ปรีวิวพรีเมียร์ลีก โดย..มาร์ค สุรเดช

ปรีวิวพรีเมียร์ลีก โดย..มาร์ค สุรเดช

ปรีวิวพรีเมียร์ลีก โดย..มาร์ค สุรเดช
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สุดสัปดาห์นี้เกมบิ๊กแมตช์สำคัญของพรีเมียร์ลีกจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้เลย หากไมใช่เกมที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด รังของทีม “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จะเฝ้าบ้านรอรับการมาเยือนของทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี

อย่างไรก็ดีอีกหนึ่งเกมที่ไม่ควรพลาดเช่นกันก็คือเกมที่สนาม ไวท์ ฮาร์ท เลน ที่เจ้าบ้านอย่าง ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ที่สะกดคำว่าชนะเป็นแล้วจะรอเล่นในบ้านพบกับทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่สัปดาห์ก่อนต้องพบกับความพ่ายแพ้หนแรกอย่างเจ็บปวดจากฝีมือของทีม “ช่างปั้นหม้อ” สโต๊ค ซิตี้

ขอพูดถึงเกมระหว่าง ยูไนเต็ด กับ เชลซี ก่อน เนื่องจากว่าการพบกันของทั้งสองทีมในช่วงหลังๆ มักจะเป็นตัวแปรบ่งชี้ได้ว่าตำแหน่งแชมป์ลีกจะอยู่กับทีมใดระหว่าง  2 ทีมนี้

แต่มาปีนี้ ทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ยกระดับของพวกเขาขึ้นมาอย่างน่ากลัว ทำให้การลุ้นแชมป์ที่บ้านของ ยูไนเต็ด สุดสัปดาห์นี้ อาจจะเร็วเกินไปสำหรับบทสรุปของแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2011-12

การเสมอกับ เบนฟิก้า เมื่อกลางสัปดาห์ อาจจะทำให้ฟอร์มของลูกทีม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สะดุดเล็กน้อย หลังจากทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในลีกด้วยการชนะรวดมาตลอดทั้ง 4 เกมแรก

ขณะที่ เชลซี อาจจะเดินทางน้อยกว่าเพราะพวกเขาได้เล่นในรัง เดอะ บริดจ์ ของตัวเองในการเจอกับทีม “นายห้างขายยา” ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น

ซึ่งสิ่งที่น่าพอใจสำหรับทีม “สิงห์บลูส์” ก็คือการมีส่วนร่วมกับเกม และ ต่อทีมของ เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าค่าตัวแพงทีมชาติสเปน ที่กำลังโดนจับตาอย่างหนักสำหรับผลงานในช่วงที่ผ่านมา ที่เขายังเหมือนเล่นได้ไม่เท่ากับราคาที่ เชลซี ได้ยอมลงทุนไป

การที่ทั้งสองทีมต่างเพิ่งจะกรำศึกจากเกมยุโรปเมื่อกลางสัปดาห์มาเหมือนกัน ทำให้สภาพทีมของทั้งคู่นั้นไม่มีใครที่ได้เปรียบเสียเปรียบต่างกันนัก

อย่างไรก็ดีทางฝั่งลูกทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ นั้น จะไม่มีแน่ๆ ก็คือ แดนนี่ เวลเบ็ค, ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ ที่ได้รับบาดเจ็บ รายหลังเพิ่งจะเจ็บไป ข่าวล่าสุดยืนยันว่าพักอยู่ในระยะเวลาประมาณ 4 สัปดาห์

ในส่วนของตำแหน่งผู้รักษาประตูคาดว่าท่านเซอร์จะให้ ดาวิด เด เกอา กลับมาทำหน้าที่เหมือนเดิมแม้ว่า อันเดอร์ส ลินเดการ์ด นายทวารมือ 2 จากเดนมาร์ก จะทำหน้าที่ได้ดีในเกมเยือน เบนฟิก้า เมื่อกลางสัปดาห์

สำหรับ เชลซี นั้น อังเดร วิลลาส โบอาส อาจจะหันมาเล่นระบบกองกลาง 5 คน เน้นความแน่นในเกมกลางสนามไว้ก่อน ซึ่งหากหมากของเขาออกมาเป็นแบบนั้น ก็น่าจะเปิดโอกาสให้กับ ตอร์เรส สำหรับตำแหน่งตัวจริงใน 11 คนแรกอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน หากปรับมาเล่นกองหน้า 2 คน ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ กับ นิโกลาส์ อเนลก้า ก็พร้อมสแตนด์บายสำหรับการให้กุนซือโปรตุกีส ได้เลือกใช้งาน


สถิติที่น่าสนใจก่อนเกม:

ทีม “ปิศาจแดง” ทำสถิติไว้อย่างน่าทึ่งในฤดูกาลก่อน เมื่อลงเล่นในบ้านตลอดทั้ง 19 เกมโดยปราศจากความพ่ายแพ้ เป็นทีมเดียวของลีก โดยเอาชนะคู่แข่งได้ถึง 18 เกม มีเพียง เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ทีมเดียวที่รอดพ้น และเก็บแต้มกลับออกไปได้สำเร็จ

ความน่าจะเป็นของเกมนี้:


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถูก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่ปรับร่วมเมือง ไล่บี้มาตั้งแต่ออกสตาร์ตสำหรับการลุ้นแชมป์ และ อันดับในตาราง ยิ่งเกมนี้พวกเขาจะได้เล่นทีหลัง และ รู้ผลของคู่ปรับอย่าง ซิตี้ ที่จะต้องไปเยือนรัง คราเวน ค็อตเทจ ของ ฟูแล่ม ก่อนด้วย ถือว่ามีผลต่อสภาพจิตใจของเหล่านักเตะผีแดงไม่น้อย

เชลซี เองมีโอกาสเป็นทีมแรกที่จะหยุดสถิติชนะรวดของ ยูไนเต็ด ไว้เหมือนกัน แต่พวกเขาจำเป็นต้องไม่ให้เกิดความผิดพลาดเลยในแนวรับ ขณะเดียวกันความคล่องตัวของผู้เล่นแนวรุกอย่าง ตอร์เรส, มาตา หรือ การสอดของแถวสองอย่าง แลมพาร์ด และ เมเรเลส ก็จะทำให้พิษสงของพวกเขายังคงความน่าเกรงขามอยู่

เกมนี้คงเปิดแลกกันสนุก ก่อนที่สุดท้ายจะลงเอยด้วยการแบ่งคะแนนกันไปแบบดุเดือด

ผลการแข่งขันที่คาด:

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอ เชลซี 2-2

 

สเปอร์ส ของ แฮร์รี่ เรดแนปป์ เพิ่งจะชนะในสัปดาห์ก่อน ทำให้ทั้งทีมน่าจะลดความเครียดไปได้ อย่างไรก็ดีพวกเขาก็มีเกมต้องลงเล่นในยูโรป้า ลีก เมื่อคืนวันพฤหัสบดี ส่งผลให้ เรดแนปป์ จำเป็นที่จะต้องมีการปรับทีมบ้างในบางตำแหน่งเพื่อรักษาความสดชื่นเอาไว้

ข่าวดีของพวกเขาในเกมนี้ก็คือ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ต แนวรุกตัวสำคัญน่าจะผ่านความฟิตสำหรับการกลับมาเป็นตัวจริงให้กับทีมได้ ซึ่งหากได้ ราฟา กลับมาจริงๆ แล้ว เกมแดนกลางของ สเปอร์ส จะยิ่งน่ากลัวขึ้นอีกหลายระดับทีเดียว

แต่ข่าวร้ายก็คืออาการบาดเจ็บของเซ็นเตอร์ตัวสำคัญ ไมเคิล ดอว์สัน ซึ่ง เรดแนปป์ ก็ยังมีทางเลือกอย่าง ยูเนส คาบูล, เล็ดลีย์ คิง และ เซบาสเตียน บาสซง สำหรับพื้นที่ในส่วนนี้

ทางฝั่ง “หงส์แดง” ปีนี้ ไม่ต้องมีโปรแกรมเล่นฟุตบอลยุโรปให้เมื่อยตุ้ม สืบเนื่องมาจากผลงาน และอันดับในลีกเมื่อปีก่อน อย่างไรก็ดีพวกเขาก็มีปัญหาในการจัดทีมสำหรับเกมนี้โดยเฉพาะกับแนวรับฝั่งขวา ที่ล่าสุด เกล็น จอห์นสัน เกิดมีอาการบาดเจ็บรบกวนอีกครั้ง บวกกับการที่ มาร์ติน เคลลี่ ยังไม่ฟิตเต็มร้อย

ทำให้ตรงจุดนี้ คิง เคนนี่ หรือ เคนนี่ ดัลกลิช จะต้องตัดสินใจว่าจะใช้ใครลงมาเล่น บางทีอาจจะต้องจำใช้งาน มาร์ติน สเคอร์เทล ไปก่อนเหมือนกับเกมที่พบ สโต๊ค แม้จะไม่ใช่ตำแหน่งถนัดของปราการหลังทีมชาติสโลวะเกียก็ตาม

ข่าวสำคัญของทีม “หงส์แดง” คงหนีไม่พ้นการคืนสนามในรอบหลายเดือนของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีม และ ห้องเครื่องคนสำคัญของทีม การได้ เจอร์ราร์ด กลับมาจะทำให้ ดัลกลิช อาจจะต้องปรับแท็กติกแดนกลางเล็กน้อย เพราะความสำคัญ และ อิทธิพลที่มีต่อทีมของ สตีวี่ จี นั้นมหาศาลสุดๆ

สถิติที่น่าสนใจก่อนเกม:

ในเกมที่พบกับความพ่ายแพ้ต่อ สโต๊ค ซิตี้ นั้น ทีม “หงส์แดง” เป็นฝ่ายครองเกมแบบวันเวย์ ไล่ยิงใส่ สโต๊ค เข้ากรอบ 11 ครั้งออกนอกกรอบอีก 9 ครั้ง รวมถึงได้เตะมุมอีก 11 ครั้ง แต่ลงท้ายด้วยความพ่ายแพ้ต่อ สโต๊ค ที่ยิงเข้ากรอบแค่หนเดียวจากโอกาสตลอดทั้งเกม และนั่นเป็นลูกจุดโทษอีกด้วย

ความน่าจะเป็นของเกมนี้:

สงครามของ 2 สัตว์ปีก ที่อาจจะต้องรีดเหงื่อกันหนักหน่อยสำหรับการลุ้นทำอันดับให้ดีในลีกสำหรับฤดูกาลนี้ ชัยชนะนัดแรกในลีกทำให้ สเปอร์ส ฮึกเหิมแน่ บวกกับการได้ ฟาน เดอร์ ฟาร์ต กลับมาประสานงานกับ ลูก้า โมดริช พวกเขาจะมีลุ้นประตูอยู่ตลอด

ด้านทีมเยือนนั้น เล่นดีทั้ง 4 เกมนับตั้งแต่เปิดฤดูกาล แต่ปัญหาเดิมๆ ก็คือความผิดพลาดแบบไม่น่าเชื่อของแนวรับ บวกกับการไม่สามารถจบสกอร์คู่แข่งเมื่อโอกาสเปิดให้ได้ ทำให้โอกาสที่จะแบ่งแต้มกันไปมีสูงมากทีเดียว

ผลการแข่งขันที่คาด:


ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1

เรื่องโดย "มาร์ค สุรเดช"

คอลัมน์ ปรีวิวพรีเมียร์ลีก นสพ.กีฬาฮอตสกอร์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook