′กมธ.สว.′ หวั่นสนามฟุตซอลเสร็จไม่ทัน ยันต้องมีคนรับผิดชอบ! - ′ฟีฟ่า′ บินตรวจ 9 ต.ค.
นางนฤมล ศิริวัฒน์ ประธานคณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา ครั้งที่ 30/2555 ที่ห้องประชุมกรรมาธิการ หมายเลข 309 อาคารรัฐสภา 2 เมื่อวันที่ 13 กันยายน
โดยมีวาระสำคัญคือ การพิจารณาผลคืบหน้าการก่อสร้างสนาม "บางกอก ฟุตซอล อารีน่า" สนามแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 ระหว่างวันที่ 1-18 พฤศจิกายน ที่เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร
และการพิจารณารายละเอียดข้อมูลเอกสารเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียนของบริษัท แดอัน 21 จำกัด กรณีสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ไม่ปฏิบัติตามสัญญามอบสิทธิเป็นตัวแทนด้านการตลาดกีฬา
โดยนายศุภชัย ตันติคมน์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ชี้แจงความคืบหน้าของการก่อสร้างสนามบางกอก ฟุตซอล อารีน่า ต่อคณะกรรมาธิการว่า สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) จะเดินทางประเมินความพร้อมของสนามโดยรวมในวันที่ 9 ตุลาคม
เพื่อพิจารณาว่าสนามจะพร้อมใช้จัดพิธีเปิดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 รวมถึงจัดการแข่งขันได้หรือไม่ หากพิจารณาว่าใช้ได้ ทางผู้รับจ้างก็จะทำการส่งมอบสนามให้กับทางกทม.ก่อนจะส่งมอบให้กับทางฟีฟ่าภายในวันที่ 20 ตุลาคม
ทั้งนี้ ทางกทม.ได้ตกลงกับทางฟีฟ่าไว้ว่า การก่อสร้างจะมีความพร้อมในการจัดการแข่งขันตามที่ฟีฟ่าระบุ แต่เรื่องความสวยงามอาจจะไม่สมบูรณ์ ซึ่งฟีฟ่ายอมรับหลักการดังกล่าว แต่ติงกลับมาว่ายากที่จะเสร็จทันกำหนด
อย่างไรก็ตามถ้าหากก่อสร้างไม่ทันพิธีเปิดจะแก้ปัญหาโดยการย้ายไปใช้อินดอร์ สเตเดียม หัวหมากแทน ก่อนจะมาใช้สนามที่หนองจอกเมื่อพร้อมใช้
ส่วนนายมานิต เตชอภิโชค ผอ.สำนักวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว กทม. กล่าวว่า ในเบื้องต้นทางกทม.วางแผนเข้าสู่การประชาสัมพันธ์อย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 20 กันยายน แต่จากสถานการณ์การของก่อสร้างสนามหนองจอก อาจจะต้องมีการปรับแผนกันใหม่
ด้านนายมนตรี ไชยพันธุ์ รองผู้ว่าการฝ่ายกีฬาเป็นเลิศ และวิทยาศาสตร์การกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ชี้แจงในกรณีของสมาคมฟุตบอลฯ ต่อคณะกรรมาธิการ โดยเปิดเผยข้อมูลเอกสารรายงานผลการประชุมประจำปีของสมาคมฟุตบอลฯ ระหว่างปีพ.ศ. 2550-2555 ขาดแต่เอกสารรายงานผลการประชุมประจำปี 2550 เนื่องจากเอกสารสูญหาย
ก่อนชี้แจงว่า กรณีการฟ้องร้องระหว่างสมาคมฟุตบอลฯ และบริษัทแดอัน นั้น ทางกกท.ยังไม่เข้าข่ายพิจารณากรณีดังกล่าวได้ เนื่องจากคดีความยังคงอยู่ในระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล ซึ่งต้องรอคำวินิจฉัยของศาลแพ่งก่อน จึงจะดำเนินการใดๆ โดยต้องใช้ทั้งพ.ร.บ.กกท. และกฎหมายแพ่งร่วมพิจารณาร่วมกัน
ซึ่งในหลักการแล้ว ถ้าหากสมาคมกระทำผิดพ.ร.บ. และกฎหมายแพ่งจริง ก็จะต้องมีบทลงโทษถอดถอนความเป็นสมาชิกภาพของคณะกรรมการสมาคม และเพิกถอนใบอนุญาตสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยภายใต้มาตรฐานเดียวกันทุกสมาคม
ขณะที่นางนฤมลให้สัมภาษณ์ว่า ดูเหมือนว่าทางกทม.จะรอแต่คำตอบของทางฟีฟ่าเพียงอย่างเดียว ยังไม่มีแผนสำรองที่ชัดเจน ดูแล้วไม่น่าจะเสร็จทัน และมีผลกระทบต่อการเริ่มประชาสัมพันธ์อย่างเต็มตัว ทั้งๆ ที่ได้มีมติก่อหน้านี้มานานแล้วว่าจะก่อสร้างสนามแข่งขันที่หนองจอก
ซึ่งถ้าทำไม่สำเร็จถือว่าเป็นการผิดมติคณะรัฐมนตรีอีกด้วย โดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องร่วมกันรับผิดชอบได้กรณีดังกล่าว อย่างไรก็ดี ขอเป็นกำลังให้บรรลุผลสำเร็จตามแผน