วิเคราะห์-วิจารณ์ ฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก
วิเคราะห์วิจารณ์ ศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก คืนวันที่ 13 ก.ย 54 เป็นการลงเตะรอบแบ่งกลุ่มนัดแรกของแต่ละสาย โดย มีบิ๊กแมตซ์ให้เลือกชมหลายคู่ ไม่ว่าจะเป็น เชลซี พบ เลเวอร์คูเซ่น,บาร์เซโลน่า พบ เอซี มิลาน และ ดอร์ทมุนด์ พบ อาร์เซนอล
กลุ่มอี
เชลซี – เลเวอร์คูเซ่น
คิกออฟ: 01.45 น.
สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์
ผู้ตัดสิน: สเตฟาน ล็องนอย (ฝรั่งเศส)
ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีม
เชลซี
10 ก.ย. 54 ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 2-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
27 ส.ค. 54 ชนะ นอริช 3-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
20 ส.ค. 54 ชนะ เวสต์บรอมวิช 2-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
14 ส.ค. 54 เสมอ สโต๊ค 0-0 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
6 ส.ค. 54 ชนะ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส 3-1 (เยือน) กระชับมิตร
เลเวอร์คูเซ่น
9 ก.ย. 54 ชนะ เอาก์สบวร์ก 4-1 (เยือน) บุนเดสลีกา
27 ส.ค. 54 เสมอ ดอร์ทมุนด์ 0-0 (เหย้า) บุนเดสลีกา
20 ส.ค. 54 ชนะ สตุ๊ตการ์ต 1-0 (เยือน) บุนเดสลีกา
14 ส.ค. 54 ชนะ เบรเมน 1-0 (เหย้า) บุนเดสลีกา
7 ส.ค. 54 แพ้ ไมนซ์ 0-2 (เยือน) บุนเดสลีกา
ผลงานการพบกันที่ผ่านมา
ไม่เคยพบกัน
ความพร้อม-สภาพทีม
เชลซี
ดิดิเยร์ ดร็อกบา ดาวยิงตัวเก๋า ยังต้องพักต่อไปจากอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ ซึ่งทำให้เขาพลาดเกมพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุดมาแล้ว โดยตั้งเป้าจะฟิตให้ทันเกมสำคัญกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในนัดหน้าแทน
มิกาเอล เอสเซียง มิดฟิลด์จอมถึก เป็นนักเตะตัวหลักอีกเพียงคนเดียวที่ยังพักยาวอยู่เช่นเดิม เพราะปัญหาการบาดเจ็บที่เข่าตั้งแต่ก่อนเปิดซีซั่น
เกมนี้อังเดร วิลลาส โบอาสต้องตัดสินใจว่าจะส่งเฟร์นานโด ตอร์เรส หัวหอกสุดฝืด กลับมาลงสนามเป็นตัวจริงหรือไม่ หลังโดนดร็อปไปเป็นตัวสำรองในเกมล่าสุด ซึ่งแดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ กองหน้าทีมชาติอังกฤษชุดยู-21 ได้รับโอกาสลงเล่นเป็นนัดแรกในฤดูกาล และทำผลงานได้ดีโดยกดไปหนึ่งประตูด้วย
ในแดนกลางจอห์น โอบี มิเกลที่ถูกดร็อปไปในนัดก่อน ก็หวังได้กลับมาลงสนามในนัดนี้เช่นกัน ส่วนแนวรับดาวิด หลุยซ์ก็รอโอกาสลงเตะนัดแรกในซีซั่น หลังฟิตกลับมาแล้วแต่ยังไม่ถูกใช้งานในเกมที่ผ่านมา
สองนักเตะใหม่ที่ทำผลงานได้ดีอย่างฆวน มาตาและราอูล เมเรเลสก็หวังจะรักษาตำแหน่งตัวจริงในทีมเอาไว้ในเกมนี้
ผู้เล่นบาดเจ็บ: ดิดิเยร์ ดร็อกบา, มิกาเอล เอสเซียง
ความพร้อม-สภาพทีม
เลเวอร์คูเซ่น
มิชาเอล บัลลัค มิดฟิลด์ตัวเก๋า กลับมาเยือนถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์อีกครั้งในสีเสื้อของเลเวอร์คูเซ่น แต่ยังไม่แน่ว่าจะได้ลงเตะกับทีมเก่า เพราะอาจมีชื่อเป็นเพียงตัวสำรองในเกมนี้ หลังได้ลงเล่นในเกมบุนเดสลีกานัดล่าสุดไป
แบร์นด์ ลีโน่ นายทวารวัย 19 ปี จะยังรับหน้าที่เฝ้าเสาให้ทีมห้างขายยาต่อไป หลังจากเรเน่ อ๊าดเลอร์ นายประตูดีกรีทีมชาติเยอรมัน ยังคงเจ็บยาวอยู่ ส่วนฟาเบียน เกเฟอร์ มือสองของทีม ก็มาเดี้ยงไปอีกในนัดเปิดฤดูกาล ทำให้ส้มมาหล่นอยู่กับโกล์ดาวรุ่งที่ถูกยืมตัวมาจากสตุ๊ตการ์ตรายนี้ที่คว้าไว้ได้แบบไม่ยอมให้หลุดมือ
เลเวอร์ฯ ไม่มีตรันกีโญ่ บาร์เน็ตต้า มิดฟิลด์ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งต้องพักยาวหลังเข้ารับการผ่าตัดหัวเข่าที่เจ็บเรื้อรังไปตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่น
โรบิน ดุตต์ กุนซือคนใหม่ ซึ่งเข้ามารับงานต่อจากจุปป์ ไฮย์เกสที่ชิ่งไปคุมทีมบาเยิร์น มิวนิคแทน น่าจะยึดระบบเดิมของทีมในแบบ 4-2-3-1 โดยมีลาร์ส เบนเดอร์กับไซม่อน โรลเฟสเป็นสองมิดฟิลด์ตัวกลาง เรนาโต้ ออกุสโต้ยืนเป็นตัวปั้นเกมรุก โดยมีซิดนี่ย์ แซมกับอังเดร ชูร์เล่เป็นตัวขึ้นเกมริมเส้น ขณะที่สเตฟาน คีสลิ่งกับเอเรน แดร์ดิย็อคถูกสลับสับเปลี่ยนกันลงยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า
ผู้เล่นบาดเจ็บ: ตรันกีโญ่ บาร์เน็ตต้า, เรเน่ อ๊าดเลอร์, ฟาเบียน เกเฟอร์
วิเคราะห์รูปเกม
อังเดร วิลลาส โบอาสจะได้พิสูจน์ฝีมืออีกงานในการคุมทีมเชลซีลงเตะถ้วยยุโรป ซึ่งเขาเคยนำปอร์โต้คว้าแชมป์ยูโรป้าลีกได้เมื่อฤดูกาลก่อน สิงห์บลูส์ มีนักเตะให้เลือกใช้งานมากพอ ขึ้นอยู่กับว่าจะปรับเปลี่ยนทีมหรือพักผู้เล่นมากน้อยแค่ไหน เพราะมีเกมสำคัญกับแมนฯ ยูไนเต็ดรออยู่ในนัดหน้าด้วย ส่วนเลเวอร์ฯ ฟอร์มเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้นหลังสะดุดในการออกสตาร์ตบุนเดสลีกาฤดูกาลนี้ โรบิน ดุตต์ ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองเช่นกันในการได้เข้ามานั่งเก้าอี้ตัวนี้ แต่กุนซือทีมห้างขายยาดูจะมีข้อจำกัดกว่าในเรื่องตัวผู้เล่น โดยเฉพาะแนวรับและแดนกลางบางส่วนที่อาจจะกรอบ เพราะลงเล่นมาตลอดทุกนัด เกมนี้เจ้าบ้านที่เริ่มเรียกความมั่นใจกลับมาได้ น่าจะอาศัยความได้เปรียบในถิ่นบวกกับความเก๋าที่มากกว่า คว้าชัยชนะไว้ได้เป็นประเดิม
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม:
เชลซี (4-3-3): ปีเตอร์ เช็ก; บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, จอห์น เทอร์รี่, ดาวิด หลุยซ์, แอชลี่ย์ โคล; ราอูล เมเรเลส, จอห์น โอบี มิเกล, แฟรงค์ แลมพาร์ด; ฟลอร็องต์ มาลูด้า, แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, ฆวน มาตา
โค้ช: อังเดร วิลลาส โบอาส
เลเวอร์ฯ (4-2-3-1): แบร์นด์ ลีโน่; ดาเนี่ยล ชว้าบ, สเตฟาน ไรนาร์ทซ์, โอเมอร์ โทปรัค, กอนซาโล่ คาสโตร; ไซม่อน โรลเฟส, ลาร์ส เบนเดอร์; อังเดร ชูร์เล่, เรนาโต้ ออกุสโต้, ซิดนี่ย์ แซม; สเตฟาน คีสลิ่ง
โค้ช: โรบิน ดุตต์
ฮอตสกอร์: เชลซีชนะ 2-0
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เกงค์ – บาเลนเซีย
คิกออฟ: 01.45 น.
สนาม: คริสตัล อารีน่า
ผู้ตัดสิน: โธมัส ไอน์วอลเลอร์ (ออสเตรีย)
ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีม
เกงค์
10 ก.ย. 54 ชนะ แซงต์ ทรุยด็อง 4-3 (เยือน) ด.1 เบลเยียม
27 ส.ค. 54 เสมอ เมเชเลน 0-0 (เหย้า) ด.1 เบลเยียม
23 ส.ค. 54 ชนะ มัคคาบี้ ไฮฟา 2-1 (เหย้า) แชมเปี้ยนส์ลีก
20 ส.ค. 54 แพ้ เซอร์เคิล บรูกก์ 2-3 (เยือน) ด.1 เบลเยียม
17 ส.ค. 54 แพ้ มัคคาบี้ ไฮฟา 1-2 (เยือน) แชมเปี้ยนส์ลีก
บาเลนเซีย
10 ก.ย. 54 ชนะ แอตเลติโก มาดริด 1-0 (เหย้า) ลา ลีกา
27 ส.ค. 54 ชนะ ราซิ่ง ซานตาเดร์ 4-3 (เหย้า) ลา ลีกา
14 ส.ค. 54 เสมอ อัลเมเรีย 0-0 (เยือน) กระชับมิตร
12 ส.ค. 54 ชนะ โรม่า 3-0 (เหย้า) กระชับมิตร
6 ส.ค. 54 แพ้ ลิเวอร์พูล 0-2 (เยือน) กระชับมิตร
ผลงานการพบกันที่ผ่านมา
ไม่เคยพบกัน
ความพร้อม-สภาพทีม
เกงค์
เกงค์เสียทอร์เบน โยเนเล่ต์ กองหลังตัวสำคัญ ซึ่งเจ็บเข่าไปจากเกมลีกเมื่อสองนัดก่อน และต้องพักยาวหลายเดือน
เยลเล่ ฟอสเซ่น ศูนย์หน้าทีมชาติเบลเยียม จะยังเป็นกำลังสำคัญในแนวรุกของทีม หลังทำประตูได้ในเกมรอบเพลย์ออฟมาแล้ว
เลอันโดร กริมี่ กองหลังตัวใหม่ชาวอาร์เจนตินา ถูกยืมตัวมาเสริมทีมในโค้งสุดท้าย และต้องรอลุ้นโอกาสประเดิมสนามในแชมเปี้ยนส์ลีกเกมนี้
ผู้เล่นบาดเจ็บ: ทอร์เบน โยเนลเล่ต์
ความพร้อม-สภาพทีม
บาเลนเซีย
ทีมตราค้างคาวหวังพึ่งการถล่มประตูของโรเบร์โต้ โซลดาโด้ ดาวยิงตัวเก่ง ที่จะยืนเป็นหัวหอกตัวเป้าเช่นเดิมในเกมนี้
ปาโบล ปิอัตติ กองหน้าตัวใหม่ จะประเดิมสนามนัดแรกในแชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยการลงไปปั้นเกมในแดนกลางร่วมกับปาโบล เฮอร์นานเซและเซร์คิโอ คานาเลส
เอเวอร์ บาเนก้าและเมห์เม็ต โทปัลจะยังเป็นสองมิดฟิลด์คู่กลาง ส่วนแนวรับมีริคาร์โด้ คอสต้า, อดิล รามี่, ฆอร์ดี้ อัลบา และบรูโน่ลงยืนเป็นกำลังสำคัญเช่นเดิม
วิเคราะห์รูปเกม
เกงค์มีประสบการณ์ไม่มากนักในรายการนี้ เมื่อเจอกับทีมที่กระดูกเบอร์ใหญ่กว่าอย่างบาเลนเซียยังถือเป็นรองอยู่พอสมควร แม้นัดนี้จะได้เล่นในบ้านก็ตาม แถมความพร้อมทีมเยือนก็ดูจะดีกว่า เพราะทีมเล่นแบบเน้นระบบ แม้สตาร์ตัวเก่งจะถูกดูดออกไปทุกปีๆ แต่ก็มีตัวขึ้นมาทดแทนได้ตลอดเวลา โรแบร์โต้ โซลดาโด้ หัวหอกตัวเก่ง ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างเปรี้ยงปร้าง ทำให้เกมนี้ทีมตราค้างคาวน่าจะอาศัยเกมรุกที่มีประสิทธิภาพบุกเข้าโจมตีเจ้าบ้านได้ดีกว่า และเป็นฝ่ายใช้ทีเด็ดทีขาดเก็บชัยชนะกลับไปได้
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม:
เกงค์ (4-3-3): ลาซโล โคเตเลส; อเนเล่ เอ็นจีคองก้า, เดวิด ฮูเบิร์ต, นาดสัน, เลอันโดร กริมี่; โธมัส บุฟเฟล, ดาเนี่ยล โทเซอร์, ดาเนี่ยล พูดิล; เอลยานีฟ บาร์ด้า,เยลเล่ ฟอสเซ่น, เคนเนดี้ เอ็นวานกังก้า
โค้ช: มาริโอ บีน
บาเลนเซีย (4-2-3-1): บิเซนเต้ กัวอิต้า; ริคาร์โด้ คอสต้า, อดิล รามี่, ฆอร์ดี้ อัลบา, บรูโน่; เอเวอร์ บาเนก้า, เมห์เหม็ด โทปัล; ปาโบล ปิอัตติ, ปาโบล เฮอร์นานเดซ, เซร์คิโอ คานาเลส; โรแบร์โต้ โซลดาโด้
โค้ช: อูไน เอเมรี่
ฮอตสกอร์: บาเลนเซียชนะ 2-0
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ปอร์โต้-ชัคตาร์ โดเน็ตส์
สนาม : เอสตาดิโอ ดู ดราเกา
เวลาคิกออฟ : 01.45 น.
ปอร์โต้-ผลงาน 5 นัดหลังสุด
9 ก.ย.2011 ชนะ เซตูบัล 3-0 (เหย้า) ซอน ซาเกรส
6 ก.ย.2011 ชนะ ไลเรีย 5-2 (เยือน) ซอน ซาเกรส
26 ส.ค.2011 แพ้ บาร์เซโลน่า 0-2 (กลาง) ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ
19 ส.ค.2011 ชนะ กิล วิเซนเต้ 3-1 (เหย้า) ซอน ซาเกรส
14 ส.ค.2011 ชนะ กิมาไรส์ 1-0 (เยือน) ซอน ซาเกรส
ความพร้อม-สภาพทีม
วิคตอร์ เปไรร่า กุนซือคนใหม่ที่เข้ามาคุมทีมแทนที่ อังเดร วิลลาส โบอาส เกมนี้ยังต้องรอดูอาการของ ฮัล์ค กองหน้าตัวเก่ง เนื่องจากยังมีปัญหาที่ข้อเท้า และพลาดลงในเกมลีกที่ชนะเซตูบัล หากไม่พร้อม คริสเตียน โรดริเกวซ จะได้สตาร์ตอีกครั้ง ขณะที่ เจมส์ โรดริเกวซ แนวรุกชาวโคลอมเบียที่ทำผลงานได้ดีในนัดล่าสุด อาจได้โอกาสอีกหน
ชัคตาร์ โดเน็ตส์-ผลงาน 5 นัดหลังสุด
9 ก.ย.2011 ชนะ โวลีน 5-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
28 ส.ค.2011 เสมอ เชอร์โนโมเร็ตส์ 2-2(เยือน) พรีเมียร์ลีก
21 ส.ค.2011 ชนะ อิลลิเชเว็ตส์ 3-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
13 ส.ค.2011 ชนะ ดนิโปร 3-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
7 ส.ค.2011 ชนะ ครีฟบาส 2-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
ความพร้อม-สภาพทีม
เมียร์เซีย ลูเชสคู บิ๊กบอสชาวโรมาเนีย เกมนี้ไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ ให้กังวล และเตรียมจัดทัพชุดใหญ่ ในระบบ 4-4-2 แผงแบ็กโฟร์มี ดิมิโทร ชิกรินสกี้ กับ โทมัส ฮุบส์ชแมน ทำหน้าที่ปราการหลังตัวกลาง แดนกลางใช้สอง
สตาร์บราซิลอย่าง แจดสัน กับ เฟอร์นันดินโญ่ เป็นตัวขับเคลื่อน และให้ วิลเลี่ยน จับคู่พาร์ตเนอร์ เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา ในเกมรุก
วิเคราะห์เกม
แชมป์ ยูโรป้า ลีก เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ออกสตาร์ตในลีก ฤดูกาลนี้ด้วยชัยชนะ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม ขณะที่ จ่าฝูง ลีก ยูเครน ไร้พ่ายติดต่อกันมาแล้ว 15 นัด ถือว่าเป็นบอลถูกคู่ ที่น่าจะเล่นกันได้อย่างสนุกสูสีอย่างแน่นอน คู่นี้แนวโน้ม โอกาสจบด้วยผลเสมอสูงก็จริง แต่หากจะเลือกผู้ชนะ อิง ปอร์โต้ ที่เก๋าเกมในถ้วยยุโรป ที่จะได้ชัยเกมแรกในรอบแบ่งกลุ่มไปครอง
ผู้เล่น 11 คนแรกตามคาด
ปอร์โต้ (4-3-3) : เฮลตัน,ไมค่อน,อัลบาโร่ เปไรร่า,ฆอร์เก้ ฟูซิเล่,โรแลนโด้,เฟร์นานโด้ เบลลุสชี่,ซัวซ่า,สตีเฟ่น เดฟูร์,เจมส์ โรดริเกวซ,เคลเบอร์,ฮัล์ค
ชัคตาร์ โดเน็ตส์ (4-4-2): โอเล็กซานเดอร์ ริบก้า,ดาริโอ เซอร์น่า,ดิมิโทร ชิกรินสกี้,โทมัส ฮุบส์ชแมน,ยาโรสลาฟ ราคิตสกี้,อลัน,แจดสัน,เฟอร์นานดินโญ่,ดั๊กลาส คอสต้า,วิลเลี่ยน,เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา
ฮอตสกอร์:ปอร์โต้ ชนะ 1-0
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
กลุ่ม เอช
บาร์เซโลน่า - เอซี มิลาน
สนาม : คัมป์ นู
เวลา : 01.45 น.
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม
26/04/06 บาร์เซโลน่า 0 - 0 มิลาน
18/04/06 มิลาน 0 - 1 บาร์เซโลน่า
02/11/04 บาร์เซโลน่า 2 - 1 มิลาน
20/10/04 มิลาน 1 - 0 บาร์เซโลน่า
18/10/00 มิลาน 3 - 3 บาร์เซโลน่า
26/09/00 บาร์เซโลน่า 0 - 2 มิลาน
บาร์เซโลน่า - ผลงาน 5 นัดหลังสุด
18-08-11 ชนะ เรอัล มาดริด 3-2 (เหย้า)
23-08-11 ชนะ นาโปลี 5-0 (เหย้า)
27-08-11 ชนะ ปอร์โต้ 2-0 (เหย้า)
30-10-11 ชนะ บีญาร์เรอัล 5-0 (เหย้า)
10-09-11 เสมอ เรอัล โซเซียดัด 2-2 (เยือน)
ความพร้อม
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พักนักเตะตัวหลักในเกมเมื่อวันเสาร์จนได้เรื่อง เมื่อนำ 2 ประตูอยู่ดีๆโดนเรอัล โซเซียดัดไล่ตีเสมอ 2-2
นัดนี้ทีมเรียกตัวหลักที่พักไว้กลับมาหมด แนวรับได้ข่าวดีเมื่อ คาร์เลส ปูโยล หายเจ็บกลับมาคุมเกมรับได้แล้ว แต่ยังไม่มีเจราร์ด ปีเก้ที่ยังเจ็บอยู่ทำให้ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ได้ลงแทน
ส่วนแดนกลางอันเดรส อินิเอสต้ากลับมาออกสตาร์ต ร่วมกับชาบี้ และเซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ในส่วนแนวรุก ลิโอเนล เมสซี่ลงประสานงานร่วมกับ เปโดร โรดริเกซ และดาวิด บีญ่า ส่วนเชส ฟาเบรกาส ที่ยิงไปแล้ว 3 ประตูได้พัก ขณะที่อเล็กซิส ซานเชซ กองหน้าทีมชาติชิลีบาดเจ็บหมดสิทธิแน่นอน
ผู้เล่น 11 คนแรกตามคาด
(4-3-3) บิคตอร์ บัลเดส,ดาเนี่ยล อัลเวส,ฮาเวียร์ มาสเคราโน่,คาร์เลส ปูโยล,เอริก อบิดัล,ชาบี้,เซร์คิโอ บุสเก็ตส์,อันเดรส อินิเอสต้า,เปโดร,ลิโอเนล เมสซี่,ดาวิด บีญ่า
เทรนเนอร์ : โจเซ็ป กวาร์ดิโอล่า
เอซี มิลาน - ผลงาน 5 นัดหลังสุด
06-08-11 ชนะ อินเตอร์ มิลาน 2-1 (เหย้า)
14-08-11 เสมอ มัลโม่ 2-2 (เยือน)
22-08-11 ชนะ ยูเวนตุส 2-1 (เหย้า)
01-09-11 ชนะ โคโม่ 2-1 (เยือน)
10-09-11 เสมอ ลาซิโอ 2-2 (เหย้า)
ความพร้อม
เอซี มิลาน เปิดสนามกัลโช่ไปเมื่อวันศุกร์ทำได้แค่เสมอกับลาซิโอไป 2-2 ถือว่าเสียฟอร์มไปพอสมควรสำหรับแชมป์เก่า
สภาพทีมพวกเขาจะไม่มี ฟิลิปป์ เม็กแซส กองหลังที่ได้มาจากโรม่าเนื่องจากติดโทษแบน และบาดเจ็บพอดี แต่ไม่มีปัญหาทีมจะส่ง ติอาโก้ ซิลวา และ อเลสซานโดร เนสต้ายืนคู่กัน โดยมีอิ๊กนาซิโอ อบาเต้ และลูก้า อันโตนินี่เป็นวิงแบ็ก
ส่วนแดนกลางจะได้มาร์ค ฟาน บอมเมล หายเจ็บกลับมาออกสตาร์ตชนกับทีมเก่า ร่วมด้วยมัสซิโม อัมโบรซินี่,อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ และ เควิน ปริ๊นซ์ บัวเต็ง คู่หน้าใช้ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เด็กเก่าบาร์ซ่าจับคู่กับ อันโตนิโอ คาสซาโน่ เด็กเก่าเรอัล มาดริด
ผู้เล่น 11 คนแรกตามคาด
(4-3-1-2) คริสเตียน อับเบียติ,อิ๊กนาซิโอ อบาเต้,ติอาโก้ ซิลวา,อเลสซานโดร เนสต้า,ลูก้า อันโตนินี่,มัสซิโม อัมโบรซินี่,มาร์ค ฟาน บอมเมล,อัลแบร์โต้ อาควิลานี่,เคสิน ปริ๊นซ์ บัวเต็ง,ซลาตัน อิบราฮิโมวิช,อันโตนิโอ คาสซาโน่
เทรนเนอร์ : มักซิมิเลียโน่ อัลเลกรี
วิเคราะห์รูปเกม
บาร์เซโลน่าแชมป์เก่าของรายการ ถือว่าเสียฟอร์มทีเดียวในเกมที่แล้ว และแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีจุดอ่อนที่เกมรับยามโดนกดดันหนักๆ เหมือนเดิม เกมนี้เล่นในบ้านเจอกับ เอซี มิลาน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ติงเด็กไม่ให้ประมาทอีกแล้ว ด้วยศักยภาพของทีมที่มีมากกว่าเป็นโอกาสดีที่พวกเขาจะประเดิม 3 แต้มแรกในบ้านตัวเองได้เพราะด้วยระบบที่เหนือและเกรดบอลนักเตะที่ดีกว่ายังไงบาร์เซโลน่าก็มีเฮ
ฮอตสกอร์ : บาร์เซโลน่า ชนะ 2-0
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
กลุ่ม เอฟ
โอลิมเปียกอส – มาร์กเซย
คิกออฟ: 01.45 น.
สนาม: คาไรสคาคิส สเตเดี้ยม
ผู้ตัดสิน: เปโดร โปรเอนซ่า (โปรตุเกส)
ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีม
โอลิมเปียกอส
9 ก.ย. 54 เสมอ โอเอฟไอ ครีต 0-0 (เหย้า) กระชับมิตร
21 ส.ค. 54 เสมอ อินเตอร์ มิลาน 2-2 (กลาง) กระชับมิตร
17 ส.ค. 54 ชนะ กาลาตาซาราย 1-0 (เหย้า) กระชับมิตร
13 ส.ค. 54 เสมอ พีเอเอส จิอันนิน่า 0-0 (เยือน) กระชับมิตร
4 ส.ค. 54 เสมอ เวสต์บรอมวิช 2-2 (เหย้า) กระชับมิตร
มาร์กเซย
10 ก.ย. 54 แพ้ แรนส์ 0-1 (เหย้า) ลีกเอิง
28 ส.ค. 54 แพ้ ลีลล์ 2-3 (เยือน) ลีกเอิง
21 ส.ค. 54 เสมอ แซงต์ เอเตียน 0-0 (เหย้า) ลีกเอิง
14 ส.ค. 54 เสมอ โอแซร์ 2-2 (เยือน) ลีกเอิง
6 ส.ค. 54 เสมอ โซโชซ์ 2-2 (เหย้า) ลีกเอิง
ผลงานการพบกันที่ผ่านมา
27 ก.ย. 38 ยูฟ่า คัพ มาร์กเซย 3 – 0 โอลิมเปียกอส
13 ก.ย. 38 ยูฟ่า คัพ โอลิมเปียกอส 1 – 2 มาร์กเซย
ความพร้อม-สภาพทีม
โอลิมเปียกอส
เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ กุนซือชาวสเปน พร้อมใช้งานนักเตะชุดฟูลทีมได้ในเกมนี้ หลังจากทีมยังไม่ได้ลงเตะเลย เพราะโปรแกรมในลีกมีปัญหาต้องโดนเลื่อนไปทั้งสองนัดแรก
โอลิมเปียกอสปล่อยอัลเบิร์ต ริเอร่า อดีตปีกของลิเวอร์พูล ให้กับกาลาตาซารายไปแล้วก่อนปิดตลาดซื้อขาย แต่ก็ได้ฌอง มากูน มิดฟิลด์ทีมชาติแคเมอรูน ที่ยืมตัวมาจากแอสตัน วิลล่า มาเสริมทีมแทน
ปาโบล ออร์บาอิซ มิดฟิลด์ชาวสเปน เป็นอีกหนึ่งนักเตะใหม่ที่ถูกยืมตัวมาจากแอธเลติก บิลเบา ขณะที่ดาเมล อับดูน ปีกทีมชาติแอลจีเรีย ก็ย้ายมาเสริมทีมอีกคน
ความพร้อม-สภาพทีม
มาร์กเซย
อังเดร ปิแอร์ ชีญัก ศูนย์หน้าทีมชาติฝรั่งเศส ซึ่งยังโชว์ฟอร์มไม่ออกนับตั้งแต่ย้ายจากตูลูสมาร่วมทีมมาร์กเซยเมื่อฤดูกาลที่แล้ว จะได้ลงยืนในแนวรุกแทนที่อังเดร อายิว หัวหอกดาวรุ่งชาวกานา ซึ่งเจ็บโคนขาหนีบระหว่างไปเล่นให้ทีมชาติ
เกมนี้ดิดิเยร์ เดส์ช็องป์ส กุนซือโอแอ็ม น่าจะหมดสิทธิใช้งานมาติเยอ วัลบูเอน่า ปีกร่างเล็กอีกคน หลังเจ็บแฮมสตริงในเกมลีกเอิงนัดล่าสุดจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออก
สเตฟาน เอ็มเบีย กองหลังทีมชาติแคเมอรูน ยังต้องพักยาวต่อไปเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บกระดูกเท้าหัก
เฌเรมี่ โมแรลและมอร์แกน อามัลฟิตาโน่ สองมิดฟิลด์ตัวใหม่ที่ย้ายมาจากลอริย็องต์ในช่วงซัมเมอร์ น่าจะได้ลงประเดิมสนามนัดแรกในแชมเปี้ยนส์ ลีกให้ทีม
ผู้เล่นบาดเจ็บ: อังเดร อายิว, มาติเยอ วัลบูเอน่า, สเตฟาน เอ็มเบีย
วิเคราะห์รูปเกม
โอลิมเปียกอสเป็นทีมที่เล่นได้ดีในบ้าน โดยเฉพาะในเกมยุโรปที่บรรยากาศกองเชียร์และเสียงเชียร์ข่มขวัญทีมเยือนได้เยอะ แต่เกมนี้เจ้าบ้านเสียเปรียบเรื่องความพร้อม เพราะยังไม่ได้ลงเตะในลีกหรือแมตช์แข่งขันจริงเลย ขณะที่ทีมเยือนฟอร์มย่ำแย่ในฤดูกาลนี้ แถมยังขาดนักเตะตัวหลักไปหลายคน เกมนี้ต้องออกมาเล่นนอกบ้านน่าจะไม่ใช่งานง่ายๆ แม้โอลิมเปียกอสจะไม่แกร่งเหมือนในอดีต แต่ด้วยฟอร์มมาร์กเซยตอนนี้คงไม่ใช่จะมาเอาชนะได้ง่ายๆ ยังไงเจ้าถิ่นยังมีภาษีดีกว่าที่จะเก็บชัยชนะได้
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม:
โอลิมเปียกอส (4-2-3-1): ฟรังโก คอสตานโซ่; ฟรังซัวส์ โมเดสโต้, อัฟราม ปาปาโดปูลอส, โอลอฟ เมลเบิร์ก, อิบัน มาร์คาโน่; ลูโบเมียร์ เฟซ่า, ฌอง มากูน; ดาวิด ฟุสเตร์, ฟรานซิสโก้ เยสเต้, โยนนิส เฟทฟาทซิดิส; เควิน มิรายาส
โค้ช: เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้
มาร์กเซย (4-3-3): สตีฟ มงด็องด้า; เฌเรมี่ โมแรล, ซูเลย์มาเน่ ดิยาวาร่า, ร็อด ฟ็องนี่, เซซาร์ อัซปิลิกูเอต้า; ลูโช่ กอนซาเลซ, อาลู ดิยาร์ร่า, เบอนัวต์ เชย์รู; มอร์แกน อมัลฟิตาโน่; อังเด-ปิแอร์ ชีญัก, โลอิก เรมี่
โค้ช: ดิดิเยร์ เดส์ช็องป์ส
ฮอตสกอร์: โอลิมเปียกอสชนะ 1-0
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ดอร์ทมุนด์ – อาร์เซนอล
คิกออฟ: 01.45 น.
สนาม: ซิกนัล อิดูน่า ปาร์ค
ผู้ตัดสิน: จานลูก้า ร็อคคี่ (อิตาลี)
ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีม
ดอร์ทมุนด์
10 ก.ย. 54 แพ้ แฮร์ธ่า 1-2 (เหย้า) บุนเดสลีกา
27 ส.ค. 54 เสมอ เลเวอร์คูเซ่น 0-0 (เยือน) บุนเดสลีกา
20 ส.ค. 54 ชนะ เนิร์นแบร์ก 2-0 (เหย้า) บุนเดสลีกา
13 ส.ค. 54 แพ้ ฮอฟเฟ่นไฮม์ 0-1 (เยือน) บุนเดสลีกา
5 ส.ค. 54 ชนะ ฮัมบวร์ก 3-0 (เหย้า) บุนเดสลีกา
อาร์เซนอล
10 ก.ย. 54 ชนะ สวอนซี 1-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
28 ส.ค. 54 แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-8 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
24 ส.ค. 54 ชนะ อูดิเนเซ่ 2-1 (เยือน) แชมเปี้ยนส์ลีก
20 ส.ค. 54 แพ้ ลิเวอร์พูล 0-2 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
16 ส.ค. 54 ชนะ อูดิเนเซ่ 1-0 (เหย้า) แชมเปี้ยนส์ลีก
ผลงานการพบกันที่ผ่านมา
30 ต.ค. 45 แชมเปี้ยนส์ลีก ดอร์ทมุนด์ 2 – 1 อาร์เซนอล
17 ก.ย. 45 แชมเปี้ยนส์ลีก อาร์เซนอล 2 – 0 ดอร์ทมุนด์
ความพร้อม-สภาพทีม
ดอร์ทมุนด์
มาริโอ เกิตเซ่ มิดฟิลด์ดาวรุ่งสุดเนื้อหอม จะกลับมาช่วยทำเกมให้ดอร์ทมุนด์ได้ตามเดิมในเกมนี้ หลังถูกพักแข้งไปในกมบุนเดสลีกานัดล่าสุด โดยจะได้ลงไปปั้นเกมร่วมกับชินจิ คางาวะ กับเควิน โกรสครอยท์ซ
ลูคัส บาร์ริออส ดาวยิงตัวเก่ง เพิ่งกลับมาลงซ้อมได้ หลังพลาดการลงสนามมาตั้งแต่ต้นฤดูกาลเพราะเจ็บกล้ามเนื้อ แต่ยังไม่แน่ว่าจะฟิตพอคัมแบ็กกลับมาลงสนามนัดนี้ได้หรือไม่ โดยมีโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ที่พร้อมทำหน้าที่หัวหอกตัวเป้าต่อไป
เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือเสือเหลือง น่าจะยังใช้งานนักเตะตัวหลักชุดเดิมๆ อีกครั้ง โดยแนวรับมีเนเวน ซูโบทิชกับมัทส์ ฮุมเมิลส์เป็นตัวหลัก แม้ว่าฟอร์มจะค่อนข้างกระท่อนกระแท่นไม่คงเส้นคงวานักก็ตาม โดยมีโรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ นายประตูทีมชาติเยอรมัน รับหน้าที่เป็นปราการด่านสุดท้ายให้กับทีม
ผู้เล่นบาดเจ็บ: ลูคัส บาร์ริออส, แพทริค โอโวโมเยล่า, จูเลี่ยน ค็อค
ความพร้อม-สภาพทีม
อาร์เซนอล
อาร์แซน เวนเกอร์ หมดสิทธินั่งคุมทีมในเกมนี้ หลังโดนยูฟ่าสั่งแบนเพิ่มอีก 2 นัด จากการละเมิดโทษห้ามคุมทีมข้างสนามในเกมรอบเพลย์ออฟนัดแรกกับอูดิเนเซ่
ปืนใหญ่เริ่มกลับมาตั้งลำได้ หลังคว้านักเตะมาเสริมทีมในช่วงก่อนปิดตลาด โดยได้มิเกล อาร์เตต้า, แพร์ แมร์เตซัคเคอร์ และ อังเดร ซานโต๊ส เข้ามา และสองรายแรกก็ทำผลงานได้ดีในการช่วยให้ทีมคว้าชัยชนะนัดแรกในพรีเมียร์ลีกได้เมื่อสุดสัปดาห์ และน่าจะได้ลงสนามเป็นกำลังสำคัญต่อไป ส่วนรายหลังต้องรอดูสภาพร่างกายอีกทีว่าพร้อมประเดิมสนามหรือยัง
อเล็กซ์ ซง ที่ติดโทษแบนในเกมลีก พร้อมลงมาเป็นตัวตัดเกมในแผงกลางให้ทีมในนัดนี้ได้อีกครั้ง เช่นเดียวกับแนวรุกที่แชร์วินโญ่ก็พร้อมลงไปลากเลื้อยริมเส้นได้ แต่โธมัส แฟร์มาเลน, แจ๊ค วิลเชียร์ และอาบู ดิยาบี้เป็นนักเตะตัวหลักที่ยังต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บต่อไป
เกมนี้ยอสซี่ เบนายูน มิดฟิลด์ที่ยืมตัวมาจากเชลซี และได้ประเดิมสนามในฐานะตัวสำรองไปแล้วในเกมล่าสุด หวังได้รับโอกาสลงเล่นอีกในเกมนี้ เช่นเดียวกับปาร์ค ชู ยอง กองหน้าทีมชาติเกาหลีใต้ ที่รอประเดิมสนามอยู่
ผู้เล่นบาดเจ็บ: โธมัส แฟร์มาเลน, แจ๊ค วิลเชียร์, อาบู ดิยาบี้
วิเคราะห์รูปเกม
ดอร์ทมุนด์ที่ฟอร์มสุดร้อนแรงจนลอยลำเข้าป้ายคว้าแชมป์บุนเดสลีกาปีที่แล้วไปครองแบบไร้คู่แข่ง กลับสะดุดในการสตาร์ตฤดูกาลใหม่ ทั้งที่ใช้ทีมพลังหนุ่มชุดเดิมๆ เป็นกำลังสำคัญ และนัดนี้ก็ต้องเจอกับอีกหนึ่งบทพิสูจน์สำคัญ เมื่อต้องเจอกับความเก๋าของอาร์เซนอล ซึ่งฟอร์มกำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงใหม่ แม้จะได้นักเตะดีๆ มาเสริมทีมหลายคน แต่ปืนใหญ่ยังวางใจไม่ได้ในเรื่องความแน่นอน แถมตำแหน่งแบ็กซ้ายน่าจะเป็นจุดอ่อนไม่ว่าจะส่งคีแรน กิ๊บบ์ส หรือ อังเดร ซานโต๊ส ลงมายืน เกมบุกที่อันตรายของเสือเหลืองน่าจะเล่นงานทีมเยือนจนปั่นป่วนได้ หากแนวรับเจ้าบ้านเองไม่พลาดง่ายๆ น่าจะมีสิทธิเบียดลุ้นหยิบ 3 แต้มสำคัญเอาไว้ก่อน
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม:
ดอร์ทมุนด์ (4-2-3-1): โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์; ลูคัซ ปิซเช็ค, เนเวน ซูโบทิช, มัทส์ ฮุมเมิลส์, มาร์เซล ชเมลเซอร์; สเวน เบนเดอร์, อิลคาย กุนโดกาน; มาริอ เกิตเซ่, ชินจิ คางาวะ, เควิน โกรสครอยท์ซ; โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
โค้ช: เจอร์เก้น คล็อปป์
อาร์เซนอล (4-3-3): วอจเซียค เซสนี่ย์; บาการี ซานญ่า, แพร์ แมร์เตซัคเคอร์, โลร็องต์ กอสเซียลนี่, คีแรน กิ๊บบ์ส; อารอน แรมซี่ย์, อเล็กซ์ ซง, มิเกล อาร์เตต้า; ธีโอ วัลค็อตต์, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, แชร์วินโญ่
ผู้จัดการทีม: อาร์แซน เวนเกอร์
ฮอตสกอร์: ดอร์ทมุนด์ ชนะ 2-1
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณข้อมูลจาก นสพ.กีฬาฮอตสกอร์