเกมคู่อื่นๆ:
ซันเดอร์แลนด์ VS นิวคาสเซิ่ล
ดาร์บี้แมตช์แห่งอีสานของอังกฤษ มาเจอกันตอนต้นฤดูกาล มีหวังได้หวดกันไฟแลบ เพราะต่างทำผลงานกันมาพอตัวจากนัดแรกด้วยการเสมอกับทีมใหญ่ ความโดดเด่นของ อซาโมอาห์ กียาน และ สเตฟาน เซสเซญง จะช่วยกันพา “แมวดำ” เบียดชนะ “สาลิกาดง” แบบสนุก
-------------------------------------
แอสตัน วิลล่า vs แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
วิลล่า ยุค อเล็กซ์ แม็คลีช ยังไม่ถึงกับโดดเด่น แต่โชคดีเกมนี้ได้เฝ้าบ้านเจอกับ แบล็คเบิร์น ที่ออกนอกบ้านไม่ค่อยดี โอกาสแบบนี้ วิลล่า ไม่ควรทิ้งขว้างในการคิดถึง 3 คะแนน
-------------------------------------
เอฟเวอร์ตัน vs คิวพีอาร์
ทีม “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ได้พักมาเต็มที่ เพราะเกมในสัปดาห์ที่แล้วของพวกเขาไม่ได้เล่นกันด้วยเหตุผลจากเหตุการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้นในหลายเมืองใหญ่ของอังกฤษ เกมนี้มีโอกาสเชือด คิวพีอาร์ ที่เพิ่งได้เจ้าของใหม่เป็นชาวมาเลเซียอย่าง โทนี่ เฟอร์นันเดซ ได้ไม่ยาก หากเล่นได้ตามมาตรฐาน
-------------------------------------
สวอนซี vs วีแกน
ครึ่งแรกของ สวอนซี กับ แมนฯซิตี้ ทำได้ดีมาก แต่สุดท้ายก็ต้านความแกร่งของทีมมหาเศรษฐีไม่ไหว ด้าน วีแกน ออกนอกบ้านเน้นเกมสวนกลับไว้ก่อน มีสิทธิแบ่งแต้มสูง
-------------------------------------
เชลซี vs เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน
การขาด ปีเตอร์ เช็ก น่าจะส่งผลพอสมควร เกมนี้ วิลลาส โบอาส จะพลาดไม่ได้อีกแล้วในการเก็บ 3 คะแนน ด้านผู้มาเยือนดีขึ้นเรื่อยๆในยุคของ รอย ฮอดจ์สัน แต่คงไม่น่าจะใช่สำหรับเกมที่ เชลซี ตกอยู่ภายใต้เงื่อนไขต้องชนะแบบนี้
-------------------------------------
นอริช vs สโต๊ค
พอล แลมเบิร์ต และลูกทีมจะต้องพยายามอย่างเต็มที่ในเกมที่ได้เฝ้าบ้าน และนี่จะเป็นบทพิสูจน์ที่ดีว่าพวกเขามีดีพอจะอยู่รอดได้หรือไม่ ด้าน สโต๊ค เองก็หวังจะเก็บแต้มนอกบ้านให้จงได้ เกมนี้น่าจะเป็นอีกเกมที่มีโอกาสเจ๊าสูง
-------------------------------------
วูล์ฟส์ vs ฟูแล่ม
วูล์ฟส์ หวังจะออกสตาร์ตให้ดีต่อเนื่อง เกมนี้ได้เฝ้าบ้านเจอกับ ฟูแล่ม ที่ มาร์ติน โยล หวังจะแก้ฟอร์มการเล่นนอกบ้านให้จงได้เสียที เกมนี้เป็นอีกเกมที่สูสีทีเดียว และน่าจะลงเอยด้วยการแบ่งแต้มกันไป
-------------------------------------
โบลตัน vs แมนเชสเตอร์ ซิตี้
แม้จะฟอร์มแรงจากเกมแรก แต่ ซิตี้ ชั่วโมงนี้ ยังยากที่จะยอมให้ “ เดอะ ทร็อตเตอร์ส” ได้ลูบคมแน่ เห็นฟอร์มของ เอล กุน กันไปพอหอมปากหอมคอจากเกมที่แล้ว เกมนี้มีโอกาสจะได้เห็นดาวเตะรายนี้มีชื่อบนสกอร์บอร์ดอีกครั้ง
-------------------------------------
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด vs ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์
ผีแดง เกมที่แล้วหืดจับกว่าจะได้ 3 แต้ม เกมนี้เจอกับ ไก่ ที่ได้พักมาเต็มที่กว่าก็จริง แต่ สเปอร์ส มีเกมยูโรป้า ลีก ต้องเล่น แม้จะหมุนเวียนผู้เล่น แต่เป็นเรื่องยากที่ลูกทีมของ จ่าแฮร์รี่ จะมาซ่าส์ได้ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด คู่นี้เหมือนงูเหลือมเจอเชือกกล้วย ผีแดงยิงโลด
เรื่องโดย "มาร์ค สุรเดช"
ขอบคุณข้อมูลจากคอลัมน์ ปรีวิวพรีเมียร์ลีก