ฟุตบอล : สมาคมฟุตบอล "ไร้ที่ติ" โดย เมฆา ฟ้าแวบแวบ

ฟุตบอล : สมาคมฟุตบอล "ไร้ที่ติ" โดย เมฆา ฟ้าแวบแวบ

ฟุตบอล : สมาคมฟุตบอล "ไร้ที่ติ" โดย เมฆา ฟ้าแวบแวบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : ประเทศเราทำเวรทำกรรมกับสนามฟุตบอลไว้ครับ ทำไมถึงมีแต่เรื่องเต็มไปหมด

สนาม แบงค็อก ฟุตซอล อารีน่า ที่แสนจะภาคภูมิใจของผู้ใหญ่บางคนที่มั่นใจนักมั่นใจหนาว่าเสร็จทัน แต่เมืองนอกเค้าตีข่าวไปแล้วว่าเสร็จไม่ทัน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ความรับผิดชอบของสมาคมฟุตบอลซะทีเดียว แต่ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกับ กรุงเทพมหานคร

อับอายกันทั้งประเทศกันเลยทีเดียว เวลาพูดถึงสนามฟุตซอลแห่งนี้ ผู้คนก็จะนึกถึงเรื่องฉาวโฉ่ตั้งแต่เริ่มก่อสร้างสนามเลยทีเดียว

ที่ดินในการสร้างบ้างล่ะ งบเบิกช้าบ้างล่ะ อ้างว่าน้ำท่วมบ้างล่ะ เห็นแล้วก็ได้แต่ปลง เกิดเป็นแฟนบอลไทยต้องอดทน

นี่ยังไม่นับรวมสนามซ้อมของฟุตซอลทีมชาติไทย ที่ความเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้ทีมฟุตซอลทีมชาติไทยของเรานั้นได้เปรียบเลย เพราะสนามซ้อมก็ยังไม่ได้มาตราฐาน แถมยังต้องย้ายสนามซ้อมเหมือนเจ้าไม่มีศาล นี่หรือครับคนทำงานระดับโลก ถรุยยยยยยยยยส์!

ถ้าผู้ใหญ่ของเราประสานงานกันมากกว่านี้ ไม่เล่นพรรคเล่นพวก จนลามไปถึงการเมือง ผมว่าสนามคงออกมาสวยงามกว่านี้และเป็นที่น่าภาคภูมิใจเหมือนสนามราชมังคลากีฬาสถาน ที่เราก่อสร้างเพื่อรองรับการเป็นเจ้าภาพเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 นั่นเอง

แต่จนแล้วจนรอดก็เรื่องเพิ่มขึ้นมาอีกจนได้ ฟุตบอลซูซูกิ คัพ 2012 ที่ประเทศไทยเราเป็นเจ้าภาพร่วมกับมาเลเซีย ในครั้งนี้ ก็มีปัญหาในเรื่องของสนามฟุตบอลเช่นกัน

ถึงแม้ทีมชาติไทยจะได้ลงทำการแข่งขันในวันที่ 24-30 พฤศจิกายน โดยจะพบกับ ฟิลิปปินส์,เมียนมาร์ และเวียดนาม ตามลำดับ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน

แต่ครับแต่ เราไม่ได้เตะสนามราชมังฯทั้งทัวนาเมนท์นี้นะครับ เพราะว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ติดใช้งานรถแข่ง "เรดบูล สิงห์ เรซ ออฟ แชมเปี้ยน ไทยแลนด์" ในวันที่ 14-16 ธันวาคม ซึ่งตรงกับการแข่งขันซูซูกิคัพ ในรอบชิงชนะเลิศ

หันไปทางสนามศุภชลาศัย ก็ใช้ไม่ได้เหมือนกันเนื่องจากติดการแข่งขันฟุตบอลของกรมพละศึกษา

สมาคมฟุตบอลเลยระดมสมองใช้ความคิด สุดท้ายให้โยกย้ายไปเตะที่สนาม เอสซีจี สเตเดี้ยม สนามฟุตบอลของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 3 สมัย เป็นสังเวียนโม่แข้งแทน

ฟุตบอลระดับประเทศต้องย้ายสนามให้บอลกรมพละ เจริญล่ะ!

ความขลังของสนามกีฬาแห่งชาติหายไปไหนหมด หากย้อนไปเมื่อ 10 ปี ก่อน หากแฟนบอลได้เข้าไปชม หรือใครเคยสัมผัสจะรับรู้ว่าบรรยากาศมันสุดยอดแค่ไหน

ความจุสนามของเมืองทองนั้น อยู่ที่ราวๆ 15,000 ที่นั่ง รายการระดับอาเซี่ยน เตะในสนามความจุแค่นี้ มันน้อยเกินไปไหมครับ

ฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศในแต่ละที่นั้น เค้าเตะสนามที่มีความจุมากๆ เพราะมันเป็นหน้าเป็นตาให้บ้านเมือง ทำไมถึงไม่มีมาตราการรองรับตั้งแต่แรก

เรื่องสนามฟุตบอลที่มีความจุผู้ชมในสนามเยอะๆ มีหลายสนามนะครับ เช่น สนามของ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต ,สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา นครราชสีมา, สนามสมโภช 700 ปี เชียงใหม่ และสนามติณสูลานนท์ จ.สงขลา

สนามที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เคยจัดรายการระดับประเทศมาแล้ว รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลระดับอาเซี่ยนนะครับ ท่านคิดได้แค่นี้จริงๆหรือครับ

แล้วที่อ้างถึงสาเหตุที่ไปเตะต่างจังหวัดไม่ได้ เพราะติดปัญหาเรื่องการขนย้ายป้ายโฆษณา และทำแผนรองรับด้วยการติดโปรเจ็คเตอร์ยักษ์ไว้รองรับคนดูรอบสนาม

สุดยอดแผนรองรับไปเลยครับท่าน!

ไม่ทราบว่างบสนับสนุนจากสปอนเซอร์ต่างๆ ที่แปะไว้บนเสื้อซ้อมและเสื้อแข่งขันของทีมชาติ ทั้งหลายแหล่ ท่านเก็บงบส่วนนี้ไว้ไหนกันหมดครับ ย้ายป้ายโฆษณาใช้งบไม่เท่าไหร่หรอกมั้งครับ เพราะเม็ดเงินที่เข้าสมาคม ผมก็ว่าแต่ละปีนั้น ได้มากอยู่นะครับ

การทำงานของสมาคมฟุตบอลในการแก้ปัญหาในครั้งนี้ผมขอบอกเลยว่า "ไร้ที่ติ"

มีแต่ที่ให้ "ด่า"อย่างเดียว

เรื่องโดย "เมฆา ฟ้าแวบแวบ"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook