"จิ้งจอก" ทำได้
เป็นอีกครั้งที่ฟุตบอลพิสูจน์ให้เราได้เห็นว่าไม่มีอะไรที่ "เป็นไปไม่ได้" ในโลกลูกหนัง
ก่อนเกมนัดนี้มรสุมถาโถมเข้าใส่ เลสเตอร์ สารพัด การเด้ง รานิเอรี่ ทำให้รอบสนาม คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยมลุกเป็นโชน สาวกหลายคนลงมติแอนตี้เสี่ยวิชัยเรื่อยพาลไปถึง เคร็ก เช็คสเปียร์ บุรุษผู้เข้ามาสานต่อ
แต่ใครจะเชื่อครับว่าให้หลัง 2-3 สัปดาห์ เช็คสเปียร์ จะสยบเสียงวิพากษ์ และ ดับไฟอันมอดไหม้ลงพร้อมกลายร่างเป็นอัศวินขี่ "จิ้งจอก" กอบกู้วิกฤติได้อย่างยิ่งใหญ่
เกมล่าสุดที่คว่ำ เซบีญ่า 2-0 ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานชิ้นโบว์แดงที่โลกนี้ต้องจดจำ เช็คสเปียร์ ก่อนเกมนัดนี้อย่างที่เคยเกริ่นไปเมื่อ 2 วันก่อนว่าด้วยสไตล์บู๊ล้างผลาญทั้งคู่ทำให้เกมนี้น่าจะออกมาในรูปแบบ "ใส่กันแหลก" ชนิดไร้ความปราณี แต่ปรากฏว่า "ผิดคาด" ครับ
ในขณะที่ เซบีญ่า พร้อมเปิดเกมแลกด้วย เลสเตอร์ ผู้สกอร์รวมตามหลังกลับเยือกเย็น และใช้สไตล์ "ล่องูเข้าบ้าน" รับแล้วโต้กลับใส่ขณะที่คู่แข่งเผลอตัว
ประตูของ เวส มอร์แกน ที่ใช้หัวเข่าจิ้มบอลเข้าประตูไป ถือว่ามาได้ถูกจังหวะ ดอกนั้นทำให้แรงใจ "เดอะ ฟ็อกซ์" เพิ่มสูงขึ้นกลับกันทำให้หมากของ ฮอร์เก้ ซามเปาลี ที่เตรียมมาต้องพังทลาย
หลังจากนั้นแข้ง เลสเตอร์ ก็วิ่งกันแบบลืมตาย นักเตะ "สุนัขจิ้งจอก" เพรสซิ่งกันสุดชีวิตจริงๆทั้ง คริสเตียน ฟุคส์ ที่วิ่งขึ้น-วิ่งลงราวกับสุนัขจนตรอกเรื่อยมาถึงหัวหอกอย่าง วาร์ดี้ ที่เข้ากดดันจนเกมรับ เซบีญ่า ก่อความผิดพลาดหลายครั้ง
ถึงจะได้ชื่อว่าจอมเพรสซิ่งต้นตำรับแต่เจอแบบนี้... ซามเปาลี ก็ถึงกับ "ไปไม่เป็น"
จุดโทษที่เซฟได้ของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ทำให้ เลสเตอร์ ยังอยู่ในเส้นทางและจะว่าไปแล้วเป็น เซบีญ่า เองที่ไม่อาจคุมสถานการณ์และเสียค่าโง่เองด้วย
ใบแดงของ ซามีร์ นาสรี่ ที่เสียไปต้องบอกว่า "ไม่จำเป็น" เลยและยิ่งตอกย้ำให้สถานการณ์ของทีมเลวร้ายกว่าเก่า ส่วน เลสเตอร์ นี่เป็นอีกหนึ่งเกมที่พวกเขาเล่นกันได้ดีที่สุดในซีซั่นนี้
อาจมีพลาดบ้างสำหรับ เจมี่ วาร์ดี้ ที่หากคมกว่านี้อีกหน่อยทีมคงตบเท้าเข้ารอบแบบสบายๆ แต่ "ชนะ" ก็คือ "ชนะ" ท้ายที่สุดมิสชั่นก็ "Complete" จะสกอร์ไหนก็ฉลุยเหมือนกัน
ถึงตรงนี้กับรอบ 8 ทีมสุดท้ายไม่ว่าจะเจอทีมใดก็คงไม่ต่าง แต่เชื่อได้เลยครับว่าการเข้ารอบของพวกเขาทำให้เส้นทาง ชปล. ซีซั่นนี้มีสเน่ห์ขึ้นอีกเป็นกอง...
และผมก็มั่นใจอีกเช่นกันว่าแฟนบอลกว่าหลายล้านคนพร้อมใจที่จะ "เอาใจช่วย" พวกเขา
จากแชมป์ลีกสู่โซนตกชั้น ก่อนจะพลิกกลับมาคว้าแชมป์ UCL หนแรกในประวัติศาสตร์ แค่คิดถึงก็ "ขนลุก" แล้ว