ปรีวิวพรีเมียร์ลีก by มาร์ค สุรเดช

ผ่านไปแค่ 2 สัปดาห์ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ยังทำหน้าที่ของมันตามปกตินั่นก็คือสร้างสีสัน และ ประเด็นให้พูดถึงได้เหมือนเดิม ปีนี้แชมป์เก่าอย่าง “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกตัวแรงแบบนี้ ทีมที่คิดอยากจะโค่นขุนพลลูกทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ลงจากบัลลังก์ คงได้ลุ้นกันเหนื่อยแน่

เพราะโดยธรรมชาตินักเตะสายพันธุ์ปิศาจ มักจะนิยมมาเร่งฟอร์มเมื่อผ่านสักครึ่งฤดูกาล หรือ ช่วงเวลาเทศกาลคริสต์มาสไปแล้ว แต่ปีนี้ฟอร์มแรงตั้งแต่ต้นแล้วใครจะสามารถหยุดพวกเขาได้ล่ะทีนี้

หรือจะเป็น “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ที่จะเป็นทีมแรกที่ขอขันอาสาดับซ่าลูกทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ ซึ่งทั้งสองทีมนี้มีโปรแกรมจะต้องฟาดแข้งกันเสียด้วยในเกมซูเปอร์บิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์นี้ โดยเกมนี้จะเล่นกันที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งเราจะไปดูเกมคู่นี้กันอย่างละเอียดครับ

เกมนรกแตกเกมนี้จะวัดศักดิ์ศรีกันที่บ้านของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ โดยทั้งสองทีมมีผลงานในลีกแตกต่างกันมากเหลือเกิน แชมป์เก่า ชนะรวด 2 นัด แถมผลักดันนักเตะหนุ่มๆรุ่นใหม่ให้ก้าวขึ้นมาสัมผัสเกม แถมยังมีกุนซือที่แก่กล้าทั้งบารมี และ ประสบการณ์อย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ควบคุมการผลิตด้วยตัวเอง

ด้าน “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ผลงานในยุโรป ถือว่าพวกเขาทำได้ดีมากๆ โดยเฉพาะในเกมเมื่อกลางสัปดาห์ที่สามารถบุกไปเอาชนะ อูดิเนเซ่ ทีมแกร่งจาก อิตาลี ได้ถึงถิ่น ฟริอูลี่ จนทำให้พวกเขาตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ประจำฤดูกาลนี้ได้สำเร็จแล้ว

อาร์เซนอล เพิ่งจะปล่อยสตาร์ดังออกจากทีมไปเป็นรายล่าสุดนั่นก็คือ ซาเมียร์ นาสรี่ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยว่าความจริงที่เกิดขึ้นในรั้ว เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม มันคืออะไรกันแน่ ในเมื่อ อาร์แซน เวนเกอร์ และ แฟนๆต้องการจะเห็นทีมของพวกเขากลับไปครองแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้นับตั้งแต่ได้แชมป์หนสุดท้ายเมื่อปี 2004

กลับมาที่บทวิเคราะห์ของเกมนี้ ซึ่งถ้ามองไปที่สภาพทีมของทั้งสองทีม เริ่มกันที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ล่าสุด เนมานย่า วีดิช อาจจะลงเล่นในเกมนี้ไม่ได้เพราะอาการบาดเจ็บนั่นทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ ต้องตัดสินใจว่าจะนำใครมาเป็นพาร์ตเนอร์ให้กับ ริโอ เฟอร์ดินานด์

ฟอร์มของ แดนนี่ เวลเบ็ค และ เวย์น รูนี่ย์ ทำให้ท่านเซอร์ มีทางเลือกที่ดีในการจัดทัพแดนหน้า กองกลางยิ่งมีให้ได้ใช้งานมากมาย รายของ ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ ได้เสียงเชียร์ท่วมท้น

ทั้งหลายทั้งมวลนี้มาจากความพยายามของเจ้าตัวที่มุ่งมั่นจะพิสูจน์ฝีเท้าให้ท่านเซอร์ได้เห็น และเขาก็ทำได้สำเร็จจริงๆเสียด้วย รอแค่สั่งสมประสบการณ์เพิ่มขึ้น ดูแววแล้วไม่แคล้วจะได้ขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมอีกหนึ่งรายในอนาคตได้อย่างแน่นอน

กรณี ดาวิด เด เกอา แม้จะยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้เหมือนกับตอนที่ค้าแข้งในลีกสเปน แต่เพื่อนร่วมทีม และ คนรอบข้าง ดูจะให้ความมั่นใจ และ ปกป้องเขาไม่น้อย เชื่อว่าเป็นเรื่องของความมั่นใจล้วนๆ

แต่จุดนี้ก็เป็นจุดที่สามารถตัดสินผลแพ้ชนะของเกม แต่ดูแววแล้ว เซอร์ อเล็กซ์ จะใช้บริการของนายประตูร่างโย่งชาวสเปนลงเฝ้าเสาในเกมสำคัญนี้อย่างแน่นอน

ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โชว์ฟอร์มให้เห็นว่าพวกเขามีโอกาสจะป้องกันแชมป์ไว้ได้ ในทางตรงกันข้ามสิ่งที่เราเห็นจาก อาร์เซนอล กลับกลายเป็นว่าพวกเขาไม่ได้ทุ่มเงินซื้อสตาร์ดังมาเสริมทีมชนิดที่แฟนๆต้องการ

แชร์วินโญ่ กองหน้าตัวใหม่ได้มาถือว่ามีดีในระดับหนึ่ง แต่เขาก็ต้องการเวลาสักระยะสำหรับการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับพรีเมียร์ลีก ยิ่งเกมนี้โดนแบนด้วยทำให้หมดสิทธิ์ลงช่วยทีมเช่นเดียวกับรายของ เอ็มมานูเอล ฟริมปง เด็กใจเกินร้อยแต่ใจก็ร้อนเกินร้อยเช่นกัน และ อเล็กซ์ ซง เรียกว่าสภาพทีมของ อาร์เซนอล ค่อนข้างบอบช้ำมากพอดู

คีย์แมน:

โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

ในยามที่ไร้เงาของ ฟาเบรกาส และนาสรี่ ความหวังในการทำเกม ดูจะต้องฝากไว้กับ ฟาน เพอร์ซี่ ไว้เพียงผู้เดียว ซึ่งลูกยิงไกลของ อาร์วีพี อาจจะสร้างปัญหาให้กับนายประตูจากสเปนได้ยลอย่างแน่นอน

เกร็ดที่น่าสนใจ:

- แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือทีมที่เล่นในบ้านได้ดีที่สุดในฤดูกาลก่อน เก็บได้ 55 จากทั้งหมด 57 คะแนนเต็ม
- อาร์เซนอล มีสถิติในการครองบอลต่อเกมเป็นค่าเฉลี่ยสูงกว่าทุกทีมในลีก

ความน่าจะเป็น:

เกมนี้จะตัดสินกันที่แดนกลาง ซึ่งดูแล้ว ณ เวลานี้ อาร์เซนอล ไม่ค่อยจะสมบูรณ์นัก โอกาสยันเสมอออกไปก็ถือว่ายาก กลับกัน ปิศาจแดง กำลังคึก และน่าจะเป็นฝ่ายได้เฮฮาเมื่อจบเกม

บทวิเคราะห์คู่อื่นๆ:

แอสตัน วิลล่า vs วูล์ฟแฮมป์ตัน

วิลล่า ทำผลงานได้น่าประทับใจทีเดียว ถือว่า อเล็กซ์ แม็คลีช เริ่มต้นได้ดี ทว่า วูล์ฟส์กลับทำได้น่าเซอร์ไพรส์กว่าเมื่อขึ้นมาอยู่ถึงอันดับ 3 ในตารางคะแนน แฟนๆวูล์ฟส์อย่าเพิ่งฝันหวานไปไกล วิลล่า น่าจะอาศัยเสียงเชียร์เบียดชนะไปแบบสนุก

วีแกน vs คิวพีอาร์

วีแกน ยังมีปัญหาในการจบสกอร์ ยิ่งเมื่อไม่มี ชาร์ลส์ เอ็นซ็อกเบีย ที่ย้ายทีมไปแล้ว พวกเขายิ่งฝืดเคืองประตูเข้าไปใหญ่ ด้าน คิวพีอาร์ พอจะหายใจได้แรงขึ้น เมื่อเกมนี้มีคะแนนสูงกว่าเจ้าบ้านเสียอีกและหวังจะใช้เกมโต้กลับเล่นงานใส่ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ดูแล้วน่าจะเสมอกันเป็นไปได้มากที่สุด

แบล็คเบิร์น vs เอฟเวอร์ตัน

อนาคตของ สตีฟ คีน อาจจะขึ้นอยู่กับเกมนี้ หาก แบล็คเบิร์น ไม่ชนะแบบประทับใจ โอกาสที่เขาจะถูกเชือดแล้วจับไปทอดเป็นไก่ทอดในสไตล์แบบไก่ทอด เวนกี้ มีสูงลิบลิ่ว ด้าน เอฟเวอร์ตัน หลังจากชนะใน คาร์ลิ่ง คัพ มาแบบสวยๆ น่าจะทำให้ความมั่นใจกลับมาไม่น้อย เกมนี้เลือก เอฟเวอร์ตัน จะเป็นฝ่ายทำได้ดีกว่าครับ

เชลซี vs นอริช ซิตี้

เชลซี สถิติเก่าๆข่ม นอริช มิดด้าม เกมนี้ได้ ฆวน มาตา มาเสริม ยิ่งเพิ่มอานุภาพการทำลายล้างให้มากขึ้นกว่าเดิม ด้าน นอริช เล่นมา 2 เกม ดูแววแล้วปีนี้ทั้ง พอล แลมเบิร์ต กุนซือและลูกทีมนกขมิ้นเหลืองอ่อนของเขาสาหัสแน่นอน เชลซี จะยิงทะลุ และ ตอร์เรส น่าจะได้ปลดปล่อยเสียที

สวอนซี vs ซันเดอร์แลนด์

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือหนุ่มของ สวอนซี คงเน้นให้ลูกทีมสู้กับผู้มาเยือนอย่างเต็มที่ ไม่ต้องปิดหน้า เพราะพวกเขามั่นใจในตัวเองสูง ส่วน ซันเดอร์แลนด์ ยังไม่ลงตัวนักเพราะมีการเปลี่ยนแปลงในทีมเยอะ ดูแล้วเจ้าถิ่นน่าจะมีสักแต้มจากเกมนี้ แต่ถ้าประมาทโอกาสจะน้ำตาตกคาบ้านก้มีเช่นกัน

ลิเวอร์พูล vs โบลตัน

หงส์แดง เล่นดีขึ้นเรื่อยๆ เกมนี้ได้เล่นในบ้าน โบลตัน อาจจะยิงติดๆกันมา แต่เทียบความแน่นอน เจ้าบ้านเหนือกว่าเยอะ ยิ่ง หลุยส์ ซัวเรซ กำลังเข้าฝัก ขณะที่ แอนดี้ คาร์โรลล์ ยิงได้แล้วในซีซั่นนี้จะช่วยลดความกดดันให้กับเจ้าตัวได้แน่นอน เจ้าบ้านจิก โบลตัน หงิก

นิวคาสเซิล vs ฟูแล่ม

อลัน พาร์ดิว พา นิวคาสเซิล สตาร์ทซีซั่นใหม่ได้ดีทีเดียว เกมนี้เฝ้าบ้านเจอกับ ฟูแล่ม น่าจะเป็นเกมที่สนุก ทว่า ฟูแล่ม ยังมีปัญหาเดิมๆคือเกมนอกบ้านชนะยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน ส่องกล้องแล้ว นิวคาสเซิล จะทำให้คนเชียร์กระเป๋าตุง แถมยังนอนหลับฝันดีฝันเด่นอีกต่างหาก

ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ vs แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ลูก้า โมดริช จะกลับมานำทัพไก่เดือยทองลงสนามอีกครั้ง แถมเกมนี้จะได้เจอกับของแข็งโป๊กอย่าง แมนฯ ซิตี้ มีหวังสู้กันสนุกถูกใจคอซาดิสม์  สเปอร์ส ดูจะเนือยๆไปในปีนี้หากเทียบจากช่วงซีซั่นก่อน เกมนี้ แมนฯซิตี้ ดูดีกว่าน่าจะเป็นฝ่ายบุกไปเก็บ 3 คะแนนสำคัญ

เวสต์บรอมวิช vs สโต๊ค

เป็นเกมที่น่าโยนหัวก้อยดีกว่า เพราะคู่คี่จริงๆ รอย ฮ็อดจ์สัน น่าจะเน้นให้ลูกทีมลุยแลกแน่ แต่ทั้งสองทีมคล้ายกันจนทำให้มองว่าหน้าเสมอน่าจะเป็นไปได้มากที่สุดครับ