‘เชียร์ไทยทั้งแผ่นดิน’
น่าจะเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ “แฟนบอล” พูดถึง “บอลไทย” มากที่สุด
หลังจากฟอร์มการเล่นที่เกินคาดจากการบุกไปแพ้ ออสเตรเลีย แบบได้ลุ้น 1-2 ที่เสียประตูตัดสินเกมในช่วงท้ายปลายเกม
ทำให้จิตใจคอบอลไทยเริ่มพองโต และเริ่มจะ “มีหวัง” ในการทำงานของ วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือชาวเยอรมนี และชาวคณะ ว่าจะทำให้บอลไทยไปได้ไกลกว่าที่คิด
ความหวังจึงมาอยู่ที่วันอังคารนี้ กับ โอมาน อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ยังข้องใจว่า ทำไมต้องโอมานอีกแล้ว!
เมื่อ 3 ปีก่อน ทีมชาติไทย ออกสตาร์ตด้วยการบุกไปแพ้ ญี่ปุ่น 1-4 แต่เรียกความสะใจได้อย่างมาก หลังจากเราสามารถตีเสมอได้สำเร็จ จากการสับไกแบบสุดยอดของ “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย
ก่อนจะกลับมาเตะที่บ้านด้วยความหวังกับ โอมาน!
ครั้งนั้นถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งเหมือนกันที่มีการรวมตัวของแฟนฟุตบอลอย่างเป็นทางการ มีการจัดทำโครงการเป็นอย่างรูปธรรม
จากการจับมือกันของ บริษัท โซดาไฟ จำกัด โดย คุณมนตรี สุนทรประเวส และ กลุ่มเชียร์ไทย โดยคุณพินิจ งามพริ้ง ร่วมกันจัดงาน เชียร์ไทยทั้งแผ่นดิน
โชคดีอีกครั้งในชีวิตที่ “พี่ตรี” ที่เคยมีโครงการจะนำผมไปจัดรายการ ได้เลือกให้ผมไปเป็นพิธีกรในกิจกรรมนี้ทุกครั้ง ถือเป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต
ไม่น่าเชื่อยิ่งกว่าว่า “พี่ตรี โซดาไฟ” จะเป็นเพื่อนกับ “พี่ปุ๊ กว่างโจว” แฟนรายการพันธุ์แท้ของผมอีกต่างหาก โดยเพิ่งทราบเรื่องนี้เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน ระหว่างงานเลี้ยงต้อนรับ “พี่ปุ๊” กลับเมืองไทย ที่ร้านลาบน้ำตก พระราม 3 !!!!!
โลกนี้มันกลมจริง ๆ ครับพี่น้อง
ตัดกลับมาที่ งานเชียร์ไทยทั้งแผ่นดินครั้งที่ 1 ด้วยการรวมตัวแฟนบอลผู้รักชาติกว่า 1,000 คน ร่วมกันชมเกมถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก นัดที่ไทยบุกแพ้ญี่ปุ่น 1-4 เมื่อ 6 กุมภาพันธ์ ปี 2008 ที่ลานกิจกรรม ตะวันนา สแควร์
ครั้งนั้นมีคอนเซปต์ที่ว่า "ตายไม่ตายกูไม่รู้แต่จะสู้เพื่อเมืองไทย"
ครั้งนั้นยิ่งมืดคนยิ่งเยอะขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทุกคนนั้นรับได้กับความพ่ายแพ้ ในฐานะพิธีกรต้องบิวต์อารมณ์ทุกท่านแบบสุดขั้ว ก่อนจะเอาตัวรอดมาได้
จากนั้นในครั้งที่ 2 ได้จัดกิจกรรมที่ชื่อว่า "พลิกฟื้นด้วยใจ บอลไทยยังไม่ตาย" ก่อนเกมที่จะดวลกับ โอมาน
ครั้งนี้จัดขึ้นใหญ่ขึ้น มีการแถลงข่าวกึ่งเสวนาในหัวข้อ "พลิกฟื้นด้วยใจ บอลไทยยังไม่ตาย" ในวันที่ 19 มีนาคม ที่ใต้ถุนอัฒจันทร์ฝั่งมีหลังคา สนามศุภชลาศัย
พร้อมกับมีการเชิญบุคคลในวงการมาสัมภาษณ์กันอย่างมากมาย นำโดย “มร.โอเค” คุณองอาจ ก่อสินค้า เลขาฯสมาคมฟุตบอลฯ
รวมถึงมีแฟนฟุตบอลตัวแทนจากเชียร์ไทย กว่าครึ่งร้อย ออกรณรงค์ตามแหล่งชุมชนชั้นนำ อาทิ สยามสแควร์, มาบุญครอง, จตุจักร และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อกระตุ้นพร้อมประชาสัมพันธ์ให้แฟนบอลชาวไทยร่วมเข้าไปให้กำลังใจนักเตะไทย
จนมาถึงวันแข่งขันจริง ในวันที่ 26 มีนาคม ที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก ได้มีการจัดกิจกรรมหน้าสนาม ณ เวทีเชียร์ไทย พร้อมกับมีการแพลนเอาไว้แล้วว่า จะพูดคุยกันทั้งก่อนและหลังเกม
ก่อนเกมนั้นไม่มีปัญหาอะไร ได้คุยกับอดีตนักเตะทีมชาติไทย คุณเฉลิมวุฒิ สง่าพล และ คุณวีรยุทธ สวัสดี พร้อมกับมีการบันทึกเทปรายการไปออนแอร์ทางช่อง 11 ในรายการ “เชียร์ไทยทั้งแผ่นดิน” ในคืนวันเดียวกันนั้นอีกด้วย
ปัญหามันก็คือ ผลที่ออกมาคือการพ่ายแพ้ของทีมชาติไทย ที่เสียประตูตั้งแต่นาทีแรกของเกม ทำให้โอกาสเข้ารอบมืดมนตั้งแต่สองเกมแรก
ยังจำได้ว่า แฟนบอลที่ออกมาทั้งผิดหวัง และเสียใจกันสุด ๆ ก่อนจะมาเฝ้ารอนักเตะที่จะออกมาให้สัมภาษณ์ที่เวทีเชียร์ไทย ตามหมายกำหนดการเดิม ซึ่งตอนนั้น ผมกับ “พี่หนุ่ย-เฉลิมวุฒิ” ที่จะต้องดำเนินการสัมภาษณ์นั้น เครียดกันไปหมด
เรารอกว่า 1 ชั่วโมง ช่วยบิวต์ทอนกระแสความแรงของแฟนบอลให้ค่อยลดลง...ลดลง...แล้วก็ลดลงเรื่อยๆ กระทั่ง คุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง ผู้จัดการทีมในตอนนั้น นำนักเตะทั้งหมดออกมาเพื่อพูดคุยกับแฟนฟุตบอล ก่อนจะได้รับเสียงปรบมือดังสนั่น
ไม่มีเสียงโห่หรือภาพความช้ำใจแบบช่วงแรกอีกแล้ว
เป็นภาพที่ประทับใจมิรู้ลืม...
วันนี้ไม่ได้มีการทำโครงการแบบนั้นอีก แต่เป็นสิ่งที่แฟนบอลชาวไทยจะต้องทำกันต่อ นั่นก็คือไปร่วมใจเชียร์กันที่สนาม ด้วยจุดประสงค์เดียวกันนั่นคือ หนุนหลังทีมชาติไทย และหวังใจว่าสุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมา
จะลบแค้นที่ฝังหุ่นที่ฝังมานาน..3 ปี!
เรื่องโดย "บี แหลมสิงห์"
ขอบคุณเนื้อหาจากคอลัมน์"may i come in please" นสพ.กีฬาฮอตสกอร์
<< ธีรศิลป์ แดงดากับลูกยิงนำออสเตรเลีย 1-0 >>
<< คลิปธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าทีมชาติไทย>>
<< คลิกเพื่อชมภาพใหญ่ >>