"จิ้งจอกสยาม" ตัวแทนหนึ่งเดียวจากอังกฤษ

"จิ้งจอกสยาม" ตัวแทนหนึ่งเดียวจากอังกฤษ

"จิ้งจอกสยาม" ตัวแทนหนึ่งเดียวจากอังกฤษ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล “ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก” ฤดูกาลนี้เป็นอีกครั้งที่ทีมจากเกาอังกฤษอย่าง “อาร์เซน่อล” กับ “แมนฯซิตี้” ล้มเหลวหลังจากไม่สามารถผ่านรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยขุนพลผืนใหญ่ถูกพี่เสือ “บาเยิร์น มิวนิค” ยิงไส้แตกไปกลับรวม 10 ประตู และ “แมนฯซิตี้” ก็ตกรอบด้วยกฎอเวย์โกล์หลังจากสองนัดเสมอกับทีมฟอร์มดีจากฝรั่งเศส “โมนาโก” 6-6

มีเพียงทีมเดียวคือจิ้งจอกสยาม “เลสเตอร์ ซิตี้” ที่สามารถปราบทีมม้ามืดจากสเปน “เซบีญ่า” ด้วยประตูรวม 3-2 ยิ่งการกลับมาเอาชนะคู่แข่งในบ้านเมื่ออังคารที่ผ่านมา 2-0 ทำให้ลูกทีมของ “เคร็ก เชสเปียร์” คือ “ตัวแทน” หนึ่งเดียวของประเทศ

ขุนพลจิ้งจอกสยามแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว มาเล่นฟุตบอลรายการนี้เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์สโมสรถือว่ามาได้ไกลกว่าที่คิด ถ้าใครได้ดูภาพการแข่งขันนัดล่าสุดจะเห็นได้ว่านักเตะของทีมเล่นแบบ “มุ่งมั่น” วิ่งสู้ฟัดทุกคน บวกกับจังหวะที่ดีกว่า

lcfclllaz
จุดแรกที่ต้องชมก่อนเลยคือ “เกมรับ” คู่เซนเตอร์อย่าง “เวลส มอร์แกน” กับ “โรเบิร์ต ฮูธ” เล่นได้อย่างเหนียวแน่นไม่มีจังหวะที่เล่นเสี่ยง จังหวะไหนไม่แน่ใจ “เคลีย์บอล” ออกไว้ก่อนรวมทั้งการอ่านเกมตลอด 90 นาที แถม “มอร์แกน” ยังอยู่ที่ถูกเวลาทำประตูแรกให้กับทีมอีกด้วย

อย่างไรก็ตามฟุตบอลยังไงก็ต้องมีจังหวะคู่แข่งลุ้นถูกยิงบ้าง แต่ “ฮีโร่” ของทีม “แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล” สามารถโชว์ฟอร์มหนึบเซฟช่วยทีมได้ทุกจังหวะ และที่พีคไปกว่านั้นคือการ “เซฟจุดโทษ” ไม่ใช่แค่นัดนี้แต่นัดแรกที่บ้านคู่แข่งอีกด้วย

สไตล์การเล่นของทีมในแบบฤดูกาลที่แล้วกลับมาให้เห็นอีกครั้ง “แดนนี่ ดริ๊งค์วอเตอร์” กับ “โอยินเย่ นดีดี่” เปรียบเสมืองผึ้งงานคอยไล่บอลจนนักเตะคู่แข่งไม่มีพื้นที่เล่น ขณะที่แนวรุกเวลาบุก “ริยาร์ด มาร์เรซ” “เจมี่ วาร์ดี้” และ “มาร์ค อัลไบร์ตัน” ซึ่งรายหลังยิงประตูที่สอง ก็สร้างจังหวะได้น่ากลัวโดยเฉพาะเกมโต้กลับที่สามารถฉีกแนวรับของคู่แข่งได้หลายครั้ง

lcfclllaz2
ดังนั้นรางวัลแห่งความสำเร็จของทีมคือการเขียนประวัติศาสตร์ฟุตบอลยุโรปยังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ไม่แน่บางที เราอาจจะได้เห็น “เทพนิยายของจิ้งจอก” ภาคต่อจากฤดูกาลที่แล้วก็ได้   

มากันที่เกมของเรือใบสีฟ้า “แมนฯซิตี้” ที่เป็นครั้งแรกในชีวิตการคุมทีมของ “เป็ป กวาดิโอร่า” ทำทีมตกรอบนี้ด้วยการแพ้ “โมนาโก” 1-3 ทั้งๆที่นัดแรกในบ้านเอาชนะมาก่อน 5-3 เพราะก่อนหน้านี้ “เป็ป” สามารถพาทีมถึงรอบรองหรือรอบก่อนรองเป็นอย่างน้อย

แต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่จาก “เกมรับ” ของทีมที่เป็นปัญหามาตลอดฤดูกาลนี้ บวกกับ “ความแข็งแกร่ง” ของทีมจ่าฝูงลีกเอิงในฤดูกาลนี้ที่มาดีเหลือเกิน โดยลูกทีมของ “เลโอนาร์โด ยาร์ดิม” มาเปิดเกมรุกใส่ตั้งแต่ต้นเกมซึ่งนักเตะภายในทีมชุดนี้ถือว่าเป็นทีมพลังหนุ่มส่วนใหญ่อายุไม่มาก ทั้ง “ไคเรียน เอมปาเป้” (18) หรือ เบอร์นาโด้ ซิลวา (22) “ติโม โบกาโยโก้” (22) แต่ก็มีตัวเก๋าคอยประคองอย่าง “เจา มูตินโญ่” กับ “อันเดรีย เรจจี้”

สุดท้ายขุนพลเรือใบสีฟ้าคงโทษใครไม่ได้นอกจากโทษตัวเองที่แนวรับ “อ่อนหัด” เอง และไม่น่าเชื่อว่าเป็นอีกครั้งที่ทีมจากอังกฤษเหลือแค่ทีมเดียวคือ “เลสเตอร์ ซิตี้” ครับ

แบงค์ พิพัช

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook