บอลลูกกลมๆ มีลมอยู่ข้างใน
ผ่านยกแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับฟุตบอลลีกยุโรปโดยเฉพาะ 4 ลีกดัง พรีเมียร์ลีก บุนเดสลีกา กัลโช่ เซรี่ อา และ ลา ลีกา ผลการสอบในยกแรกของทุกลีกดูแล้วน่าสนใจ
โดยเฉพาะพรีเมียร์ลีกและลาลีกา เพราะแชมป์ดูแล้วมีการแข่งขันเพียง 2 ทีม ในขณะที่บุนเดสลีกา อดีตแชมป์ผู้ยิ่งใหญ่อย่าง บาเยิร์น มิวนิค ออกสตาร์ตแรงเหลือเกิน จนหาคู่แข่งขันที่จะมาท้าชิงดูแล้วไม่มีทีมไหนจะมาต่อกรด้วย
ส่วนลีกที่วุ่นวายดูแล้วก็ยังเป็นกัลโช่ จากแนวโน้มของกุนซือทั้งสามทีมใหญ่อย่าง เอซี มิลาน อินเตอร์ มิลาน และ โรม่า ใครจะโชคดีถูกหวยออกจากตำแหน่งก่อน
พรีเมียร์ลีก แมนฯยูฯ โชว์ฟอร์มเทพออกสตาร์ตชนะ 5 นัดรวด ยิงได้ 21 ประตู เสียเพียง 4 ประตู ศักยภาพนอกจากจุดเด่นที่อาวุธข้างสนามอย่างท่านเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วิธีการเล่นของแมนฯยูฯ ต่างไปจากเดิม
การใช้นักเตะรุ่นใหม่เล่นได้อย่างเหลือเชื่อในนัดแรก แนวรับที่ไม่มีเนมานย่า วีดิช กับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ก็มีนักเตะหน้าใหม่อย่าง คริส สมอลลิ่ง ฟิล โจนส์ และจอนนี่ อีแวนส์ มาแรงแซงรุ่นพี่จนได้รับความไว้วางใจจากท่านเซอร์ให้เป็น 11 ผู้เล่นตัวจริง แต่จุดอ่อนในแนวรับยังต้องแก้ไข ถึงแมนฯยูฯ จะชนะเชลซี 3-1
แต่แนวรับของแมนฯยูฯในครึ่งหลังมีตำหนิหลายอย่าง ส่วนตำแหน่งมิดฟิลด์ดี การกลับมายึดตำแหน่งตัวจริงของแอนเดอร์สันประสานงานกับ ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ ที่รอเวลาให้เจ้าตัวกลับมาจากอาการบาดเจ็บ ต้องใช้ ไมเคิล คาร์ริค เป็นอะไหล่ทดแทนโดย ทอม เคลฟเวอร์ลีย์กลับมาเมื่อไหร่จะสมบูรณ์
ส่วนที่ชนะ 5 นัดรวดก็ต้องให้เครดิตแอชลีย์ ยังกับ นานี่ การเดินเกมทางริมเส้นที่เต็มไปด้วยสีสันการลากเลื้อยที่เป็นจุดเด่นทำให้เกมรุกของ แมนฯยูฯ มีชีวิตชีวา ส่วนคู่กองหน้านี้ได้ เวย์น รูนี่ย์ ที่ยืนคู่กับ แดนนี่ เวลเบ็ค ใน 2-3 นัดแรก และ ชิชาริโต้ ใน 2-3 นัดหลังสุด ต้องชมเด็กของท่านเซอร์ว่าเล่นดีจริงๆ มีโอกาสเป็นแชมป์ถึง 70% ในฤดูกาลนี้
ส่วนทีมที่มีโอกาสเป็นแชมป์รองลงมาน่าจะเป็น เชลซี ของ อังเดร วิลลาส โบอาส เพราะยิ่งเล่นยิ่งโชว์ให้เห็นความเป็นมืออาชีพผสมผสานกับทีมเวิร์ก ความสามารถเฉพาะตัวอันยอดเยี่ยม น่าจะทำให้เชลซีมีโอกาสลุ้นแชมป์และแมนฯยูฯ อึดอัดใจได้ ถ้าปีนี้ทีมคว้าแชมป์ไม่ใช่เป็นแมนฯยูฯ ก็คงเป็นเชลซี ส่วนที่เหลือไม่ว่าจะเป็นแมนฯซิตี้ ลิเวอร์พูล อาร์เซนอลหรือสเปอร์ส คงเป็นได้เพียงไม้ประดับ
ส่วนลาลีกา ทีมที่ลุ้นแชมป์ชั่วโมงนี้มีเพียงบาร์เซโลน่าแชมป์เก่ากับเรอัล มาดริด ผู้ท้าชิง ส่วนทีมอื่นไม่รับพิจารณาเพราะศักยภาพของทีมสู้กันไม่ได้ ปีนี้แชมป์เก่าบาร์เซโลน่าของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นปีที่เหนื่อยมากที่สุด เพราะการทำทีมของชายผู้ทระนงนามว่า โจเซ่ มูรินโญ่ ผู้ไม่ยอมแพ้ใคร พอได้นักฟุตบอลหน้าใหม่ๆ เข้ามาในทีมก็ทระนงในความเป็นมืออาชีพ และมีดีพอที่จะพาทีมเรอัล มาดริดกลับขึ้นมาครองบัลลังก์อีกครั้งหนึ่ง
ปีนี้แชมป์ลาลีกาสเปนจะขับเคี่ยวอย่างสนุกสนานของ 2 ทีมที่มีนักเตะคุณภาพสูง แพ้ชนะอยู่ที่การวางแผนของคนข้างสนาม คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มอายุน้อยชื่อ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นชายผู้ทระนงมีจิตวิทยาระดับปรมาจารย์เรียกพี่ เพราะฉะนั้นลาลีกา ลีกสเปนจึงเป็นการแย่งแชมป์ของเรอัล มาดริดกับบาร์เซโลน่า
กัลโช่ เซรี่ อา เป็นลีกที่ทีมใหญ่ออกสตาร์ตสุดเห่ย เพราะ 3 ทีมตัวเต็ง แชมป์เก่า เอซี มิลาน อินเตอร์ มิลาน และ โรม่า อยู่อันดับต่ำสุดในตารางหลังจบการแข่งขัน 2 นัด แชมป์เก่ามิลาน ออกสตาร์ตแพ้ 1 เสมอ 1 ทำให้บรรยากาศดูวิเวกวังเวง
ส่วนอินเตอร์ก็เรื่อยๆ มาเรียงๆ แพ้ 1 เสมอ 1 ในขณะที่โรม่าก็เสมอ 1 แพ้ 1 ชั่วโมงนี้แฟนบอลในอิตาลีกำลังจับตามองว่ามัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี, กาสเปรินี่ และ หลุยส์ เอ็นริเก้ ใครจะเป็นผู้โชคดีได้รับงานใหม่นอนอยู่บ้านโดยไม่ต้องเหนื่อยก่อน
ส่วนทีมอื่นๆก็ต้องรอดูว่ายืนระยะได้แค่ไหน โดยเฉพาะยูเวนตุสกำลังจะกลับมาครองความยิ่งใหญ่ ขอกลับมาครองแชมป์สคูเด็ตโต้อีกครั้งหนึ่ง
ส่วนลีกที่นำมาแบบข้ามาคนเดียวคือ บาเยิร์น มิวนิค ในบุนเดสลีกา หากลูกทีมของ จุ๊ปป์ ไฮย์เกส ยังเล่นได้ดุดัน การลุ้นแชมป์ฟุตบอลบุนเดสลีกาจะหมดสนุกปีนี้ เพราะผู้แข่งขันอย่าง เบรเมน แชมป์เก่าอย่าง ดอร์ทมุนด์ ชาลเก้ เลเวอร์คูเซ่น ต่างแพ้ภัยตัวเอง ยืนระยะไม่อยู่
ทำให้ บาเยิร์น มิวนิค ของ จุ๊ปป์ ไฮย์เกส ยิ่งเล่นคะแนนยิ่งห่าง ก็ขอแสดงความยินดีกับแฟนบอลของบาเยิร์นที่กลับมาครองความยิ่งใหญ่ได้ แม้เป็นช่วงแรกของการแข่งขัน
แค่เพียงยกแรกของการแข่งขันฟุตบอลลีกในยุโรปก็ดูเหมือนจะไม่สนุกเหมือนทุกปี เพราะถ้าไม่มีการทำร้ายตัวเอง แชมป์ลีกของยุโรป พรีเมียร์ลีกของแมนฯยูไนเต็ด บุนเดสลีกาของบาเยิร์น มิวนิค ลาลีกาไม่บาร์เซโลน่า กับ เรอัล มาดริด
ขณะที่กัลโช่ แชมป์ยังดูมืดมน ส่วนในเมืองไทยแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็น บุรีรัมย์ พีอีเอ แต่ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ
เพราะบอลลูกกลมๆ มีลมอยู่ข้างใน อะไรก็เกิดขึ้นได้
เรื่องโดย "หมอเมา"
ขอบคุณเนื้อหาจาก นสพ.กีฬาฮอตสกอร์