กกท.จับมือสมาคมฟุตบอลร่วมถกแผนงานฟุตบอลอาชีพปี 56

กกท.จับมือสมาคมฟุตบอลร่วมถกแผนงานฟุตบอลอาชีพปี 56

กกท.จับมือสมาคมฟุตบอลร่วมถกแผนงานฟุตบอลอาชีพปี 56
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กกท.และสมาคมฟุตบอล ร่วมถกหารืองบประมาณและแผนงานฟุตบอลอาชีพในฤดูกาล 2013 กกท.เผยงบปีหน้าขอรัฐบาลแล้ว 3 ล้านแบ่งให้ฟุตบอล 1 ล้าน สมาคมฯ ยันคลับไลเซนซิ่งเสร็จทันกำหนดของเอเอฟซี แน่นอน ทีพีแอล เน้นทุกทีมควรให้ความสำคัญกับเรื่องสนามแข่งขัน พร้อมเผยปีหน้าแข้งนอกต้องมีเวิร์คเพอร์มิต

การประชุมแนวทางการสนับสนุนงบประมาณทีมสโมสรฟุตบอลอาชีพ ประจำปีงบประมาณ 2556 ซึ่งเป็นการประชุมร่วมกันของการกีฬาแห่งประเทศไทย,สมาคมฟุตบอลฯ,บ.ไทยพรีเมียร์ลีก และตัวแทนจากสโมสรฟุตบอลในไทยพรีเมียร์ลีก และดิวิชั่น 1

โดยมีสกล วรรณพงษ์ รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์ เป็นประธานในการประชุม ร่วมด้วย "บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฯ ดร.วิชิต แย้มบูญเรือง ประธานทีพีแอล นายวิมล กาญจนะ ประธานดิวิชั่น 2

และตัวแทนจากสโมสรต่างๆ โดยการประชุมมีขึ้นที่ห้อง 217 สนามราชมังคลากีฬาสถาน การกีฬาแห่งประเทศไทย หัวหมาก เมื่อช่วง 10.00 น.ที่ผ่านมา (21 ส.ค.)

สำหรับวาระการประชุมในครั้งนี้ ก็จะเป็นเรื่องของการจัดสรรงบประมาณในการจัดการแข่งขันฟุตบอลอาชีพทั้งในระดับไทยพรีเมียร์ลีก ดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 และเรื่องที่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญในการประชุมวันนี้คือเรื่องของคลับไลเซนซิ่ง ที่ทางเอเอฟซี กำหนดให้ทุกชาติสมาชิกต้องแล้วเสร็จในช่วงเดือนตุลาคมนี้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของเวิร์คเพอร์มิตของนักเตะต่างชาติที่จะเริ่มอย่างเป็นทางการในฤดูกาลหน้าเป็นต้นไป

สำหรับเรื่องของงบประมาณในการสนับสนุนฟุตบอลอาชีพนั้น นายสกล วรรณพงษ์ ได้เผยว่า "ในปีหน้าทาง กกท. ได้ทำเรื่องของบสนับสนุนจากทางรัฐบาลในส่วนของการสนับสนุนเรื่องกีฬาเป้นเงิน 3 พันล้านบาท โดยฟุตบอลจะได้รับเงินสนับสนุนประมาณ 1 พันบ้านบาท ซึ่งหากได้รับการอนุมัติก็จะนำมาจัดสรรแบ่งให้สโมสรต่างๆ ตามเกรดของ คลับไลเซนซิ่ง ที่ต้องทำให้แล้วเสร็จทันกำหนด

ในส่วนของเรื่องคลับไลเซนซิ่ง ด้าน นายองอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ ยืนยันว่าจะแล้วเสร็จตามกำหนดการของเอเอฟซีแน่นอน โดยทุกสโมสรจะต้องส่งเอกสารและรายละเอียดต่างๆ มาให้กับทางสมาคมฯ และทีพีแอล หลังจากนั้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน, ธันวาคม และมกราคม ปีหน้า ก็จะรู้ว่าทีมไหนจะผ่านเกณฑ์บ้าง พร้อมกันนี้เลขาธิการสมาคมฯ ยังยืนยันอีกว่าในปี 2013 สโมสรของไทยจะได้สิทธิ์เล่น เอเอฟซี แชมป์เปี้ยนลีก 1 ทีมครึ่ง ตามเดิม

พร้อมกันนี้ในเรื่องของคลับไลเซนซิ่ง ทาง ดร.วิชิต แย้มบุญเรื่อง ได้เสริมว่า "ทางเอเอฟซี ได้แบ่งเกรดของคลับไลเซนซิ่งเป็น 3 เกรด คือ A B และ C ซึ่งก็จะลดลั่นกันไปตามระดับของดิวิชั่นต่างๆ โดยที่สำคัญก็คือเรื่องของสนามแข่งขัน โดยทุกทีมควรจะมีสนามเป็นของตัวเอง ซึ่งปัจจุบันมีหลายสโมสรที่ยังใช้การเช่าสนามแข่งขันอยู่ ซึ่งอาจจะเกิดปัญหาภายหลังได้"

และสำหรับเรื่องของสนามนั้นทางตัวแทนจากชลบุรี เอฟซี โดยนายจีรศักดิ์ โจมทอง ผอฝ่ายประชาสัมพันธ์ เผยว่า "ขณะนี้ทางสโมสรชลบุรี ได้ร่วมมือกับ คณะสถาปัตยกรรม ม.รังสิต ในการสร้างแบบจำลองของสนามที่ได้มาตฐานของเอเอฟซี ว่าควรจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ซึ่งหลังจากแล้วเสร็จก็จะมีการนำแบบจำลองดังกล่าวแจกให้กับทุกๆ สโมสรในการนำไปปรับปรุงสนามของตัวเองต่อไป"

นอกจากนี้ นายคมกฤช นภาลัย ตัวแทนจากโอสถสภาฯ ยังได้เสนอให้มีการเน้นพัฒนาในส่วนของฟุตบอลระดับเยาวชนด้วย ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการำฒนาฟุตบอลอาชีพเช่นกัน

สำหรับเรื่องของเวิร์คเพอร์มิต หรือ ใบอนุญาตทำงาน ของนักเตะต่างชาติที่มาค้าแข้งในเมืองไทย ซึ่งแต่เดิมนั้นจะมาในรูปแบบของวีซ่านักท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎ อีกทั้งเมื่อนักเตะถูกเลิกจ้างก็จะไม่มีการจ่ายเงินชดเชยเพราะถือว่าไม่มีใบอนุญาตทำงาน โดยทางเอเอฟซีได้กำหนดให้ต้องมีเวิร์คเพอร์มิตที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยสั่งใช้มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่ยังไม่เริ่มใช้อย่างเป็นทางการ เนื่องจากยังมีบางสโมสรไม่ทราบรายละเอียดดังกล่าว โดยคาดว่าจะใช้อย่างเป็นทางการในฤดูกาลหน้าเป็นต้นไป

โดยเรื่องนี้ทาง "บิ๊กเปี๊ยก" ได้เตรียมเรียกตัวแทนแต่ละสโมสรและเชิญกระทรวงแรงงานมาร่วมหารือกันถึงเรื่องการออกใบอนุญาตการทำงานของนักฟุตบอลต่างชาติ โดยทาง กกท.ก็ได้เสนอแนวคิดให้ออกวีซ่านักฟุตบอลที่มาในนามนักท่องเที่ยวมีวงเล็บระบุด้วยว่ามาเล่นฟุตบอลหรือทดสอบฝีเท้าเพื่อจะได้มีการออกสัญญาที่ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป

สำหรับแนวทางและข้อเสนอต่างๆ ในที่ประชุมครั้งนี้ ทาง กกท.และสมาคมฯ จะมีการหารือและประชุมร่วมกันอีกครั้งภายในเดือนนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook