หนึ่งปีแห่งการเปลี่ยนแปลง
ลิเวอร์พูลมีโปรแกรมลงทำศึกพรีเมียร์ลีกนัดแดงเดือดกับแมนเชสเตอ์ ยูไนเต็ดที่แอนฟิลด์ในวันเสาร์นี้ ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 1 ปีเต็มพอดีที่จอห์น เฮนรี่เข้ามาเทกโอเวอร์สโมสรต่อจากทอม ฮิคส์และจอร์จ จิลเล็ตต์
ใน 12 เดือนดังกล่าวถือเป็นช่วงเวลาที่สับสนอลหม่านที่สุดในประวัติศาสตร์ของหงส์แดง ซึ่งเอียน อายร์ ผู้อำนวยการบริหารคนปัจจุบัน ได้ออกมาพูดถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากตอนนั้นจนถึงตอนนี้
ระหว่างนั้นมีหลายปัจจัยที่บ่งชี้ไปถึงการเปลี่ยนถ่ายที่น่าพึงพอใจ แต่คงไม่มีอะไรเกินไปกว่าการได้เคนนี่ ดัลกลิช อดีตนักเตะและผู้จัดการทีมระดับตำนานของทีม กลับมากุมบังเหียนอีกครั้ง
คิงเคนนี่ทำให้เหล่าเดอะค็อปกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกัน เขาทำให้นักเตะมีความสุขในการเล่นอีกครั้ง และทำให้แอนฟิลด์มีบรรยากาศแห่งความสามัคคีและภาคภูมิใจเช่นเดิม หลังจากที่สถานการณ์คับขันด้านการเงินของสโมสร บวกกับการย้ายทีมของเฟร์นานโด ตอร์เรสและการถูกไล่ออกของรอย ฮ็อดจ์สัน ทำท่าเหมือนจะเป็นสัญญาณแห่งหายนะของสโมสร
“ความรู้สึกภายในสโมสรเปลี่ยนแปลงไป เมื่อ 12 เดือนก่อนหน้านี้สปิริตของเราหายไป เพราะทุกคนรู้สึกได้แต่อุปสรรคในด้านลบ” เอ็มดีหงส์แดงบอก
“ตอนนี้มันเหมือนกับเราอยู่คนละโลกกับตอนนั้นเลย และนั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ผมภูมิใจที่สุด”
“ผมคิดว่าการทำให้ทุกคนกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันได้คือตัวเร่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุด และการแต่งตั้งเคนนี่ก็คือหัวใจหลักที่ทำให้เป็นแบบนั้น เราคุยกันว่าผมรู้สึกยังไงที่ต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาลเกี่ยวกับการฟ้องร้องเรื่องเทกโอเวอร์ และแม้แต่หลังจากที่เราได้จอห์น (เฮนรี่) และทอม (แวร์เนอร์) กับเฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ปมารอซื้อแล้ว เราก็ยังหัวหมุนกันอยู่ และนั่นคือช่วงเวลาที่เราต้องคอยถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป”
“สิ่งที่ตามมาหลังการแต่งตั้งเคนนี่คือมันทำให้ทุกคนมีจุดโฟกัสร่วมกัน เราหยุดคิดเรื่องอื่นและกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง นั่นคือสิ่งที่แฟนๆ ต้องการ มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง มันทำให้นักเตะมีแรงกระตุ้นมากขึ้นด้วย”
“สำหรับผมแล้ว มันทำให้ทุกคนหยุด และเราก็เริ่มต้นสร้างทีมขึ้นมาใหม่หลังจากนั้น ผมคิดว่าการแต่งตั้งเคนนี่คือตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้เรามาอยู่ในจุดนี้ได้ เจ้าของทีมไม่ได้โชคดี พวกเขาฉลาดที่แต่งตั้งเคนนี่ต่างหาก”
“มีคนอื่นๆ ที่เป็นแคนดิเดทด้วย แต่เมื่อดูจากสิ่งที่พวกเขาได้ยินได้ฟังมาจากคนนั้นคนนี้ พวกเขาก็ตัดสินใจอย่างฉลาด”
ดัลกลิชทำให้ลิเวอร์พูลมีโอกาสได้ฝันอีกครั้ง แม้แต่การจากไปของตอร์เรสก่อนวันสุดท้ายของการปิดตลาดซื้อขายเดือนมกราคมก็ยังกลายเป็นชัยชนะในบางแง่ เพราะมีการซื้อแอนดี้ คาร์โรลล์และหลุยส์ ซัวเรซเข้ามาเสริม และแน่นอนว่ายังไม่นับเรื่องที่ดาวยิงชาวสเปนล้มเหลวกับต้นสังกัดใหม่ด้วย
อายร์ตระหนักเรื่องนั้นดี รวมถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงทั้งบรรยากาศและสภาพจิตใจภายในแอนฟิลด์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
เอ็มดีของหงส์แดงเคยพูดไว้เมื่อหนึ่งปีก่อนว่า “ลิเวอร์พูลใกล้แล้ว” ในช่วงที่หนี้สิน 300 ล้านปอนด์กำลังเป็นภาระที่หนักหนาสาหัสของสโมสร จนอาจจะทำให้ต้องพบกับวิกฤติถึงขั้นล้มละลาย ยังดีที่ศาลช่วยให้ลิเวอร์พูลหลุดพ้นจากเงื้อมมือเจ้าของเก่าที่น่ารังเกียจมาได้
ขณะที่ดาวยิงประจำทีมอย่างตอร์เรสก็อยากย้ายหนี นักเตะดังๆ อีกหลายคนไม่แฮ็ปปี้กับทีม แฟนๆ เริ่มเป็นปฏิปักษ์กับสโมสรและขัดแย้งกันเอง และผู้จัดการทีมก็อยู่ภายใต้ความกดดันมหาศาลจนทำให้มีแค่ทางเลือกเดียวเหลืออยู่สำหรับเขา
แต่เจ้าของใหม่ก็พาหงส์แดงนาวาผ่านมรสุมมาได้ แม้จะยอมรับว่าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฟุตบอลเลยก็ตาม และในการครบรอบ 1 ปีของการเทกโอเวอร์สโมสรที่ต้องสู้รบปรบมือกันอยู่นานจนถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล อายร์ก็ยืนยันว่ามีบางอย่างที่น่าจดจำเกิดขึ้น
“ช่วงเวลาของการเทกโอเวอร์ การสู้คดีในศาล เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก แต่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมคือเราประสบความสำเร็จในบางเรื่องอย่างน่าพอใจมาก เราทำให้สโมสรพ้นจากภาวะที่ล่อแหลมได้”
“เมื่อ 12 เดือนก่อนผมไม่คิดว่าเรามีสิทธิ์แม้แต่จะฝันถึงการมาได้ไกลแบบจุดที่เราอยู่ในตอนนี้ มันเป็นหายนะที่เราผ่านพ้นมาได้ บางทีนี่อาจจะเป็นบทสรุปของสิ่งที่เกิดขึ้น”
==============================================
เส้นทางการเทกโอเวอร์
4 ตุลาคม 2010: ลิเวอร์พูลได้รับ 2 ข้อเสนอที่จะเข้ามาเทกโอเวอร์ หนึ่งมาจากกลุ่มทุนเอเชีย อีกหนึ่งมาจากกลุ่มนิวอิแลนด์ สปอร์ต เวนเจอร์ส (NESV) ของสหรัฐฯ ซึ่งมีจอห์น เฮนรี่เป็นเจ้าของ
5 ตุลาคม 2010: NESV บรรลุข้อตกลงในการเทกโอเวอร์ หลังจากบอร์ดสโมสรมีมติ 3-2 ให้ปลดจอร์จ จิลเล็ตต์และทิม ฮิคส์ สองเจ้าของร่วม พ้นตำแหน่ง
6 ตุลาคม 2010: ฮิคส์และจิลเล็ตต์พยายามปลดคริสเตียน เพอร์สโลว์ ผู้อำนวยการบริหารในตอนนั้น รวมถึงเอียน อายร์ ซึ่งนั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจอยู่ เพื่อหวังเอาชนะข้อเสนอเทกโอเวอร์ของ NESV
7 ตุลาคม 2010: ฮิคส์บอกว่าจะสู้จนถึงศาลสูง เพราะข้อเสนอมูลค่า 300 ล้านปอนด์ที่ยื่นเข้ามาไม่ตรงกับจำนวนที่เรียกร้องไป
8 ตุลาคม 2010: พรีเมียร์ลีกอนุมัติการเทกโอเวอร์ของ NESV
12 ตุลาคม 2010: ปีเตอร์ ลิม นักธุรกิจสิงคโปร์ ยื่นข้อเสนอมูลค่า 320 ล้านปอนด์เข้าไป
13 ตุลาคม 2010: ศาลเท็กซัสอนุญาตให้ฮิคส์และจิลเล็ตต์ได้รับการคุ้มครองชั่วคราวเพื่อไม่ต้องขายสโมสร
14 ตุลาคม 2010: ศาลสูงอังกฤษตัดสินว่าการคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวไม่มีผลในอังกฤษ
15 ตุลาคม 2010: ฮิคส์และจิลเล็ตต์ยอมถอนฟ้อง และการเทกโอเวอร์มูลค่า 300 ล้านปอนด์ของ NESV ก็ดำเนินการต่อได้จนเสร็จสิ้น และเจ้าของใหม่ก็เคลียร์หนี้สินมูลค่า 237 ล้านปอนด์ได้ทันเวลาที่จะถูกนำเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ