ใบแดงแสลงใจ
เมื่อปลายฤดูกาลที่แล้วเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดกุนซือขรัวเฒ่าของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดนเอฟเอจัดหนักด้วยการสั่งแบนห้ามคุมทีมข้างสนาม 5 นัด และปรับเงินอีก 30,000 ปอนด์ จากการออกมาจวกการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินในเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่ผีแดงออกไปพ่ายเชลซีที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ 1-2 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม
ชื่อของกรรมการในเกมนั้นก็คือมาร์ติน แอ็ตกินสัน ซึ่งกลายเป็นชื่อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดอีกครั้งหลังจบโปรแกรมนัดที่ 7 ของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ตอนนั้นเซอร์เฟอร์กี้โวยว่าแอ็ตกินสันไม่ยอมแจกใบแดงดาวิด หลุยซ์ กองหลังเชลซี ที่เข้าเสียบหนักหลายคนแต่กลับได้ไปแค่ใบเหลืองเดียว ซึ่งน่าจะเป็นจุดเปลี่ยนของเกมได้ถ้าสิงห์บลูส์เหลือ 10 คน
หลังจากนั้นกลับเป็นผีแดงที่มาเสียจุดโทษในช่วงท้ายเกมขณะที่สกอร์เสมอกันอยู่ 1-1 จากจังหวะที่น่ากังขา เมื่อยูริ เซียร์คอฟจิ้มบอลลอดขาคริส สมอลลิ่งไปได้ในเขตโทษ ก่อนจะวิ่งลากขาเข้าไปปะทะเองและล้มลงไป
จุดโทษปัญหานี้แม้แต่บรานิสลาฟ อิวาโนวิช กองหลังของเชลซีเอง ยังออกมายอมรับทีหลังว่าพอได้ดูภาพช้าแล้วเขาคิดว่าไม่น่าจะเป็นจุดโทษ แต่ก็กล้อมแกล้มๆ ว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ และทุกทีมก็เคยเป็นทั้งฝ่ายได้ประโยชน์และเสียประโยชน์มาแล้วทั้งนั้น
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดสำหรับผีแดงเมื่อเนมานย่า วีดิช ยังมาโดนไล่ออกไปในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากการรับใบเหลืองใบที่สอง ทำให้เขาอดช่วยทีมลงเตะเกมแดงเดือดกับลิเวอร์พูลในนัดถัดไป ซึ่งผีไม่มีริโอ เฟอร์ดินานด์ที่เจ็บอยู่ก่อนแล้ว
เหตุผลหนึ่งที่ป๋าถึงกับเต้นเมื่อรู้ว่าแอ็ตกินสันได้รับมอบหมายให้ตัดสินเกมนี้ เป็นเพราะเขาเคยทำหน้าที่มาแล้วในโปรแกรมเดียวกันนี้ย้อนกลับไปอีกหนึ่งปีก่อนหน้า และเป็นเชลซีที่เฉือนชนะไป 1-0 หลังได้ฟรีคิกในจังหวะที่ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์เข้าแย่งบอลอย่างขาวสะอาดจากแอชลี่ย์ โคล และแฟรงค์ แลมพาร์ดก็เปิดฟรีคิกให้จอห์น เทอร์รี่โหม่งประตูชัยได้สำเร็จ ซึ่งจังหวะเดียวกันนั้นดิดิเยร์ ดร็อกบาทำฟาวล์เวส บราวน์ ด้วย แถมยังอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าตอนพยายามจะโหม่งซ้ำลูกโหม่งของเทอร์รี่อีกต่างหาก
นั่นคือที่มาที่ไปที่ทำให้เซอร์ดูจะไม่ค่อยแฮปปี้กับแอ็ตกินสันเท่าไหร่เมื่อรู้ว่าจะมาตัดสินเกมนี้ โดยกระตุกหนวดเอฟเอครั้งแรกด้วยการบอกว่าแมตช์สำคัญแบบนี้ต้องการ “กรรมการที่เป็นธรรม” ทั้งที่เขาเองก็เคยได้ประโยชน์จากการตัดสินของแอ็ตกินสันมาเหมือนกัน นั่นคือการทดเวลาบาดเจ็บเพิ่มให้ในเกมที่ไมเคิล โอเว่นทำประตูชัยให้ทีมชนะแมนฯ ซิตี้ 4-3 ในนาทีที่ 6 ของการต่อเวลาที่ผู้ตัดสินสำรองชูป้ายทดแค่ 4 นาทีในต้นฤดูกาล 2009/10
การตัดสินผิดพลาดของกรรมการไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้ตัดสินที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ของยุโรป หรือของโลก ลองไปชี้นิ้วดูได้ว่าใครไม่เคยตัดสินผิดพลาดหรือโดนวิจารณ์คงไม่มีแน่นอน
แต่ประเด็นคือความผิดพลาดแบบไหนที่พอจะให้อภัยหรือเข้าใจได้ และความผิดพลาดแบบไหนที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นต่างหาก
เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ ถือเป็นหนึ่งในบิ๊กแมตช์ของวงการลูกหนังเมืองผู้ดีที่มีความเข้มข้นดุเดือดและศักดิ์ศรีค้ำคอกันชนิดต้องหวดกันลืมตาย เพราะไม่มีใครอยากแพ้ให้โดนเยาะเย้ยไปทั้งปี
นับตั้งแต่ลีกสูงสุดของอังกฤษเปลี่ยนมาเป็นพรีเมียร์ลีก เกมดาร์บี้แมตช์ระหว่างเอฟเวอร์ตันกับลิเวอร์พูลหวดกันไปแล้ว 38 ครั้งและมีใบแดงเกิดขึ้นไปแล้วถึง 19 ใบ ซึ่งมากกว่าโปรแกรมคู่อื่นๆ ทั้งหมด โดย 10 ใบในนั้นเกิดขึ้นในช่วง 13 ครั้งหลัง นั่นคือสถิติก่อนเกมที่กูดิสัน ปาร์คเมื่อวันเสาร์
เกมที่มีแนวโน้มว่าจะเตะกันเดือดแบบนี้ เอฟเอก็ใช้วิจารณญาณเท่าที่มีส่งแอ็ตกินสันลงมาทำหน้าที่ท้าวมาลีวราช หลังจากเขาทำสถิติแจกใบแดงไปแล้วสูงกว่ากรรมการในพรีเมียร์ลีกด้วยกันคือ 14 ใบนับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วเป็นต้นมาจนถึงต้นฤดูกาลนี้ ซึ่งเขาควักแจกไปอีก 3 ใบแดงใน 6 เกมแรกของพรีเมียร์ลีก
ยิ่งกว่านั้นย้อนหลังกลับไปเมื่อฤดูกาล 2009/10 เกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ที่แอนฟิลด์ก็มีแอ็ตกินสันลงเป่า และนัดนั้นก็มี 2 ใบแดงเกิดขึ้นโดยทั้งสองทีมรับไปคนละใบ และเกมจบลงด้วยสกอร์ 1-0 ของเจ้าบ้าน
เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตัน เห็นชื่อแอ็ตกินสันเป็นผู้ตัดสินนัดนี้ก็คงไม่ปลื้มเท่าไหร่ เพราะเขาเองก็เคยมีกรณีกับเปารายนี้มาก่อนเมื่อต้นฤดูกาลที่แล้ว เมื่อเขากับผู้ชายโดนปรับเงินคนละ 8,000 ปอนด์จากการวิ่งลงไปโวยแอ็ตกินสันหลังจบเกมพรีเมียร์ลีกกับแมนฯ ยูไนเต็ดที่กูดิสัน ปาร์ค เพราะไม่พอใจที่เป่านกหวีดจบเกมเร็วเกินไป หลังจากทอฟฟี่ทวงคืน 2 ประตูตีเสมอเป็น 3-3 ได้ในช่วงนาทีสุดท้าย และกำลังบุกขึ้นไปยิงอยู่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แต่แอ็ตกินสันก็เป่าจบเกมก่อนที่ฟิล จากีลก้าจะได้ยิงประตู ซึ่งสุดท้ายก็ถูกเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์รับไว้ได้
แต่ถึงแม้สตาฟฟ์โค้ชเอฟเวอร์ตันจะโดนลงโทษ แอ็ตกินสันเองก็โดนพรีเมียร์ลีกถอดไปทำหน้าที่ผู้ตัดสินสำรองหนึ่งสัปดาห์จากการตัดสินครั้งนี้เช่นกัน
เกมล่าสุดที่กูดิสัน ปาร์ค แอ็ตกินสันทำให้ทุกคนงงแด็กซ์ เมื่อควักใบแดงแจกแจ๊ค ร็อดเวลล์ในจังหวะเข้าแย่งบอลหลุยส์ ซัวเรซแบบที่ไม่รุนแรงอะไร แถมยังเข้าโดนบอลอีกต่างหาก ไม่มีการเข้าข้างหลัง ไม่มีการเปิดปุ่มยันสองเท้า ไม่มีการเข้าช้า ไม่มีอะไรเลยนอกจากแอ๊กติ้งเล็กน้อยของซัวเรซและวิจารณญาณของแอ็ตกินสันที่ทำให้จังหวะนี้เป็นใบแดง ทั้งที่การฟาวล์หรือใบเหลืองก็ทำให้หลายคนข้องใจได้แล้ว
หลังจากเล่นได้ดีและมีโอกาสมากกว่าในช่วง 20 นาทีแรก ใบแดงนี้ก็ทำให้เกมพลิกและเอฟเวอร์ตันก็ตกเป็นรองทันทีก่อนจะต้านไม่อยู่แพ้ไป 0-2 ในเกมที่มีอีกแค่ใบเหลืองข้างละใบ ทั้งที่หลายจังหวะก็เข้ากันหนัก แต่แอ็ตกินสันก็เปลี่ยนเข้าสู่โหมดใจดีไม่จดชื่อใครไปมากกว่านี้
แน่นอนว่าตอนนี้เอฟเวอร์ตันยื่นอุทธรณ์ใบแดงของร็อดเวลล์ไปแล้ว แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับที่มอยส์ได้ออกมาเรียกร้องให้แอ็ตกินสันและสมาคมผู้ตัดสินออกมาขอโทษต่อการตัดสินที่ผิดพลาดครั้งนี้เพื่อแสดงสปิริตให้เห็นบ้าง
“ผมอยากให้คนที่มีอำนาจรับผิดชอบกล้ายืดอกออกมายอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นบ้าง คนดีๆ กล้ายอมรับความผิดพลาดที่ตัวเองทำ และจะยืดอกยอมรับผิดอย่างไม่อาย” กุนซือทอฟฟี่บอก
“ผมไม่หวังอะไรมากหรอกนะว่าจะมีการกลับคำตัดสินอะไร เอฟเอก็เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับทางสมาคมผู้ตัดสินอยู่แล้ว”
“ผมแปลกใจที่นี่คือเกมแรกที่เขาได้ตัดสินเราอีกหลังจากเกมที่ผมกับผู้ช่วยโดยปรับ เพราะหลังจากนั้นเขาไม่เคยได้ตัดสินเราอีกเลย คุณคงไม่คิดว่าเกมแรกที่จะได้เจอกับเขาอีกคือดาร์บี้แมตช์ที่สำคัญแบบนี้”
เรื่องโดย "เบบี้ แบร์"