บาร์ซ่าจ่าฝูงหน้าเดิม
เสร็จสิ้นฟุตบอลลา ลีกา ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาไปแล้ว ตำแหน่งทีมนำและทีมตามเริ่มเห็นเค้าลางที่ชัดเจนขึ้น หลังจากเมื่อวานผมลุยไปที่มาลาก้าทีมจ่าฝูงหน้าใหม่ที่ขึ้นไปสูดอากาศบนหัวตารางได้พักหนึ่งก็ต้องถอยให้บาร์เซโลน่าแชมป์เก่าที่เมื่อคืนวันอาทิตย์บุกไปกดชัยเหนือ สปอร์ติ้ง กิฆอน 1-0 จากประตูโทน ของอาเดรียโน่
ชนะเพียง 1 ตุง ก็เพียงพอทำให้บาร์ซ่าเป็นทีมนำ แม้ว่าจะคะแนนเท่ากับเลบานเต้ที่ 14 คะแนน แต่ประตูได้เสียทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่าเป็นต่ออื้อซ่า
เกมกับกิฆอนไม่เคยเป็นงานง่ายสำหรับบาร์ซ่าอยู่แล้ว ปีก่อนพวกเขาบุกมาเสมอที่ เอล โมลีนอน 1-1 แม้เกมแรกที่กวาร์ดิโอล่าทำทีมพบกับ กิฆอนจะเป็นฝ่ายชนะมา 6-1 ก่อนก็ตาม
แต่เกมนี้บาร์ซ่ามีปัญหาที่เกมรับเหมือนเดิม แม้จะได้คาร์เลส ปูโยล และ เจราร์ด ปีเก้ กลับมามีชื่อที่ม้านั่งสำรองแล้วก็ตาม ทว่านัดนี้ กวาร์ดิโอล่าจัดให้ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ลงยืนหลังร่วมกับ เอริก อบิดัล และจัดสองฟูลแบ็กตัวท็อปอย่าง ดาเนี่ยล อัลเวส และอาเดรียโน่ลงสนาม
แดนกลางไม่มีเชส ฟาเบรกาส ที่เจ็บกล้ามเนื้อพักยาวสามสัปดาห์ แต่ไม่เป็นปัญหา เมื่อ ธิอาโก้ อัลคันทาร่า ตัวแทนนั้นทดแทนได้เนียนตา ร่วมกับชาบี้ และเซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ได้เป็นอย่างดี
ในส่วนแดนหน้าไม่มีปัญหาอะไร ชั่วโมงนี้ใช้ เมสซี่,บีญ่า และ เปโดร โรดริเกซ ต่อไป หลังจากที่ทีมมีปัญหาผู้เล่นเจ็บให้ปวดสมองเยอะเหลือเกิน
ประตูเดียวของเกมเกิดขึ้นในนาทีที่ 11 จากจังหวะที่ ชาบี้ กดไปชนเสา แต่เข้าทางของอาเดรียโน่ ที่ยิงซ้ำเข้าไป
บาร์ซ่าได้ประตูโทนชนะไป 1-0 ซึ่งหลังเกมเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ออกมาเผยว่า "ทีมของเราคอนโทรลเกมทุกอย่างได้หมด ทั้งที่สภาพทีมในเกมมาเยือน กิฆอน ไม่สมประกอบ บวกกับสถิติการมาเล่นที่นี่ก็ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ชนะออกมาผมถือว่าน่าพอใจ"
แน่นอนว่า ชนะ 1 หรือ 5 ประตูก็คือ 3 คะแนน แต่สำหรับสาวก "กูเล่" แล้วต้องการประตูมากกว่านั้น แม้ว่ารูปเกมจะดูดีกว่าแต่จังหวะสุดท้ายไม่คมก็เป็นอันจบกัน
เอาละครับ 3 คะแนนดังกล่าวถือว่ามีค่ามากพอที่จะทำให้บาร์เซโลน่าขึ้นนำเป็นจ่าฝูงโดยมี 14 คะแนนเท่ากับ เลบานเต้ แต่บาร์เซโลน่าประตูได้เสียดีกว่า
ส่วนทีมตามอย่างเรอัล มาดริดก็บุกไปชนะ เอสปันญ่อล 4-0 สกอร์ที่ออกมาเหมือนจะง่าย แต่บอกได้คำเดียวว่ายากมากมาย เกมนี้ทีมราชันชุดขาวโดนเอสปันญ่อลกดดันอย่างหนัก โดยเฉพาะครึ่งแรกที่ทีมนกแก้วน่าจะได้ประตูหลายต่อหลายครั้ง แต่เรอัล มาดริด ยังตรึงสกอร์นำ 1-0 จากกอนซาโล่ อิกวาอินเอาไว้ได้
ครึ่งหลังเกมเปิดมากขึ้น เอสปันญ่อลต้องการขยับพื้นที่ขึ้นหน้าเพื่อลุ้นยิงประตูคืน สุดท้ายพอที่ว่างมีมากขึ้น เรอัล มาดริด สามารถฉวยโอกาสจากตรงนี้ยิงประตู 2-0 จากอิกวาอินที่ซัดด้วยขวาสุดสวยเข้าไป ในนาทีที่ 66 จากนั้นก็เป็นโฆเซ่ กาเญฆอน ที่ยิงประตู 3-0 นาทีที่ 82 และปิดท้ายลูกยิง 4-0 จากกอนซาโล่ อิกวาอิน นาที 89 เป็นการทำแฮตทริกของดาวยิงอาร์เจนไตน์ด้วย ซึ่งหลังจากที่หายเจ็บหนักกลับมา เจ้าตัวดูจะได้โอกาสน้อยนิดมาก
อย่างไรก็ตาม เกมนี้เมื่อได้โอกาสลงสนาม อิกวาอินก็ไม่ทิ้งโอกาสที่มีอยู่ทิ้งไป และตักตวงโอกาสที่มีอยู่จนได้ประโยชน์มากที่สุด
ถึงขนาดที่เจ้าตัวออกมาพูดเองว่า หากได้โอกาสลงสนามบ่อยๆ ยังไงก็เรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้แน่นอน
ด้าน โจเซ่ มูรินโญ่ ก็ไม่ได้ซีเรียสหรือกังวลกับผลการแข่งขันและคะแนนในตารางที่ตามหลังบาร์เซโลน่าอยู่ 1 คะแนน เท่านั้น ซึ่งทางโจเซ่ มูรินโญ่ได้ออกมากล่าวหลังเกมว่า ชนะเอสปันญ่อลขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายและทีมยังต้องเดินหน้าต่อไป
เมื่อถูกถามถึงเรื่องที่ต้องตามหลังบาร์เซโลน่านั้น "น้ามู" ยังมาแนวเดิมคือกวนตามสไตล์ว่า : "บาร์ซ่าเป็นจ่าฝูงเหรอ? ผมก็เห็นเลบานเต้มีแต้มเท่าพวกเขา เลบานเต้นี่แหละดูน่าสนใจกว่าการเป็นทีมนำของบาร์เซโลน่าเท่านั้น พวกเขานำแต่ 1 แต้มไม่ได้ทิ้งสัก 10, 20 หรือ 30 แต้มซะหน่อย"
นี่แหละครับมูรินโญ่ที่พร้อมตอบคำถามแขวะทุกคนได้หมด โดยเฉพาะคู่แข่งตัวฉกาจอย่างบาร์เซโลน่า
ส่วนอีกคู่ที่น่าสนใจคือเกมที่อาโนเอต้า เรอัล โซเซียดัด ทำศึกดาร์บี้แมตช์แคว้น บาสก์ กับบิลเบาที่ยังไม่ชนะใครจนหลายคนกังวลใจว่า ทีม "สิงโต" จะหล่นชั้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์หรือไม่
เพราะในประวัติศาสตร์ ลา ลีกา มีเพียง 3 ทีมเท่านั้นที่ไม่ตกชั้นนั่นคือ บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด และ บิลเบานี่แหละ
2 ทีมแรกตัดไปได้เลย หากน้ำไม่ท่วมหลังเป็ดไม่มีทางตกชั้นแน่นอน ส่วนที่ง่อนแง่นและเจียนอยู่เจียนไปมาหลายครั้งแล้วก็คือ บิลเบา นี่แหละ
ยิ่งปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงประธานและเทรนเนอร์มาเป็น มาร์เซโล่ บิเอลซ่า ด้วยแล้ว เล่นมา 5 นัดมีแต่แพ้กับเสมอ
ทว่าการเจอกันในดาร์บี้แมตช์ของชาว บาสโก้ นี้ตัดเรื่องฟอร์มการเล่นที่ผ่านมาออกไปเลย เพราะเจอกันทีไรเป็นบิลเบาที่มักจะเป็นฝ่ายชนะไปได้หลายต่อหลายครั้่ง
ก่อนเกมนี้ "ลา เรอัล" เป็นต่อ ทว่าเล่นจริงๆ กลายเป็นบิลเบาที่รุกหนักและได้ลุ้นประตู เฟร์นันโด ญอเรนเต้ กดประตูให้บิลเบานำ 1-0 ในนาทีที่ 34
แต่ทีเด็ดคือลูกยิงตีเสมอของเรอัล โซเซียดัดคือลูกยิงไกลของ อินญิโก้ มาร์ติเนซ กว่าส 54 หลาเข้าไปตุงตาข่าย
ทว่าเฟร์นันโด ญอเรนเต้ก็กดให้ บิลเบาบุกมาชนะไป 2-1 เก็บ 3 แต้มแรกไปครอง
สุดสัปดาห์นี้ไม่มีเกมลีก แต่ทีมชาติมาเข้าคิวรออยู่ และความพร้อมของสเปนจะเป็นยังไงติดตามชมกันพรุ่งนี้ครับ
เรื่องโดย "เอล มาทาดอร์"
ขอบคุณคอลัมน์ ลา ลีกา เอ๊กซ์ คลูซีฟ นสพ.กีฬาฮอตสกอร์