My Liverpool
“When we stand together as a family we can achieve great thing” Kenny Dalglish
ผมขึ้นต้นคอลัมน์ด้วยวลีของยอดกุนซือ เคนนี่ ดัลกลิช แม้จะดูเป็นประโยคที่แสนเรียบง่าย แต่มันก็แฝงด้วยข้อคิดที่ว่า ลิเวอร์พูล ยังมีโอกาสจะประสบความสำเร็จ หรือ เดินกลับไปอยู่ในจุด หรือ ใกล้เคียงกับสิ่งที่พวกเขาเคยประสบความสำเร็จมาในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาได้
หากแต่ว่าทุกๆคนที่หายใจเข้าออกเป็น ลิเวอร์พูล นั้น จะต้องยืนหยัดผ่านอุปสรรคต่างๆร่วมกันไปตลอดทางให้ได้
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมในพรีเมียร์ลีกที่ไม่เคยง่ายเลยสำหรับเหล่านักเตะ “หงส์แดง” ที่จะต้องยกพลไปเยือนเพื่อนร่วมเมืองอย่าง เอฟเวอร์ตัน โดยเกมนี้เล่นกันเป็นคู่แรกของวันเสาร์ เอฟเวอร์ตัน ได้เปิด กูดิสัน ปาร์ค รอรับการมาเยือนเพื่อทำศึก เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ หนที่ 216
โดยที่ก่อนเกม ลิเวอร์พูล ยังมีคะแนนห่างจาก 2 ทีมแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 6 คะแนนเท่ากัน ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน เองก็มุ่งมั่นกับเกมนี้มากๆ เพราะต้องการจะทำผลงานเอาใจแฟนๆ และหากพวกเขาคว้าชัยได้ ก็จะแซงหน้า ลิเวอร์พูล ขึ้นไปในตารางคะแนนได้ด้วยเช่นกัน
ผลการแข่งขันทุกท่านคงทราบดีแล้วว่า “หงส์แดง” เป็นฝ่ายบุกไปสยบเพื่อนร่วมเมืองด้วยสกอร์ 2-0 จากประตูของคู่กองหน้า แอนดี้ คาร์โรลล์ ที่ประเดิมประตูแรกในซีซั่นนี้ให้กับต้นสังกัดได้สำเร็จ ขณะที่อีกประตูนั้นได้จาก หลุยส์ ซัวเรซ
พูดถึง คาร์โรลล์ สักนิดว่านี่เป็น เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ หนแรกของตัวเขารวมถึงเพื่อนบางคนด้วย แต่ที่มีความหมายพิเศษกว่านั้นก็คือการมีส่วนร่วม และ การทำประตูให้กับทีมได้สำเร็จนั่นเอง โดยกองหน้าร่างยักษ์ให้สัมภาษณ์ว่า
“มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากที่ทำประตูได้ ทุกครั้งที่ทำประตูมันเป็นความรู้สึกที่ดีเสมอ และยิ่งเป็นประตูที่ทำได้ในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน ด้วยแล้ว ยิ่งพิเศษมากขึ้นไปอีก”
หลังเกม คาร์โรลล์ ได้ขอยกประตูที่ทำได้นี้ให้กับ เคนนี่ ดัลกลิช กุนซือผู้เชื่อมั่นในตัวเขารวมไปถึงเหล่าแฟนๆ เดอะ ค็อป ที่ยังคอยส่งกำลังใจให้ และ อดทนรอต่อการโชว์ฟอร์มที่ดีมาโดยตลอด
ประตูจากเกมนี้ น่าจะส่งผลต่อความมั่นใจกับซีซั่นที่เหลืออยู่ของ คาร์โรลล์ กับ ลิเวอร์พูล ไม่น้อย และข่าวดีล่าสุดอีกข่าวสำหรับเขาก็คือ การถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษของกุนซือหน้าเครียด ฟาบิโอ คาเปลโล่ เพื่อทำศึกยูโร 2012 รอบคัดเลือก ระหว่าง อังกฤษ กับ มอนเตเนโกร ที่จะเล่นกันในวันศุกร์นี้
ซึ่งเกมนี้ “ทรีไลออนส์” จะต้องยกทัพไปที่ ป๊อดโกริก้า โดยมีเป้าหมายว่าหากได้เพียงแต้มเดียวพวกเขาก็จะลอยลำผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายที่จะเล่นกันที่ โปแลนด์ และ ยูเครน ในปีหน้าทันทีไม่เพียง คาร์โรลล์ ด้วย ที่ถูกเรียกติดทีม เพราะเพื่อนร่วมทีมอีกรายอย่าง สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ก็มีชื่ออยู่ในลิสต์รายชื่อของกุนซือิตาเลียนเช่นกัน
ขณะที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ เกล็น จอห์นสัน ที่สภาพร่างกายยังไม่ฟิตดีนั้น หลุดโผตามคาด
ไหนๆพูดถึงทีม “สิงโตคำราม” ชุดใหญ่แล้ว ก็ขอต่อยอดถึงทีมชุด ยู-21 ที่มีโปรแกรมลงเตะศึกยูโร 2013 ในรุ่น ยู 21 เช่นกัน โดยทีมของกุนซือจอมไซโค สจ๊วร์ต เพียร์ซ มีโปรแกรมจะพบกับ ไอซ์แลนด์ ในวันที่ 6 ตุลาคม และอีกเกมกับ นอร์เวย์ ในวันที่ 11 ตุลาคม
ทั้งนี้จากการประกาศรายชื่อที่ออกมานั้น มีนักเตะหนุ่มจากรั้วแอนฟิลด์ ตบเท้ารอรับใช้ชาติถึง 4 รายทีเดียวในทีมชุดนี้ โดย จอห์น ฟลานาแกน ได้รับการขึ้นชั้นมาจากทีมชุด ยู-19 ปี เพื่อมาแทนที่ โจ เบนเนตต์ แบ็กขวาจาก มิดเดิลสโบรห์ ที่มีอาการบาดเจ็บ ส่วน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, มาร์ติน เคลลี่ และ จอนโจ เชลวี่ ก็มีชื่ออยู่ในทีมตามคาด
รายของ เชลวี่ ที่เพิ่งจะย้ายไปแบบยืมตัวไปอยู่กับ แบล็คพูล ในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ นั้น ล่าสุด เชลวี่ ก็ประเดิมทำประตูแรกให้กับต้นสังกัดใหม่ของเขาได้สำเร็จด้วย ในเกมเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ “เดอะ ซีไซเดอร์ส” อัดผู้มาเยือนอย่าง บริสตอล ซิตี้ หมดสภาพถึง 5-0